รองเท้าผ้าใบ ถือเป็นหนึ่งในรองเท้า ที่สามารถสวมใส่แมตต์กับเสื้อผ้าได้หลากหลายสไตล์ที่สุด ไม่ว่าจะเป็นใส่กับกางเกงยีน กางเกงขาสั้น กระโปรง หรือแม้แต่เดรส เพราะฉะนั้นรองเท้าผ้าใบก็มีความสำคัญไม่ต่างจากเสื้อผ้าชิ้นอื่น ๆ เช่นกัน ที่จะต้องได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมเพื่อให้รองเท้าสามารถสวมใส่ได้ยาวนานและดูดีเหมือนซื้อมาใหม่ ดังนั้น จะมี วิธีซักรองเท้าผ้าใบ อย่างไรให้ถูกวิธี ? วันนี้เรามีคำตอบมาฝากกันค่ะ
11 วิธีซักรองเท้าผ้าใบ ให้ขาวสะอาด เหมือนได้รองเท้าผ้าใบคู่ใหม่!
1. ถอดเชือกรองเท้า พื้นรองเท้า และนำสิ่งสกปรกที่อยู่ภายในรองเท้าออก
ก่อนซัก ให้ถอดเชือกรองเท้า และนำพื้นรองเท้าด้านในออกจากรองเท้าผ้าใบของคุณ และเขย่าให้สิ่งสกปรกหลุดออก จากนั้นนำไปใส่ในเครื่องซักผ้า หากรองเท้าผ้าใบของคุณสกปรกเป็นพิเศษ คุณสามารถกำจัดคราบก่อนซัก ด้วยน้ำยาขจัดคราบได้
2. ตั้งค่าเครื่องซักผ้าเป็นโหมดปั่นเบา
หากนำรองเท้าผ้าใบซักในเครื่องซักผ้า แนะนำให้เลือกโหมดปั่นหมาดในเครื่องซักผ้าของคุณ แล้วใช้น้ำเย็น แต่ถ้าหากจะซักรองเท้าผ้าใบหนัง แนะนำให้หลีกเลี่ยงการซักใช้เครื่องซักผ้า ให้ทำความสะอาดด้วยมือ โดยใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ แทน
3. เติมผงซักฟอกสำหรับรองเท้าผ้าใบโดยเฉพาะ
เติมผงซักฟอกสำหรับรองเท้าผ้าใบจำนวนเล็กน้อยลง ใส่ลงไปในเครื่องซักผ้า หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาซักผ้าทั่วไป เพราะอาจทำให้วัสดุของรองเท้าผ้าใบเสียหายได้
4. ซักผ้าใบให้ขาว กระดาษทิชชูสีขาว
นำรองเท้าผ้าใบไปขัดด้วยผงซักฟอกให้สะอาด หลังจากนั้นนำกระดาษทิชชูมาแปะไว้กับรองเท้าหลาย ๆ ชั้นและนำไปตากแดด หากรองเท้ามีคราบสกปรกฝังแน่นให้ใช้น้ำเกลือฉีดก่อนใช้ทิชชูแปะ กระดาษทิชชูจะช่วยดูดคราบสกปรก เมื่อรองเท้าแห้งแล้วให้แกะทิชชู่ออก รับรองว่าจะได้รองเท้าผ้าใบขาวปิ๊งเหมือนใหม่
5. ซักผ้าใบให้ขาว ใช้แอมโมเนีย
นำรองเท้าผ้าใบแช่ทิ้งไว้ในน้ำยาซักผ้าขาวประมาณครึ่งชั่วโมง หรือใช้แอมโมเนียเช็ดบริเวณรอยเปื้อน คราบฝังแน่น และขัดด้วยผงซักฟอก ล้างให้สะอาด หลังจากนั้นให้โรยแป้งฝุ่นทั่วรองเท้า ก่อนนำไปตาม ก็จะได้รองเท้าผ้าใบที่ขาวสะอาดปิ๊ง
6. ซักรองเท้าพละ ใช้เบกกิ้งโซดา
ถ้ารองเท้าผ้าใบมีคราบสกปรกสุด ๆ ให้แช่รองเท้าผ้าใบในน้ำเย็นสักพัก นำเบกกิ้งโซดาหรือผงซักฟอกผสมกับน้ำส้มสายชูในอัตราส่วน 2:3 คนให้เข้ากับจนเป็นเนื้อครีม นำมาขัดคราบสกปรกที่รองเท้าออกให้หมด จากนั้นนำรองเท้าผ้าใบใส่ในถุงซักผ้าเพื่อนำลงไปซักในเครื่องซักผ้ากับผงซักฟอกอีกที เสร็จแล้วนำไปพันทิชชูตากแห้ง เพียงเท่านี้รองเท้าผ้าใบก็ขาวใสปิ๊ง
บทความที่เกี่ยวข้อง : 10 วิธีทำให้รองเท้าหายเหม็น รองเท้าเหม็น ซักยังไงก็ไม่หาย เคล็ดลับแม่บ้าน
7. ใช้ยาสีฟัน
เพียงเตรียมยาสีฟันเนื้อขาว ๆ และแปรงสีฟันเก่า ๆ คุณแม่ลองใช้ยาสีฟันค่อย ๆ ขัดบริเวณที่เป็นคราบเหลือง หรือคราบสกปรกทั้งหลาย ขัดให้ทั่วแล้วทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จากนั้น นำไปซักออกด้วยน้ำเย็น ค่อย ๆ เอาแปรงสะอาดขัดออก แล้วนำไปตากให้แห้ง สังเกตดูว่าคราบต่าง ๆ นั้นออกไปหรือไม่ หากยังออกไม่หมด แนะนำให้ทำซ้ำแบบนี้ไปสัก 2-3 รอบค่ะ
8. ใช้ผงฟูกับน้ำยาซักผ้า
ก่อนอื่นคุณแม่ต้องเตรียม ผงฟู ผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้า น้ำและแปรงสีฟันเก่า ๆ จากนั้น ผสมผงฟูและผงซักฟอกในอัตราส่วนที่เท่า ๆ กัน หากเป็นน้ำยาซักผ้า คุณแม่ลองกะดูว่าเข้ากันได้ไหม ค่อย ๆ เติมผงฟูทีละน้อย เมื่อผสมกันพอดี ให้นำแปรงสีฟันมาจุ่มแล้วค่อย ๆ ขัดรองเท้าผ้าใบตรงส่วนที่มีคราบเกาะ ไม่ว่าจะคราบสกปรก คราบเหลือง แล้วทาให้ทั่วรองเท้าทิ้งไว้ในที่ร่ม 30 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาดปกติ ดูว่าคราบออกหมดหรือยัง
9. ใช้น้ำยาล้างเล็บ
สิ่งที่คุณแม่ต้องเตรียมคือ น้ำยาล้างเล็บและสำลี เริ่มต้นด้วย เหยาะน้ำยาล้างเล็บลงบนสำลีให้ชุ่ม จากนั้น ค่อย ๆ ซับลงไปตรงบริเวณที่มีคราบสกปรก หากตรงไหนคราบเหลืองมาก ก็ขัดถูตรงบริเวณคราบ จะพบว่าคราบสกปรกที่ติดแน่นนั้นค่อย ๆ ออก เมื่อถูจนทั่วรองเท้าแล้ว ให้คุณแม่นำรองเท้าลูกไปล้างด้วยน้ำสบู่ เพื่อขจัดกลิ่นฉุนของน้ำยาล้างเล็บ แล้วล้างน้ำเปล่าให้สะอาดจึงนำไปตากให้แห้งในที่ร่ม
10. ใช้น้ำส้มสายชูกับผงฟู
คุณแม่ต้องเตรียมน้ำส้มสายชู ผงฟู แปรงสีฟันเก่า กะละมัง น้ำร้อน โดยเริ่มจากให้นำผงฟูผสมกับน้ำส้มสายชู ลองกะปริมาณดูให้พอดี โดยค่อย ๆ เติมผงฟูจนเข้ากัน จากนั้นเติมน้ำอุ่นเล็กน้อยให้ส่วนผสมแรกพออุ่น ๆ ที่สำคัญคุณแม่ต้องกะปริมาณน้ำส้มสายชู ผงฟู น้ำอุ่นให้พอดีกับรองเท้าของลูกทั้งคู่ เมื่อเตรียมส่วนผสมดังกล่าวแล้ว ให้คุณแม่ใช้แปรงสีฟันเก่า ถูผงฟูที่ผสมไว้ให้ทั่วรองเท้า แล้วขัดบริเวณที่เป็นคราบให้ออก ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที จึงนำไปซักให้สะอาดแล้วตากในที่ร่มค่ะ
11. ผึ่งลมให้แห้ง
เมื่อซักเสร็จแล้ว ก็ให้นำรองเท้าผ้าใบออกมาผึ่งลมให้แห้ง ห้ามใส่ในเครื่องอบผ้า เพราะอาจทำให้รองเท้าผ้าใบเสียหายได้ แล้วก็นำกระดาษทิชชูมาแปะไว้กับรองเท้าเพื่อช่วยดูดซับความชื้น แล้วปล่อยให้แห้งข้ามคืน
อย่างไรก็ตามวิธีซักรองเท้าทั้ง 11 วิธีนี้ไม่เหมาะกับการนำมาซักกับรองเท้าผ้าใบแบบหนังด้วยเด็ดขาด และเมื่อซักทำความสะอาดเสร็จแล้วควรนำมาตากลมให้แห้ง ไม่ควรใช้ไดร์เป่าผมทำให้แห้งเพราะจะทำให้รองเท้าเสียทรง เท่านี้คุณก็สามารถทำความสะอาดรองเท้าใบให้กลับมาขาววิ้ง ต่อจากนี้ หลังจากนำมาใช้งานสวมใส่แล้ว ก็จะต้องหมั่นทำความสะอาด และวางรองเท้าในที่โล่ง ๆ เพื่อตากลมให้ไม่มีกลิ่นอับด้วยนะคะ
วิธีรักษาสภาพรองเท้า ให้ดูเหมือนใหม่
แน่นอนว่ารองเท้าผ้าใบคู่โปรดของเรา ก็ย่อมอยากรักษามันให้ใช้ได้นานที่สุด และดูสะอาดเหมือนใหม่ที่สุด โดยเฉพาะรองเท้าผ้าใบสีขาวที่ถ้าสกปรกแล้วจะเห็นได้ชัด วันนี้เราจึงมีวิธีดูและรักษารองเท้าให้เหมือนใหม่อยู่ตลอดเวลา มีอะไรบ้าง มาดูกัน!
1) หลีกเลี่ยงการเหยียบส้น
การเหยียบส้นรองเท้าเป็นวิธีที่ทำให้รองเท้าเสียทรงและขอบยางเสียหายได้ ยิ่งถ้าเป็นรองเท้าผ้าใบสีขาว ก็จะยิ่งจะเห็นรอยตำหนิการสึกหรอได้ง่าย ดังนั้นควรเลือกรองเท้าพอดีกับไซส์เท้า สวมใส่ถุงเท้า และหลีกเลี่ยงการเหยียบส้นรองเท้า หรืออาจจะเลือกรองเท้ารุ่นที่ออกแบบมาให้เปิดส้น เพื่อเพิ่มความสะดวกในการสวมใส่ได้ค่ะ
2) ห่อกระดาษทิชชู่แล้วนำไปตากแดด
นำกระดาษทิชชู่มาห่อรองเท้าผ้าใบแล้วนำไปตากแดด ซึ่งกระดาษทิชชู่จะช่วยซับน้ำจากรองเท้าผ้าใบเราออกมา ทำให้รองเท้าแห้งสนิท สีไม่เหลือง โดยเฉพาะรองเท้าผ้าใบสีขาว ที่จะเหลืองง่าย แต่ไม่ควรตากแดดที่แรงเกินไป เพราะจะทำให้สีรองเท้าผ้าใบของเราสีซีดได้ค่ะ
3) ไม่ควรปล่อยให้รองเท้าอับชื้น
หลังจากที่เราไม่ใส่รองเท้าผ้าใบแล้ว ควรนำไปผึ่งลมก่อนแล้วค่อยนำเก็บเข้าตู้ เพราะรองเท้าผ้าใบยังมีความชื้นจากเหงื่อของเราอยู่ และชั้นรองเท้าหรือตู้รองเท้า ควรใช้เป็นตู้ที่มีรูระบายอากาศ เพื่อป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์ค่ะ
วิธีเลือกรองเท้ากีฬาคู่ใหม่ให้ลูก
หากรองเท้าผ้าใบของลูก ๆ ไม่สามารถเยียวยาให้กลับมาเหมือนใหม่แล้ว เรามาดูวิธีเลือกรองเท้าคู่ใหม่กันดีกว่าค่ะ เพราะรองเท้ากีฬาถือว่ามีความสำคัญต่อเด็ก วัยเรียน วัยเล่น เพราะการทำกิจกรรมของพวกเขาต้องอาศัยความคล่องแคล่วแล้ว รองเท้าผ้าใบถือว่า เพราะเป็นตัวช่วยรองรับน้ำหนักและแรงกดต่าง ๆ
ที่สำคัญคือทำให้การเคลื่อนไหวของเด็ก ๆ เป็นไปอย่างปลอดภัย รองเท้าที่ดีต้องไม่พลิกหรือทำให้ล้มง่ายขณะวิ่ง โดยเฉพาะรองเท้ากีฬาของเด็ก คุณพ่อคุณแม่จำเป็นจะต้องใส่ใจในการเลือกให้มาก เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อเด็กด้านสุขภาพร่างกาย เพราะอาจเกิดเท้าพลิกจนต้องใส่เฝือกก็ได้ค่ะ วันนี้เราจึงขอแนะนำ 3 วิธีเลือกรองเท้ากีฬาหรือรองเท้าผ้าใบให้เหมาะกับลูก ๆ
1. เบอร์หรือไซซ์รองเท้าเด็ก
การเลือกขนาดรองเท้าเด็กหรือเบอร์นั้นค่อนข้างยุ่งยาก เพราะแต่ละยี่ห้อก็มีมาตรฐานการวัดขนาดไม่เท่ากัน ยิ่งการซื้อรองเท้าที่ต้องระบุอายุเด็กแล้ว แทบจะช่วยไม่ได้เลย ดังนั้น รองเท้าที่ดีจึงต้องระบุถึงขนาดไซส์ที่วัดตั้งแต่ปลายนิ้วโป้งไปจนถึงส้นเท้าให้ชัดเจนเพื่อความแม่นยำในการซื้อไปให้เด็ก ๆ นอกจากนี้ก็ต้องวัดความกว้างของหน้าเท้าเพิ่มเข้าไปด้วย เพราะไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่มักจะมีปัญหาที่หน้าเท้าค่ะ
2. ไม่ควรซื้อรองเท้าเผื่อตอนโต
ไม่ว่าจะซื้อเผื่อแค่ 1-2 ปี อย่าลืมว่า เด็กสมัยนี้โตเร็วมาก การซื้อรองเท้าที่ไซส์ใหญ่เกินไป อาจเกิดอันตรายต่อเด็ก ๆ ได้ค่ะ ควรพาลูกไปซื้อโดยใช้วิธีให้ลูกได้ลองสวมใส่พร้อมถุงเท้าที่ใช้เป็นประจำ ถ้าคู่ไหนที่ใส่แล้วสบายเท้า ไม่แน่นมากจนอึดอัด และไม่หลวมจนเคลื่อนไหวลำบาก ก็ให้เลือกคู่นั้น เพราะการเลือกรองเท้าที่ไม่พอดี จะส่งผลให้เด็กวิ่งแล้วสะดุดล้มได้ง่ายมากค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : 6 ข้ออย่าพลาดก่อนเลือกซื้อรองเท้าให้ลูก และ ไซส์รองเท้าเด็ก คร่าว ๆ
3. อย่าปล่อยปละละเลยถ้าลูกบอกว่า รองเท้าคับแล้ว
เด็ก ๆ มักจะมีกิจกรรมทั้งเดินและวิ่ง บางครั้งรองเท้าที่เพิ่งซื้อมา ทำให้ลูกเดินแล้วเจ็บ วิ่งแล้วหลังเท้าโดนกัดจนเป็นแผล คุณแม่ไม่ควรปล่อยให้ลูกใส่รองเท้าคู่เดิมเมื่อลูกบ่นว่าเจ็บ อย่าลืมว่าลูก ๆ ต้องใส่รองเท้าไปเป็นปี ๆ ยิ่งเด็กอายุ 3-6 ขวบ เด็กจะโตเร็วมาก เท้าจะขยายใหญ่ขึ้น หากต้องเปลี่ยน คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องตัดใจซื้อค่ะ ดีกว่าให้ลูกได้รับบาดเจ็บจะเสียค่ารักษาพยาบาลแพงกว่าค่ารองเท้าแน่นอน
ที่สำคัญ คุณพ่อคุณแม่ต้องซื้อรองเท้าให้ถูกประเภทของกีฬาที่ลูกเล่นด้วยนะคะ เช่น รองเท้าสตั๊ดช์ใช้กับกีฬาฟุตบอล รองเท้าฟุตซอลก็ใช้กับกีฬาฟุตซอล หรือรองเท้าผ้าใบแบบเรียวยาวกระชับเท้าก็จะเหมาะกับการวิ่ง เป็นต้น หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ให้กับทุกคนนะคะ เพียงแค่ทำตามขั้นตอนเหล่านี้ คุณก็สามารถรักษารองเท้าผ้าใบของคุณให้สะอาดและดูใหม่อยู่เสมอได้แล้วค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
10 รองเท้าผ้าใบเด็ก สวมใส่สบาย น้ำหนักเบา เคลื่อนไหวคล่องตัว!!
สอนลูกใส่รองเท้าครั้งแรก ต้องทำอย่างไร? เทคนิคง่าย ๆ ทำตามไม่ยาก
6 ข้ออย่าพลาดก่อนเลือกซื้อรองเท้าให้ลูก และ ไซส์รองเท้าเด็ก คร่าว ๆ
ที่มา : fiercebook , sistacafe, kimandco
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!