หลาย ๆ ท่านเชื่อเรื่องดวงโดยเฉพาะเรื่องความรัก โชคลาภ และน่าจะพอเคยได้ยินเรื่อง ตำนานด้ายแดง มาบ้างแล้วใช้ไหม ตำนานด้ายแดง นั้นมีอะไรที่ซับซ้อนและอยู่ที่คนเชื่อเรื่องพวกนี้หรือไม่ เราไปดูกันเลยว่าตำนานด้ายแดงนั้นจะมีอะไรบ้าง และเรื่องราวเป็นมายังไง
ถ้าพูดถึงตำนานความรักของฝรั่งเราก็คงจะนึกถึง โรมิโอกับจูเลียต แต่ถ้าเป็นของชาวจีน หลายคนจะต้องนึกถึง ตำนานความรักด้ายแดงซึ่งเป็นความเชื่อเกี่ยวกับความรักของชาวจีนเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงออกถึงคู่แท้ ที่บอกเล่าต่อกันมาช้านาน
ตำนานที่ 1 : เนื้อคู่ตั้งแต่ชาติปางก่อน
ตำนานเรื่องด้ายแดงนั้น เป็นที่เล่าต่อ ๆ กันมา โดยไม่แน่ใจนักว่าเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ และมีเล่ากันมาหลายตำนานมาก หนึ่งในนั้นก็คือ เรื่องตำนานความรักของหญิงชาย ที่เป็นเนื้อคู่กันมา ตั้งแต่ชาติปางก่อน
ในตำนานได้เล่าไว้ว่า มีหญิงชายคู่หนึ่ง รักกันมาก แต่ว่าไม่สามารถอยู่ครองคู่ด้วยกันได้ ก่อนที่ทั้งคู่จะจากกันไป เลยได้อธิษฐานต่อเทพบนสวรรค์ ขอให้ชาติหน้า ทั้งคู่กลับมาเจอกันอีกครั้ง และจำกันได้
โดยให้ทั้งคู่ มีด้ายสีแดง ผูกไว้ที่ปลายนิ้วก้อย โยงไปถึงนิ้วก้อยของอีกฝ่าย หลังจากที่ทั้งคู่มาเกิดใหม่ ถ้าหากเห็นหน้ากัน เพียงแค่เสี้ยววินาที แล้วได้เห็นด้านสีแดงที่ปลายนิ้ว ก็จะรู้สึกเหมือนกับว่ารู้จักกันมานาน รู้สึกผูกผันกันขึ้นมาทันที ราวกับว่าเป็นเนื้อคู่กันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน
ว่าด้วยเรื่องของ ตำนาน มนุษย์นั้นเกิดขึ้นมาพร้อมคำถามมากมาย ถามหาความหมายของการมีชีวิต การหาคำตอบที่ไม่มีที่สิ้นสุด จึงทำให้เกิดปรัชญาหลากหลายมากมาย เพื่อตอบคำถามมนุษย์เหล่านั้น
ตำนานที่ 2 : ละเมิดพรหมลิขิต
ตำนานนี้ ก็จะคล้าย ๆ กับตำนานแรก ต่างกันตรงที่ ด้ายแดงตำนานนี้ เราสามารถลิขิตเองได้
ตามตำนานเล่าว่า คนที่เป็นเนื้อคู่กัน จะมีด้ายแดงผูกที่ปลายนิ้ว เพื่อเชื่อมกันเอาไว้ ถ้าวันนึง ทั้งคู่ได้เจอกัน ก็จะเกิดความรักซึ่งกันและกัน แต่ได้มีชายคนหนึ่ง ละเมิดพรหมลิขิต ได้เจอกับผู้หญิงคนอื่น ระหว่างเดินทางหารักแท้ แล้วเกิดหลงรักคนคนนั้นเข้า
สุดท้ายแล้ว เขาจึงตัดสินใจ ตัดด้ายแดงของตนเอง และผู้หญิงคนนั้นทิ้ง จากนั้นก็เอาด้ายแดงของทั้งคู่ เข้ามาผูกไว้ด้วยกันแทน
เมื่อฟังจบเหวยกู่ได้ตามคนรับใช้ที่จ้างให้ไปสังหารมา คนรับใช้ได้สารภาพว่า เขาไม่อาจทำใจสังหารเด็กน้อยคนนั้นได้ จึงเพียงใช้มีดกรีดหน้า เป็นสัญลักษณ์ไว้เท่านั้น เมื่อเหวยกู่ทราบเรื่องทั้งหมดแล้ว
ตำนานที่ 3 : ตำนานด้านแดง ที่มองไม่เห็น
ตำนานนี้ ได้เล่าไว้ว่า คนเราทุกคน จะมีด้ายแดงที่มองไม่เห็น ผูกไว้ที่ปลายนิ้วก้อย โดยด้ายแดงเส้นนี้ จะเชื่อมกับเนื้อคู่ของเรา ความยาวเท่ากับ 2 รอบโลก
เมื่อเรายิ่งใกล้เนื้อคู่ ด้ายก็จะยิ่งสั้นลงเรื่อย ๆ จนในที่สุด ทั้งคู่ก็ได้มาพบกัน แล้วก็เป็นการเชื่อมสายสัมพันธ์ ของหญิงชายคู่นั้น ให้รักกันไปตลอด
แต่ถ้าหากว่า ใครไม่สามารถตามหาเนื้อคู่ ที่ปลายสุดด้ายแดง ของตัวเองได้ก่อนตาย เมื่อตายไป ด้ายเส้นนี้ ก็จะถูกตัดขาดไปเองในที่สุด
“เส้นเลือดที่ต่อจากหัวใจ นั้นไม่ได้สิ้นสุดที่นิ้วก้อยหรอก แต่ยังมีด้ายสีแดง ที่ยังมองไม่เห็นยาวต่อออกมา โดยเจ้าด้ายสีแดงนี้จะพันเข้าด้วยกันกับอีกคน คนที่เป็นคู่ชีวิตของเรา!”
ตำนานที่ 4 : เฒ่าจันทรา (เทพเย่ว์เหล่า)
ตำนานด้ายแดงแห่งความรัก เป็นความเชื่อเกี่ยวกับความรักของชาวจีนเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงออกถึงคู่แท้ โดยมีเรื่องเล่าว่า ในสมัยราชวงศ์ถังมีชายคนหนึ่งนามว่า “เหวยกู่” หนุ่มรูปงามมีฐานะ ได้พบกับชายแก่คนหนึ่งนั่งอ่านหนังสือประหลาดอยู่ เขาจึงเข้าไปถามว่าอ่านหนังสืออะไร ชายแก่ได้ตอบกลับว่ากำลังอ่านตำราการแต่งงานของชาวโลก เหวยกู่รู้สึกไม่เชื่อคิดว่าเป็นชายแก่เสียสติ แท้จริงแล้วชายแก่คนนั้นคือ “เฒ่าจันทรา” มีหน้าที่เป็นพ่อสื่อชักนำคนรักให้กับมนุษย์โลก
“เฒ่าจันทรา” จะเป็นผู้ผูกด้ายแดงไว้ที่นิ้วของชายหญิงที่เป็นเนื้อคู่กัน และเมื่อผูกแล้วหากถึงเวลาจะได้แต่งงานกัน ไม่ว่าจะมีอุปสรรคขวากหนามมากมายเพียงใดก็ตาม ด้ายแดงที่ว่านี้จะล่องหน มีเพียง “เฒ่าจันทรา” เท่านั้นที่เห็น โดยด้ายนี้อาจจะมีการผูกปมเพื่อให้พบรักกันเร็วขึ้นก็เป็นได้ หรือหากท่านเห็นว่าความรักนี้ไม่เหมาะสมก็จะใช้ “กรรไกรตัดวาสนา” ตัดด้ายแดงออกทำให้หมดสิทธิ์รักกัน
หวยกู่รู้สึกสนใจจึงถาม “เฒ่าจันทรา” ไปว่า แล้วคู่ครองของตนเป็นคนอย่างไร เฒ่าจันทราได้พาเหวยกู่ไปหาเนื้อคู่ แต่ทิศทางที่ไปไม่ได้ไปยังชุมชนของคนมีฐานะ หากแต่ไปยังตลาดเก่าแห่งหนึ่ง และเฒ่าจันทราได้ชี้ให้เหวยกู่ดูเด็กน้อยเนื้อตัวมอมแมมที่เป็นลูกสาวของแม่ค้าในตลาด พร้อมกับบอกว่า “นั่นแหละคือเนื้อคู่ของเจ้า” ก่อนที่จะหายตัวไป เหวยกู่รู้สึกโมโหมากเมื่อรู้ว่าคู่ครองของตนเป็นเด็กน้อยเนื้อตัวมอมแมม เมื่อกลับถึงบ้านจึงจ้างให้คนรับใช้ในบ้านไปสังหารเด็กน้อยคนนั้น เมื่อเวลาผ่านไปหลายปีเหวยกู่สอบได้เป็นจอหงวน พร้อมกับเจ้าเมืองได้ยกลูกสาวให้เป็นคู่ครอง ชีวิตกำลังรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก และคิดว่าคำบอกเล่าของเฒ่าจันทราเป็นเรื่องโกหก
หลังจากครองคู่กันได้ระยะหนึ่ง เหวยกู่ก็สังเกตว่าที่หน้าผากของภรรยามีสัญลักษณ์บางอย่างอยู่ จึงถามนางว่าคืออะไร นางได้เล่าให้ฟังว่า แท้จริงแล้วนางไม่ได้เป็นลูกสาวของเจ้าเมือง หากแต่เป็นลูกของแม่ค้าจนๆ ในวัยเด็กมีชายคนหนึ่งใช้มีดกรีดหน้าของตนแล้วจากไป และเจ้าเมืองผ่านมาเห็นเหตุการณ์เข้าพอดีจึงรับอุปการะตนเป็นลูกสาว เมื่อฟังจบเหวยกู่ได้ตามคนรับใช้ที่จ้างให้ไปสังหารมา คนรับใช้ได้สารภาพว่า เขาไม่อาจทำใจสังหารเด็กน้อยคนนั้นได้ จึงเพียงใช้มีดกรีดหน้าเป็นสัญลักษณ์ไว้เท่านั้น เมื่อเหวยกู่ทราบเรื่องทั้งหมดแล้ว ทำให้เขารู้ว่าที่เฒ่าจันทราบอกไว้เป็นความจริง จึงทำการขอขมาภรรยาและแม่ของนาง ก่อนที่จะครองรักกันไปอย่างมีความสุข
ส่วนรูปลักษณ์ของเฒ่าจันทรา ตามตำนานเล่าว่า เป็นชายแก่ผมยาวสีขาว ไว้หนวดเครายาว ชอบนั่งอยู่บนก้อนหิน มือหนึ่งถือด้ายแดง อีกมือหนึ่งถือไม้เท้าที่แขวนตำราคู่ครอง สะพายย่ามที่ข้างในบรรจุด้ายแดงไว้
สำหรับตำนานด้ายแดงนั้น หลาย ๆ คนก็เชื่อเรื่องนี้ จนผู้คนมักจะไปขอพรจากเฒ่าจันทรา ที่วัดหลงซาน ประเทศไต้หวัน ซึ่งเป็นวัดที่โด่งดัง ในการขอพรเรื่องความรัก เนื่องจากภายในวัดนี้ มีรูปปั้นของเฒ่าจันทราอยู่ รวมไปถึง วัดด้ายแดง ที่ฮ่องกง ก็มีนักท่องเที่ยว นิยมไปขอพรเรื่องความรักเช่นเดียวกัน
ส่วนรูปลักษณ์ของเฒ่าจันทรา ตามตำนานเล่าว่า เป็นชายแก่ผมยาวสีขาว ไว้หนวดเครา ยาว ชอบนั่งอยู่บนก้อนหิน มือหนึ่งถือด้ายแดง อีกมือหนึ่งถือไม้เท้าที่แขวนตำราคู่ครอง
อยากสมหวังเรื่องความรัก มาดูความเชื่อเรื่องด้ายแดงกัน
หากพูดถึงเรื่องการสมหวังเรื่องความรัก แน่นอนว่ามีหลากหลายวิธี หลายเคล็ดลับให้ได้ลองกัน ในประเทศไทยก็มีความเชื่อเรื่องเนื้อคู่อยู่ว่า เราทุกคนมาเจอกันก็เพราะบุพเพสันนิวาส แต่ก็ยังคงมีเรื่อง ด้ายแดง อีกหนึ่งความเชื่อนั้น ที่จะช่วยให้คนโสดสมหวังเรื่องความรักได้
เราจะพาทุกคนมารู้จักกับตำนานด้ายแดง ที่ช่วนผู้คนสำหวังเรื่องความรักกัน ไม่อยากนก หรือวิ่งตามหาเนื้อคู่ต้องอ่าน!!
ตำนานเรื่องด้ายแดงมีจุดกำเนิดมาจากประเทศจีน โดยมีความเชื่อว่า ด้ายแดงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างชายหญิงที่เป็นเนื้อคู่กันมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว ซึ่งเป็นเหมือนแรงอธิษฐานของหนุ่มสาวที่ซื่อตรงต่อความรักซึ่งกันและกันแต่ไม่สามารถครองรักกันได้ ก่อนที่ทั้งสองจะตายจากกันไปได้ขอพรต่อสวรรค์เพื่อให้ทั้งคู่ได้กลับมาครองรักกันอีกในภพชาติต่อไป เพราะฉะนั้นจึงได้เกิดเป็นความเชื่อที่ว่า คนที่คู่กันจะเกิดมาพร้อมกับด้ายแดงผูกไว้ที่นิ้วก้อยของแต่ละฝ่าย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า นอกจากนี้ด้ายแดงยังมีความยาวถึงสองรอบของโลก!! ซึ่งด้ายแดงจะค่อย ๆ ขดกลับเข้าหากันเพื่อให้หนุ่มสาวได้มาเจอกัน และจะขาดจากกันเมื่อทั้งคู่ตายจากกันไปนั้นเอง
นอกจากนี้ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับ เฒ่าจันทรา (เทพเย่ว์เหล่า) ซึ่งเป็นเทพผู้เดียวที่สามารถมองเห็นด้ายแดงของมนุษย์ และสามารถตัดด้ายแดงให้ขาดออกจากกันได้ หากหนุ่มสาวคู่ไหนที่อยากให้ตนเองสมหวังเรื่องความรัก สามารถไปขอพรเฒ่าจันทราได้ที่ วัดหลงซาน ประเทศไต้หวัน ซึ่งเป็นสถานที่ขอพรเรื่องความรักยอดนิยม ภายในมีรูปปั้นของเฒ่าจันทราอยู่ นอกจากนี้ยังมีเทพเจ้าจากหลายลัทธิที่สามารถไปกราบไหว้ได้อีกด้วย
ซึ่งวิธีขอพรจากเฒ่าจันทราก็ไม่ยาก เราต้องเริ่มจากการสักการะที่กระถางธูปก่อน มีทั้งหมด 7 กระถาง และกระถางสุดท้ายคือกระถางที่อยู่หน้ารูปปั้นของเทพจันทรา ผู้ขอพรต้องบอกชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด จากนั้นให้ขอกับเฒ่าจันทราถึงเนื้อคู่ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง หน้าตา เมื่อขอเสร็จแล้วต้องโยนไม้เสี่ยงทาย และต้องให้ไม้ออกมาไม้ซ้ำกันถึง 3 ครั้ง จากนั้นจึงขอด้ายแดงจากเฒ่าจันทราให้เราพบเจอเนื้อคู่ โดยนำ ด้ายแดง ที่ได้มาเดินวนรอบกระถางธูปสามรอบ และก่อนกลับต้องไปยืนขอพรต่อหน้าเฒ่าจันทราอีกรอบจึงจะสมบูรณ์ แล้วนำด้ายแดงที่ได้มาพกติดตัวเอาไว้ เฒ่าจันทราก็จะนำพาเนื้อคู่มาให้เรานั่นเอง
เอาล่ะ ถ้าอยากสมหวังในเรื่องความรักก็ทำตามได้ไม่ยาก เตรียมหยอดกระปุก แพ็คกระเป๋า แล้าเฝ้าตั๋วโปร!! กันได้เลย
ที่มา : facebook meetnlunch
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
เปิดลิสต์ 8 น้ำมันอโรมา ใช้ดี เพื่อผิวนุ่มชุ่มชื้น ผ่อนคลาย บรรเทาอาการปวดหัว ปวดตัว
นักวิจัยมีคำตอบให้ ทำไมเด็กชอบเล่นตุ๊กตาหมี เล่นตุ๊กตาหมีมีประโยชน์ยังไง?
มีใครอยากรู้บ้างว่า คนท้องดูดวงได้ไหม การตั้งครรภ์กับความเชื่อ สายมูเตลูต้องรู้
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!