เพราะไม่ใช่ยาทุกชนิดจะปลอดภัยสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ เพราะยาแต่ละชนิดก็มีการออกฤทธิ์และผลข้างเคียงที่แตกต่างกัน บางอย่างไม่ร้ายแรง และบางอย่างก็ส่งผลเสียได้เยอะมาก
ยาแก้ปวด
พาราเซตามอล (paracetamol) หรือ อะเซตามิโนเฟน (acetaminophen) ในความเห็นของดอกเตอร์ Alane Park จากหนังสือ The Mommy Docs’ Ultimate Guide To Pregnancy and Birth แนะนำ ไทลินอล
ไม่แนะนำ ยาไอบรูเฟน ibuprofen (Motrin or Advil) และนาโพรเซน naproxen (a.k.a. Aleve) เนื่องจากจะทำให้ระดับของน้ำคร่ำลดลงในไตรมาสที่ 3 ซึ่งทำให้ทารกที่อยู่ในถุงน้ำคร่ำได้รับแรงกระแทกมากขึ้นและมีแรงดันมากขึ้นในสายสะดือ และอาจจะทำให้คลอดก่อนกำหนดและส่งผลถึงพัฒนาการได้ค่ะ
ยาแก้ท้องผูก
- Metamucil และ Citrucel เป็นยาระบายที่เพิ่มกากใยจากผักผลไม้และธัญพืช
- Colace เป็นยาระบายที่ช่วยทำให้อุจจาระอ่อนตัวลง
- Milk of Magnesia เป็นยาระบายประเภทเพิ่มปริมาตรน้ำ ทำให้อุจจาระอ่อนตัวลง การกินยาตัวนี้ต้องดื่มน้ำตามมากๆ ไม่งั้นอาจจะปวดท้อง และมีแก๊สเยอะ
- Dulcolax เป็นยาระบายที่ช่วยกระตุ้นให้ขับถ่าย
คุณแม่ควรจะลองวิธีทางธรรมชาติก่อน จึงค่อยเลือกการกินยาเป็นวิธีสุดท้ายนะคะ หากเป็นคนกินผักผลไม้น้อย ให้อดทนกินผักและผลไม้ที่มีไฟเบอร์มากๆ หรือหากเป็นคนธาตุหนักถ่ายยาก ผลไม้จำพวกกล้วย ลูกพรุน มะละกอ มะขาม ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่มาจากธรรมชาติค่ะ และอย่าลืมว่าการกินน้ำเยอะๆ ช่วยได้เช่นเดียวกันนะคะ
ยาลดกรดไหลย้อนและช่วยย่อย
Tums, Maalox, Mylanta, Pepcid เป็นยาที่ช่วยลดการหลั่งของกรดในกระเพราะอาหาร แต่ทางออกที่ดีกว่านั้นคือ ไม่กินอาหารมื้อใหญ่ๆ แบ่งอาหารออกเป็นมื้อย่อยๆ และกินทีละน้อยๆ เช่น เดิมกินอาหาร 3 มื้อ เช้า กลางวัน เย็น ก็แบ่งเป็น 5 หรือ 6 มื้อ เช้า สาย กลางวัน บ่าย เย็น และมื้อดึก จะช่วยในระยะยาวมากกว่าค่ะ
ยาฆ่าเชื้อ
เพนนิซิลิน หรือ Penicillin หากมีการติดเชื้อ เช่น คออักเสบหรือติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ เนื่องจากยังไม่มีรายงานผลกระทบใดๆ ที่ส่งผลต่อคุณแม่และลูกในท้องค่ะ
ไม่แนะนำ ยาในกลุ่มของ etracycline and doxycycline เนื่องจากจะทำให้ฟันของลูกมีสีที่เปลี่ยนไป เพราะยาจะส่งผลกระทบในเรื่องของแคลเซียมหรือทำให้ฟันแข็งเกินไป ไม่ควรกินยาเหล่านี้ขณะตั้งครรภ์ค่ะ
ยาฆ่าเรื้อรา(ยีสต์)
Monistat, Gynelotrimin ตัวยาจะไม่มีผลต่อทารกในครรภ์ เนื่องจากไม่ซึมเข้าร่างกายหรือเส้นเลือด และไม่แนะนำให้ใช้ยาสอดขณะตั้งครรภ์เนื่องจากอาจจะส่งผลกระทบต่อทารกได้หากยาตกค้างอยู่ในช่องคลอด
ยาแก้ไข้
Benadryl, Sudafed, Afrin nasal spray, Claratin, Robitussin DM, Vicks Formula 44 จริงๆ แล้วการใช้ไทลินอลก็จะครอบคลุมถึงอาการเป็นไข้หลายอย่างด้วยกัน เช่น เรื่องน้ำมูก อาการไอ และไข้ขึ้น แต่หากคุณแม่มีอาการคัดจมูกและปวดหัวด้วย ให้ใช้ยารักษาไปตามอาการก็พอค่ะ
สังเกตส่วนผสมที่มีตัวยา
dextromethorphan หรือ DM สำหรับอาการไอ
guaifenesin สำหรับเสมหะและน้ำมูก
pseudoephedrinem และ phenylephrine หรือ PE และ decongestant สำหรับอาการคัดจมูก
แต่หากไข้ขึ้นสูงและไม่มีท่าที่ว่าจะลง ควรรีบไปหาคุณหมอ อย่าปล่อยให้เป็นนานนะคะ
ยารักษาไข้หวัด
Tamiflu ตัวยาที่คุณหมอจะสั่งให้คนไข้ที่กำลังตั้งครรภ์เพราะไม่มีผลกระทบต่อทารกค่ะ และเนื่องจากระหว่างการตั้งครรภ์ ภูมิคุ้มกันของร่างกายจะอ่อนแอลง ดังนั้นการเป็นหวัดในคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ก็มีกรณีที่คุณแม่ตั้งครรภ์เป็นไข้หวัดอย่างหนักจนทำให้เสียชีวิตได้ แต่ก็ไม่ใช่กรณีที่เกิดขึ้นบ่อยค่ะ ทางออกที่ดีที่สุดคือ ปรึกษาคุณหมอที่ฝากครรภ์ถึงการฉีดวัคซีนไข้หวัดในช่วงที่ต้องครรภ์
ยาสำหรับโรคเรื้อรัง
สำหรับโรคที่คุณเป็นก่อนการตั้งครรภ์ เช่น โรคซึมเศร้า โรคหอบหืด โรคชัก โรคความดันโลหิตสูงเรื้อรัง และโรคเบาหวาน ต้องปรึกษาคุณหมอประจำที่รักษาว่าตัวคุณแม่กำลังตั้งครรภ์อยู่ ยาที่รับประทานเป็นประจำนั้นมีผลอะไรต่อลูกในครรภ์บ้าง และหากคุณแม่ไม่แน่ใจ ลองปรึกษาคุณหมออื่นๆ ร่วมด้วยได้นะคะ รวมไปถึงหาข้อมูลงานวิจัยต่างๆ จากอินเตอร์เน็ตที่เป็นเอกสารงานวิจัยได้เช่นเดียวกันค่ะ
ที่มา fitpregnancy
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!