น้ำข้าว คืออะไร ทำไมคนสมัยก่อนชอบบอกว่าสามารถแก้ผื่นผิวหนังได้ กินได้จริงหรือ กินแล้วเป็นอะไรต่อร่างกายหรือไม่ น้ำข้าวที่คนสมัยก่อนคุ้นเคยและรู้จักกันดี แถมเป็นที่นิยมอีกด้วย กินแล้วจะดีหรือไม่ ไปดูกันเลย
น้ำข้าว คืออะไร?
น้ำข้าว
หากคุณแม่ถามคำถามนี้กับคุณย่าหรือคุณยายแล้วละก็ พวกท่านต้องคุ้นเคยและรู้จักประโยชน์ของน้ำข้าว กันเป็นอย่างดีแน่นอน เพราะเป็นที่นิยมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาตั้งแต่โบราณ
น้ำข้าวเกิดจากการหุงข้าวแบบเช็ดน้ำ เริ่มต้นโดยล้างหรือซาวข้าว เพื่อขจัดฝุ่นผงและสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ออก แล้วจึงเติมน้ำปริมาณมากลงไป ต้มให้เดือด ในช่วงนี้ต้องหมั่นคนอย่าให้เมล็ดข้าวติดก้นหม้อ ต้มจนเมล็ดข้าวเริ่มแตกจนสุกนิ่มไปทั้งเมล็ด หรือเห็นเมล็ดข้าวยังมีไขขุ่นเป็นจุดเล็ก ๆ อยู่ภายใน จึงรินน้ำออก ซึ่งเราเรียกขั้นตอนนี้ว่า “เช็ดน้ำข้าว”
บทความที่เกี่ยวข้อง : 8 ความเชื่อโบราณของคนท้อง ความเชื่อแม่ท้อง! พร้อมเหตุผลจริงๆของข้อห้าม
วิธีทำน้ำซาวข้าว
วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ การหุงแบบโบราณ ใช้หม้อหุงข้าวสมัยก่อน คือเมื่อต้มข้าวเดือดแล้ว ให้เทน้ำออก แล้วนำน้ำที่เทออกมาผสมเกลือเล็กน้อย แล้วจากนั้นทิ้งไว้ให้หายร้อน แล้วนำมาดื่ม ซึ่งจะได้ที่สะอาด สามารถกินได้ และมีประโยชน์ต่อร่างกาย
ประโยชน์ของน้ำข้าว
น้ำข้าวมีประโยชน์อย่างไร
เชื่อกันว่าน้ำข้าวเป็นอาหาร อย่างดีสําหรับคนป่วยที่รู้สึกเบื่ออาหาร เพราะเกิดการเสียสมดุลของระบบย่อยอาหาร อีกทั้งน้ำข้าวยังมีคุณค่าและสารอาหารมากมายเช่นเดียวกับข้าว ย่อยง่าย ไม่ทําให้ท้องอืด ท้องเสีย และร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารและซ่อมแซมร่างกายส่วนที่สึกหรอได้ทันที คนป่วยจึงสามารถฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
สำหรับคนปกติที่ไม่ป่วย ก็สามารถทานน้ำข้าวได้เช่นกัน เพราะน้ำข้าวมีวิตามินอีสูง ช่วยบำรุงร่างกาย รวมถึงแก้ร้อนใน และยังใช้แก้อาการปวดท้อง ท้องร่วง และช่วยขับปัสสาวะได้ด้วย นอกจากนี้ ยังมีประโยชนในกรณีที่เด็กท้องเสีย น้ำข้าวก็สามารถช่วยบรรเทาอาการให้ดีขึ้นได้
ประโยชน์ของน้ำข้าว มีดังนี้
- ช่วยบรรเทาอาการท้องเสียหากลูกน้อยมีอาการท้องเสีย หรือมีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร คุณแม่สามารถให้ลูกกินน้ำข้าว เพื่อช่วยให้การย่อยอาหารดีขึ้น
- ช่วยบรรเทาผื่นผิวหนังอักเสบ โดยผสมน้ำข้าว 2 ถ้วย กับน้ำที่ใช้อาบลูก น้ำข้าวจะช่วยทำให้ผิวลูกชุ่มชื้นและบรรเทาอาการผิวหนังแสบแดงที่เกิดจากผื่นผิวหนังอักเสบได้
- ช่วยบรรเทาอาการไข้ หากลูกน้อยเป็นไข้ การให้ลูกทานน้ำข้าวจะช่วยลดไข้ลงได้ระดับหนึ่ง
- เป็นแหล่งพลังงานและคาร์โบไฮเดรต น้ำข้าวมีคาร์โบไฮเดรตสูง และสามารถย่อยได้ง่าย ทำให้ลูกน้อยไม่มีปัญหาปวดท้องหรือแพ้อาหาร
- น้ำซาวข้าว สามารถใช้ล้างผัก ผลไม้ และขจัดสารพิษตกค้างได้
- ช่วยรักสิวบนใบหน้า
- ทำให้มือมีความนุ่มขึ้น
- แก้อาการคันศีรษะ และผมมัน โดยนำมะกรูด 1 ลูก ผสมกับน้ำซาวข้าวพอประมาณ แล้วนำมาสระผม ก็จะช่วยลดอาการคันศีรษะ และผมมันลงได้
ปัจจุบัน มีการคิดค้นประโยชน์จากน้ำข้าวในรูปแบบอื่น ๆ เพิ่มขึ้น โดยแต่ละชนิด มีประโยชน์ดังนี้
- ข้าวสาร แก้อาการท้องอืด ลมพิษ และพยาธิในลำไส้
- ข้าวสุก รักษาอาการท้องอืด และลมพิษ
- ข้าวเหนียว รักษาอาการเหงื่อออกมากผิดปกติ ท้องร่วง แก้ผื่นคันบนหัวเด็ก
- รากข้าวเหนียว ช่วยละลายเสมหะ บำรุงกระเพาะอาหาร แก้เหงื่อออกมาก
- ต้นอ่อนข้าวเหนียว นำไปต้มกิน จะช่วยในเรื่องของ ระบบการย่อย ช่วยขับเสมหะ
- น้ำข้าว บรรเทาอาหารร้อนใน กระหายน้ำ ตาแดง เลือดกำเดาออกง่าย ขับเสมหะ
- ข้าวกล้อง ใช้พอกฝีหนอง รักษาโรคไขข้อ แก้เหน็บชา
- รำข้าว บำบัดโรคเหน็บชา แก้อาการสะอึก เป็นยาระบายอ่อน ๆ
- ฟางข้าว ขับลม แก้อาการท้องอืด ท้องร่วง กระหายน้ำ
- น้ำซาวข้าว บรรเทาอาการกระหายน้ำ ช่วยย่อยอาหาร และแก้พิษ
- ข้าวงอก ใช้เป็นยาช่วยย่อยอาหาร
- แป้งข้าวเจ้า บรรเทาอาการผิวหนังโดนลวก อาการคันเล็ก ๆ น้อย ๆ
ข้อควรระวัง
น้ำข้าว ประโยชน์ที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน
คุณแม่สามารถให้น้ำข้าวเป็นอาหารเสริมกับลูกได้ แต่ไม่ควรให้แทนนม และควรให้น้ำข้าวเมื่อลูกอายุ 6 เดือนขึ้นไปแล้วควบคู่กับนมแม่ เพราะถึงแม้น้ำข้าวจะมีประโยชน์ แต่น้ำข้าวก็มีสารอาหาร แร่ธาตุ โซเดียม โพแทสเซียมที่น้อยกว่านมแม่อยู่มาก
ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกระบุว่า การให้นมบุตรอย่างน้อย 6 เดือนแรก จะทำให้เด็กได้รับสารอาหารที่ดีที่สุดที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของลูกน้อย ดังนั้น นมจากเต้าคุณแม่จึงเป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับเด็กนั่นเอง และหากมีปัญหาเกี่ยวกับด้านสุขภาพ หากลองรับประทานแล้วยังไม่ดีขึ้น หรือมีอาการหนักไม่ควรรับประทานต่อ ควรไปโรงพยาบาล เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยเกี่ยวกับ โรคต่าง ๆ ต่อไป
ที่มา ph.theasianparent
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ใบพลูอังไฟ ช่วยกำจัดเสมหะเด็กได้จริงหรือ
ให้ลูกอาบน้ำต้มใบมะขามหัวหอม ช่วยแก้หวัดได้จริงหรือ
น้ำมะนาวกับน้ำอุ่น เช็ดตัวลดไข้เด็กได้ผลดี
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!