เด็กทารกควรจะมีโอกาสได้รับน้ำนมแม่ได้นานที่สุดถึงอายุ 1 ปีหรือมากกว่านั้นหรืออย่างน้อย 6 เดือน องค์การอนามัยโลกแนะนำว่ายิ่งคุณแม่ให้นมลูกได้นานเท่าใดก็จะเกิดผลดีต่อแม่และลูกมากขึ้นเท่านั้น เพราะในน้ำนมจะมีทั้งน้ำและสารอาหารครบถ้วนที่มีคุณค่าสำหรับลูกน้อย ซึ่งจะได้รับสารอาหารทุกชนิดที่จำเป็นต่อสุขภาพ การเจริญเติบโต และพัฒนาการ รวมทั้งป้องกันคุ้มครองทารกจากการเจ็บป่วย และลดการเสียชีวิตของทารกแรกเกิด รวมถึงประโยชน์ของน้ำนมแม่เหล่านี้
- ลดการติดเชื้อของหู
- ลดการเกิดโรคภูมิแพ้
- อาเจียนลดลง
- ลดท้องร่วง
- ปอดบวม หลอดลมอักเสบลดลง
- เยื่อหุ้มสมองอักเสบลดลง
- ลดอุบัติการณ์เสียชีวิเฉียบพลันที่เรียกว่า Sudden Infant Death Syndrome (SIDS).
- ได้รับภูมิคุ้มกันเร็วขึ้น
- น้ำนมเหลือง(colostrum)จะขับน้ำดีเพื่อลดอาการตัวเหลือง
- สามารถย่อยได้ง่ายและมีสารอาหารครบถ้วน
- มีสัดส่วนอาหารที่เหมาะสม
- พัฒนาการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อปาก
- ลูกมีพฤติกรรมที่ดีเมื่อโตขึ้น
- ลูกที่มีกินนมแม่นานพบว่ามีความฉลาดและไอคิวดี
ประโยชน์ของนมแม่
สิ่งที่แม่ได้รับจากการให้นมลูก
- ลูกดูดนมแม่จะช่วยให้คุณแม่เผาผลาญพลังงาน ทำให้น้ำหนักกลับสู่ปกติได้เร็ว การให้นมลูกจะเผาผลาญแคลอรี่ได้ถึง 500 กิโลแคลอรี่/ วัน เปรียบเทียบได้กับการออกกำลังกายว่ายน้ำไปกลับ 30 รอบหรือขี่จักรยาน 1 ชั่วโมง
- ลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งรังไข่ ลดอาการวัยทอง ลดการเกิดมะเร็งเต้านม
- ป้องกันโรคกระดูกพรุน
- ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานทั้งชนิดที่1 และ 2 จะมีระดับน้ำตาลที่ต่ำลด และต้องการอินซูลินลดลง
- ช่วยเลื่อนการมีประจำเดือน ทำให้การตั้งครรภ์ไม่ถี่เกินไป
- ทำให้มดลูกกลับสู่ภาวะปกติเร็วขึ้น
- ความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูก
- ไม่มีปัญหาเรื่องคัดเต้านม
- ประหยัดเวลาไม่ต้องเตรียมนม
- ประหยัดค่าใช้จ่าย
“น้ำนมแม่” ที่ให้ประโยชน์ได้ทั้งแม่และลูกแล้ว ยังมีส่วนช่วยในด้านความสัมพันธ์ต่อความผูกพันระหว่างกันของทั้งสองคนด้วย การโอบกอดลูกเข้ากับอกในขณะให้นมยังทำให้เกิดคุณค่าทางจิตใจกับลูก และช่วยกระตุ้นพัฒนาการให้กับลูก และเพิ่มความมั่นคงทางอารมณ์ให้กับลูกได้ด้วยนะคะ.
ขอบคุณที่มา : mamastory.net
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
สัปดาห์นมแม่โลก ประกาศให้รู้คุณค่าของ “น้ำนมแม่”
10 เรื่องของ “นมแม่” ที่คุณแม่ป้ายแดงไม่เคยรู้
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!