ตอนดูแลลูกก็ว่าดูแลดีแล้ว พาแปรงฟัน พาบ้วนปากตลอด แต่ลูกยังฟันผุอยู่ ต้องจัดการปัญหานี้ยังไง ลูกฟันผุ ฟันผุหมดปาก ทําไงดี กลัวฟันแท้ลูกขึ้นแล้วก็กลับไปผุอีก แม่ ๆ คนไหน กลุ้มใจกับเรื่องนี้ ลองมาดูสาเหตุที่ทำให้ เด็กฟันผุ กันดีกว่า
ปัญหาฟันผุในเด็ก เด็กฟันผุ ฟันผุเยอะมาก ทำอย่างไรดี
นพ.ภาสกร ชัยวานิชศิริ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรคฟันผุโดยทั่วไป เกิดจากแบคทีเรีย ที่อาศัยอยู่ในช่องปากรวมตัวกับเศษอาหารและน้ำลายสะสมกันเป็นคราบ ตอนนี้ปัญหาฟันผุในเด็ก สามารถพบได้ตั้งแต่เด็กอายุไม่ถึง 1 ปี หรือเริ่มมีฟันน้ำนมขึ้นเป็นซี่แรก สาเหตุหลักๆ เกิดจากการเลี้ยงดูของครอบครัว ที่พ่อแม่ชอบปล่อยให้ลูกน้อยกินของหวาน ขนมขบเคี้ยว แต่อีกสาเหตุหนึ่ง คือ การปล่อยให้เจ้าตัวน้อยนอนหลับไปพร้อมกับขวดนม ซึ่งในนมทั้งนมแม่และนมผงนี้มันจะมีน้ำตาลอยู่จำนวนหนึ่ง เจ้าน้ำตาลพวกนี้แหละที่เข้าไปทำลายสารเคลือบฟันน้ำนม ทำให้ฟันผุนั่นเอง
เมื่อลูกรักฟันผุ เด็กจะมีอาการปวดฟันตามมา บางคนจะรู้สึกเจ็บปวดมาก จนไม่อยากจะกินข้าวก็จะเป็นปัญหาอีก และเมื่อฟันผุมากๆ จำเป็นต้องถอนออก จะทำให้ฟันแท้นั่นขึ้นมาช้าอีก บางคนอาจเจอปัญหาฟันซ้อนเกไปด้วย หากเจอฟันผุแล้วต้องรีบรักษา เพราะไม่อย่างนั้นมันจะรุกรามและขยายใหญ่ขึ้น จนฟันอาจจะผุหมดปากก็ได้
บทความที่เกี่ยวข้อง : เหงือกเป็นหนอง ฟันผุมาก พรุนทั้งปาก เพราะลูกงอแงแม่ไม่อยากแปรงฟัน
สำหรับพ่อแม่คนไหนที่พยายามอยากให้ลูกหยุดดื่มนมจากขวด แต่ลูกก็ไม่ยอมสักที ไม่รู้จะทำยัง ลองทำตามคำแนะนำของ ทันตแพทย์ Humairah เพื่อป้องกันฟันผุในเด็กกันค่ะ
สาเหตุที่ทำให้เด็กฟันผุ ฟันผุเยอะมาก ที่เราควรรู้?
(รูปโดย Alex Green จาก Pexels)
เมื่อลูกน้อยฟันผุสิ่งสำคัญอีกหนึ่งอย่างที่คุณพ่อคุณแม่อย่างเราไม่ควรมองข้าม นั่นคือเรื่องของการดูแลรักษาและป้องกันการเกิดฟันผุของลูก แน่นอนว่าการที่เราให้ลูกกินอาหารหรือของหวานต่าง ๆ ในแต่ละวันบางสิ่งมันอาจจะมีประโยชน์ต่อร่างกายก็จริง แต่ถ้าเราไม่ยอมให้ลูกแปรงฟันหรือกินอยู่บ่อยๆ เป็นประจำสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ก็อาจส่งผลไม่ดีต่อฟันของลูกเราได้ ซึ่งสาเหตุต่าง ๆ อาจเกิดได้จากพฤติกรรมเหล่านี้
1. ใช้ยาสีฟันที่ไม่มีส่วนของฟลูออไรด์
สิ่งแรกที่อาจจะเป็นสาเหตุทำให้ฟันผุได้นั้น อาจเป็นเพราะการใช้ยาสีฟันที่ไม่ได้มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ เพราะอย่างที่รู้กันดีว่าสารฟลูออไรด์จะช่วยในเรื่องของการป้องกันและต่อต้านโรคฟันผุให้เราได้เป็นอย่างดี ดังนั้นถ้าเมื่อลูกโตขึ้นมาหน่อยเราก็อาจจะให้ลูกใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์เพื่อช่วยในเรื่องการป้องกันฟันผุนั้นเอง
2. กินอาหารประเภทแป้ง คาร์โบไฮเดตร และน้ำตาล
กรณีที่ให้ลูกกินอาหารประเภทแป้ง คาร์โบไฮเดตร และน้ำตาล บางคนอาจจะคิดว่าการที่เราให้ลูกกินอาหารเหล่านี้อาจจะไม่ทำให้ลูกฟันผุหรอก บอกเลยว่าไม่จริง เพราะอาหารเหล่านี้อาจจะมีรสชาติอร่อยก็จริงแต่ถ้าเราให้ลูกรับประทานในปริมาณที่มากจนเกินไป สิ่งนี้ก็อาจทำให้ลูกของเราฟันผุได้เลย ที่สำคัญยังผุมากกว่าการกินช็อกโกแลตอีกด้วยนะ ดังนั้นคุณพ่อกับคุณแม่ควรระวัง
3. ไม่ใช้ไหมขัดฟัน
มากันที่ข้อนี้บ้าง หลายคนอาจจะเข้าใจว่าการที่เราให้ลูกแปรงฟันทุกวันเป็นประจำก็สามารถช่วยป้องกันฟันผุได้แล้ว แต่จริงๆ บางครั้งการแปรงฟันของลูกเราใช่ว่าจะทำความสะอาดได้ทุกซอกทุกมุมของช่องปาก ดังนั้นเราก็อาจจะสอนลูกใช้ไหมขัดฟันทุกครั้งหลังจากแปรงฟัน
4. กินของร่วมกับคนที่เป็นโรคฟันผุ
เชื่อไหมว่าการที่เราได้สัมผัสน้ำลายกับคนที่มีฟันผุก็สามารถทำให้เราเป็นฟันผุได้ด้วย อาทิเช่น การใช้หลอดดูดร่วมกัน เป็นต้น เพราะสิ่งเหล่านี้จะเกิดจากการสัมผัสน้ำลายของคนที่เป็นโรคฟันผุ และเป็นการนำพาเชื้อแบคทีเรียมาสู่ช่องปากของเรานั่นเอง
5. ไม่แปรงฟันก่อนนอน
อย่างที่เรารู้กันดีว่า เมื่อไหร่ที่เรากินอาหารเข้าไป แต่ไม่ได้แปรงฟันหรือทำความสะอาดช่องปากก่อนนอนนั้น สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ก็อาจจะทำให้ลูกของเราฟันผุเอาได้ง่าย ๆ เพราะการที่เรากินอะไรเข้าไปก็ตาม แต่ไม่ได้รับการทำความสะอาดในช่องปากเชื้อแบคทีเรียเหล่านี้ก็จะทำงานได้ดีกว่าปกติ พร้อมส่งผลทำให้ฟันผุได้เลย
6. รีบแปรงฟันทันทีหลังจากกินอาหารที่เป็นกรด
อีกหนึ่งข้อที่คุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจ นั่นคือการที่เราให้ลูกกินอาหารที่เป็นกรดแล้วพาลูกไปแปรงฟันทันที แน่นอนว่าการที่เรากินอะไรก็ตามแล้วไปแปรงฟัน ฟังแล้วอาจจะเป็นการป้องกันโรคฟันผุได้ดี แต่หารู้ไหมว่ากรณีที่เราให้ลูกกินอาหารเหล่านี้แล้วไปแปรงฟันทันที สิ่งนี้อาจส่งผลทำให้ลูกฟังผุเอาได้เลย อาทิเช่น การกินมะนาว เป็นต้น
7. เคี้ยวข้าวป้อนลูก
มาต่อที่ข้อนี้กันบ้าง เรียกได้ว่าสำคัญไม่แพ้ข้ออื่น ๆ กันเลยทีเดียว โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่คนไหนที่ชอบเคี้ยวข้าว หรือป้อนข้าวลูก มันอาจจะเป็นเรื่องที่ดีที่เราอยากจะดูแลและใส่ใจลูก แต่เชื่อไหมว่าการที่เราทำแบบนี้บ่อยๆ ลูกจะได้รับแบคทีเรียในช่องปากของเรานั้นเอง ดังนั้นถ้าเราไม่อยากให้ลูกเป็นโรคฟันผุ เราก็อาจจะบดข้าวหรือทำอาหารเป็นชิ้นเล็ก ๆ แทนการเคี้ยวข้าวได้เช่นกัน
วิธีป้องกันฟันผุ
- ฝึกลูกเลิกขวดนมแต่เนิ่นๆ ไม่เกินอายุ 12-14 เดือน
- ไม่ปล่อยให้ลูกเดินไป ถือขวดนมดูดไปด้วย นานกว่า 20 นาที
- เริ่มแปรงฟันให้ลูก ตั้งแต่ฟันซี่แรกเริ่มขึ้น หรือเช็ดฟันด้วยผ้าสะอาดชุบน้ำ
- ควรพาลูกไปพบทันตแพทย์ตั้งแต่อายุ 12 เดือนหรือเร็วกว่านั้น ถ้าพบว่าลูกมีปัญหาเกี่ยวกับฟัน
- ควรหลีกเลี่ยง น้ำผลไม้ โซดา ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ฟันถูกกัดกร่อน สามารถให้ลูกดื่มน้ำผลไม้ได้ไม่เกิน 4 ออนซ์ต่อวันเท่านั้น
- เด็กควรรับประทานอาหารทุก 2-3 ชั่วโมง
- อาจจัดตารางเวลาอาหารประจำวัน ดังนี้ มื้อเช้า 8 โมง ของว่าง 10 โมง มื้อกลางวัน เที่ยงตรง และอื่นๆ
- ระหว่างมื้ออาหารควรดื่มน้ำเท่านั้น
อาหารที่ไม่ทำให้ฟันผุ?
1. ดื่มน้ำเปล่า
(รูปโดย Vanessa Loring จาก Pexels)
หนึ่งตัวช่วยที่จะป้องกันให้ลูกของเราไม่เป็นโรคฟันผุ นั่นคือให้ลูกดื่มน้ำเปล่าแทนการดื่มน้ำหวาน เพราะนอกจากจะไม่ทำให้ลูกของเราฟันผุแล้วยังทำให้เขามีสุขภาพที่ดีอีกด้วย
บทความที่น่าสนใจ : ทำไมเด็กไม่ต้องดื่มน้ำ กินนมแม่อย่างเดียวจะเพียงพอสำหรับลูกหรือไม่
2. อาหารที่มีเส้นใยสูง
(รูปโดย PhotoMIX Company จาก Pexels)
ใครที่ไม่อยากให้ลูกเป็นโรคฟันผุ ก็อาจจะให้ลูกกินอาหารที่มีเส้นใยสูง อาทิเช่น ฝรั่ง มะเขือเทศ รวมถึงผักและผลไม้ด้วย โดยวัตถุดิบต่างๆ เหล่านี้อาจจะนำมาประกอบทำเป็นอาหารเมนูต่าง ๆ ได้เช่นกัน
3. อาหารที่มีวิตามินซีสูง
(รูปโดย Ryutaro Tsukata จาก Pexels)
ประเภทอาหารอีกหนึ่งชนิดที่คุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจมาก ๆ ดังนั้นในการรับประทานอาหารแต่ละมื้อของลูกเราก็อาจจะเสริมวัตถุดิบต่าง ๆ เหล่านี้เข้าไปด้วย เพื่อป้องกันโรคฟันผุให้กับลูก อาทิเช่น อาหารจำพวก ส้ม สับปะรด หรือแครอท เป็นต้น
บทความที่น่าสนใจ : น้ำส้มคั้นสด คุณแม่ท้องครรภ์รับประทานได้ไหม ดีต่อสุขภาพหรือไม่
4. อาหารที่มีวิตามินบี 2
(รูปโดย Mike จาก Pexels)
โดยอาหารเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นวัตถุดิบจำพวก ถั่วเหลือง ถั่วลิสง หรือธัญพืชต่าง ๆ เพราะนอกจากจะเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงแล้ว ยังช่วยในเรื่องของการรักษาโรคฟันผุได้ดีอีกด้วย
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
อันตรายจากการปล่อยให้ลูกฟันน้ำนมผุ
ฟันผุในเด็ก ฝันร้ายของเด็ก ๆ ที่ไม่อยากไปหาหมอฟันอีกเลย
วิธีป้องกันฟันน้ำนมผุ ทารกฟันผุง่าย ไม่อยากให้ลูกฟันผุ ต้องทำอย่างไร ทำไมทารกถึงฟันน้ำนมผุได้ง่าย?
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ Photo: intechopen, cochraneohg
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!