X
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้าเข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ตั้งครรภ์
    • คำนวณวันคลอด
    • ฉันกำลังตั้งครรภ์
    • ไตรมาสที่ 1
    • ไตรมาสที่ 2
    • ไตรมาสที่ 3
    • Project Sidekicks
    • ตั้งชื่อลูก
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • อีเว้นท์
    • TAP Awards Winners
    • TAP idol
    • TAP x Safari Largest Treasure Hunt
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

เหลือเชื่อ! คุณแม่ขอคลอดลูกแฝดเองด้วยวิธีการผ่าท้องคลอด

บทความ 5 นาที
เหลือเชื่อ! คุณแม่ขอคลอดลูกแฝดเองด้วยวิธีการผ่าท้องคลอด

อาจฟังดูแปลก ที่คุณแม่ต้องการคลอดลูกเอง โดยวิธีการผ่าท้อง!

หลังจากที่ตั้งครรภ์ได้ 36 สัปดาห์ก็พบความผิดปกติเกี่ยวกับทารกในครรภ์ ซึ่งวิธีเดียวที่จะสามารถช่วยชีวิตได้ก็คือ คุณหมอจะต้อง ผ่าคลอด เท่านั้น!

คลอดลูกแฝด ผ่าท้อง

เจอรี่ โวลฟ์ คุณแม่วัย 41 ปี มีความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะคลอดลูกคนที่ 10 และ 11 ซึ่งเป็นลูกแฝดของเธอด้วยวิธีการแบบธรรมชาติ แต่แล้วสิ่งที่เธอคิดก็ต้องจบลง ด้วยการที่คุณหมอตรวจพบความผิดปกติบางอย่างเกี่ยวกับทารกแฝดในครรภ์ของเธอ

คลอดลูกแฝด ผ่าท้อง

แต่ เจอรี่ ก็ไม่ยอมแพ้ และมีความตั้งใจที่จะคลอดลูกแฝดของเธอด้วยตัวเองให้ได้ เธอจึงค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับการผ่าท้องคลอดด้วยวิธีการธรรมชาติขึ้น ซึ่งเธอก็ได้มาปรึกษาคุณหมอว่า คุณหมอจะยังคงสามารถผ่าท้องคลอดให้เธอได้ แต่เธอจะขอเป็นคนคลอดลูกแฝดเอง ด้วยการเป็นคนเอาทารกออกมาเอง

คลอดลูกแฝด ผ่าท้อง

ซึ่งแม้แต่คุณหมอก็ไม่เคยได้ยินวิธีการนี้มาก่อน แต่ก็อนุญาตให้เธอทำเอง โดยที่คุณหมอจะคอยดูอยู่ใกล้ ๆ ทันทีที่คุณหมอ ผ่าท้องของเธอ คุณหมอก็ส่งสัญญาณให้เธอสามารถหยิบทารกออกจากมดลูกเองได้ เจอรี่ ดึงเอาทารกคนแรกขึ้นมาได้สำเร็จ และแน่นอนทารกคนที่สองด้วยเช่นกัน

ผ่าคลอด

มาทิลด้า และไวโอเลต ทารกแฝดเพศหญิงคลอดออกมามีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงดี และใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน คุณหมอก็อนุญาตให้ เจอรี่ นำตัวทารกแฝดกลับไปดูแลต่อที่บ้านได้

ผ่าคลอด

"ร่างกายของฉัน ลูกของฉัน ฉันย่อมรู้จักมันดี" เจอรี่กล่าว ไม่แปลกหาก เจอรี่ จะรู้เรื่องเกี่ยวกับการคลอดลูกเป็นอย่างดี เพราะเธอผ่านการมีลูกมาแล้วทั้งหมด 9 คน และนี่คือภาพครอบครัวที่แสนจะอบอุ่นของเธอ

ผ่าคลอด

สามารถอ่านวิธีการดูแลแผลผ่าคลอดไม่ให้นูนแดงได้ที่หน้าถัดไปค่ะ

เทคนิคการดูแลแผล ผ่าคลอด ไม่ให้นูนแดง

1. หลังผ่าคลอดใหม่ ๆ คุณหมอจะใช้พลาสเตอร์ปิดแผลกันน้ำ เพื่อรั้งไม่ให้แผลตึง เพิ่มความสะดวกและลดความเจ็บปวดบาดแผลเวลาเคลื่อนไหว แม้ว่าคุณหมอเปิดแผลเอาพลาสเตอร์ออกและตัดไหมเรียบร้อยแล้วก็ตาม  หลังจากนั้นให้คุณแม่ซื้อเทปปิดแผลกันน้ำเช่นเดียวกับที่โรงพยาบาลติดให้ หรือใกล้เคียงกันโดยปรึกษาเภสัชกรให้ช่วยแนะนำได้ค่ะ  นำมาปิดรั้งแผลไว้ตลอดเวลา เพื่อรั้งผิวหนังรอบ ๆ แผลเอาไว้  ป้องกันไม่ให้แผลยืดตัว โดยใช้ตลอดจนกว่าแผลจะหายสนิท (ระยะเวลาในการปิดแผล ประมาณ  3 เดือนควรเปลี่ยนพลาสเตอร์ด้วยนะคะ ไม่ใช่ติดแผ่นเดียวตลอดทั้ง 3 เดือน)

2. ในช่วง 3 เดือนหลังคลอดนี้สำคัญนะคะ   หากปฏิบัติตนถูกต้องจะช่วยลดการเกิดแผลเป็นนูนแดงหรือคีลอยด์ได้  ที่สำคัญหลีกเลี่ยงการขึ้นลงบันได ระมัดระวังในการลุกจากท่านั่งหรือท่านอน  ไม่ควรใช้กล้ามเนื้อท้องหรือทำสิ่งอื่นใดที่ทำให้แผลเกิดการยืดเหยียดมากจนแผลตึงเกินไป จะทำให้กระตุ้นร่างกายให้สร้างเส้นใยคอลลาเจนหนา ๆ ทำให้แผลเป็นนูนแดงขึ้น

3. ไม่ควรออกกำลังกายหนัก ๆ หรือทำงานที่ใช้แรงมาก ๆ เพราะจะทำให้ผิวหนังตึงโดยไม่รู้ตัว

4. ดูแลรักษา  ทำความสะอาดแผลผ่าคลอดให้ดีที่สุดที่สำคัญแผลต้องแห้งตลอดวัน ไม่ควรอับชื้น เพราะจะทำให้แผลหายช้ามีโอกาสเกิดรอยแผลนูนแดง คีลอยด์เพิ่มมากขึ้น

5. ห้ามแคะ แกะ เกาแผลเด็ดขาดนะคะ

6. ทาครีมที่มีส่วนผสมของสเตอรอยด์อ่อน ๆ ช่วยลดการเกิดแผลเป็นนูนแดงได้  โดยอนุญาตให้ใช้ครีมทาภายนอกเท่านั้น ห้ามทานยาที่มีส่วผสมของสเตอรอยด์เด็ดขาด  เพราะยาจะถูกดูดซึมไปกับกระแสเลือดจนเล็ดลอดไปกับน้ำนมและมีผลกระทบต่อทารกได้

7. อย่างไรก็ตาม หากเริ่มมีแผลคีลอยด์ขึ้นมานิด ๆ(ขึ้นอยู่กับสภาพผิวหนังของแต่ละคนด้วยค่ะ)  ให้ใช้แผ่นซิลิโคนเจลซีปิดตลอด 24 ชั่วโมง อีกอย่างน้อย 1 เดือน แต่ถ้ายังไม่ดีขึ้นต้องอาศัยการฉีดยาสเตอรอยด์ในแผลเป็นนูนแผลจะยุบลงภายใน 1 ปี แต่อาจทำให้เกิดรอยบุ๋ม ซึ่งแผลรอยบุ๋มนี้จะรักษายาก ที่สำคัญยาฉีดสเตอรอยด์จะมีผลต่อน้ำนมแม่  ดังนั้น  คุณหมอมักจะรอให้หยุดการให้นมเสียก่อนจึงจะทำการรักษาได้

คำถามที่คุณแม่ท้องมักจะสงสัยและเป็นกังวลว่า การผ่าคลอด หรือเรียกว่าอีกอย่างว่า ซีซาร์ แตกต่างจากการคลอดปกติอย่างไร คลอดวิธีไหนดี เราได้รวบรวมความรู้มาให้คุณแม่ได้คลายความสงสัย ดังนี้ค่ะ

การคลอดปกติ เป็นการคลอดเองแบบธรรมชาติที่คุณแม่จะเบ่งลูกน้อยออกมาทางช่องคลอด ส่วนการผ่าตัดคลอดซีซาร์จะเป็นการผ่าตัดนำตัวทารกออกทางหน้าท้อง โดยปกติแพทย์จะทำการผ่าคลอดเมื่อเห็นว่าคุณแม่และลูกน้อยอาจมีความเสี่ยงถ้าคลอดเองโดยธรรมชาติ  หรือคุณแม่บางคนเลือกผ่าคลอดแทนการคลอดธรรมชาติเพราะไม่อยากเจ็บปวดมาก สามารถกำหนดวันที่คลอดได้ สะดวกและรวดเร็วมาก ๆ ค่ะ แต่ในกรณีนี้คุณแม่อาจจะต้องปรึกษากับคู่สมรสและทางแพทย์ผู้ดูแลก่อนด้วยนะคะ
การผ่าคลอดมักจะฉีดยาชาแก้ปวดหรือบล็อกหลัง เพื่อให้คุณแม่มีสติอยู่ตลอดเวลาระหว่างทำคลอดโดยไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดขณะผ่าคลอด แต่ในบางกรณีวิสัญญีแพทย์และสูตินรีแพทย์เลือกใช้ยาสลบทั่วไป โดยจะประเมินตามความเสี่ยงเพราะคุณแม่บางรายอาจมีการแพ้ยาบางชนิดซึ่งอาจเป็นอันตรายระหว่างการทำคลอด ดังนั้นแพทย์จะถือความปลอดภัยของคุณแม่และลูกน้อยเป็นสิ่งสำคัญที่สุดค่ะ
ในปัจจุบันนี้การผ่าคลอดมีความปลอดภัยสูงมากเพราะความเจริญก้าวหน้าในเทคโนโลยีทางการแพทย์ ซึ่งอัตราการเสียชีวิตจากการคลอดบุตรก็ต่ำมากค่ะ คุณแม่ไม่ต้องกังวลใด ๆ เลย แต่ก็ยังคงไม่สามารถเทียบความปลอดภัยได้เท่ากับการคลอดธรรมชาตินะคะ เพราะคุณแม่จะเจ็บแผลผ่าคลอดและใช้เวลาพักฟื้นนานกว่า มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ทั้งแม่และเด็ก ซึ่งโดยปกติแพทย์มักจะกำหนดวันล่วงหน้า หรือในบางกรณีอาจไม่ได้วางแผน แต่เกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างทำคลอดธรรมชาติทำให้ต้องผ่าคลอดฉุกเฉินได้เช่นกันค่ะ

การผ่าคลอด แบ่งเป็น 2 กรณี คือ

1. แบบวางแผนมาก่อน
2. แบบฉุกเฉิน

1. การผ่าคลอด แบบวางแผนมาก่อน

การผ่าคลอดเป็นทางเลือกที่แพทย์แนะนำเมื่อคุณแม่มีความเสี่ยงที่จะคลอดเองไม่ได้ เช่น ความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของคุณแม่หรือเด็ก หรือลักษณะอาการผิดปกติของเด็กที่แพทย์ผู้ดูแลพบจากการอัลตร้าซาวด์และการตรวจอื่น ๆ ในระหว่างตั้งครรภ์อาจทำให้เห็นเหตุจำเป็นที่ต้องกำหนดวันผ่าคลอด โดยปกติการผ่าคลอดจะมีสาเหตุจากหลายข้อ มีดังนี้
• ทารกอยู่ในภาวะวิกฤต ต้องผ่าคลอดออกมาโดยเร็ว
• คุณแม่มีความเสี่ยงสูง เช่น มดลูกบีบตัวรุนแรง หรือมดลูกลอกตัวเร็ว หรือป้องกันการติดเชื้อจากแม่สู่ลูกระหว่างคลอด เช่น เชื้อไวรัส HIV โรคตับอักเสบ หรือโรคเริมที่อวัยวะเพศ
• คุณแม่สุขภาพไม่ดี ไม่สามารถคลอดเองตามธรรมชาติ
• ทารกอยู่ในท่าผิดปกติ เช่น เอาส่วนเท้าออกมา หรือนอนขวางหันด้านข้างออกจนเด็กไม่สามารถหมุนตัวกลับเองได้ ทำให้คลอดธรรมชาติไม่ได้
• เป็นท้องแฝด 3 คนขึ้นไป หรือคุณแม่เคยท้องและคลอดแฝดสองมาก่อนก็จำเป็นจะต้องผ่าคลอดเช่นกันค่ะ
• หากคุณแม่เคยผ่าคลอดมาก่อน หรือเคยผ่าตัดมดลูก การคลอดธรรมชาติอาจเกิดอันตรายได้ค่ะ

2. การผ่าคลอดแบบฉุกเฉิน

คุณแม่บางคนต้องผ่าตัดคลอดแบบฉุกเฉินเมื่อเกิดภาวะแทรกซ้อนกะทันหัน จำเป็นต้องรีบผ่าคลอดออกมาเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้คุณแม่และลูกน้อยได้รับอันตราย ข้อบ่งชี้ที่จำเป็นต้องผ่าคลอดฉุกเฉิน มีดังนี้
• ทารกมีอาการไม่ดี เกิดความผิดปกติระหว่างคลอดธรรมชาติ แพทย์จำเป็นต้องผ่าคลอดเร่งด่วน
• คุณแม่มีภาวะวิกฤตระหว่างคลอด เช่น ความดันโลหิตสูงมาก อ่อนเพลียมาก มีอาการเกร็งชักหรือความผิดปกติอื่น ๆ ทำให้คลอดเองตามธรรมชาติไม่สำเร็จ
• มีภาวะแทรกซ้อน เช่น สายสะดือย้อย รกพันคอของทารก หรือมดลูกแตก พบได้น้อยแต่อันตรายมากนะคะ กรณีนี้จะต้องผ่าคลอดเร่งด่วน
• ทารกอยู่ในท่าผิดปกติ ทำให้คลอดแบบธรรมชาติได้ยาก เสี่ยงอันตรายทั้งตัวคุณแม่และลูกน้อยเลยค่ะ
• การคลอดใช้ระยะเวลานานเกินไป มีแนวโน้มจะคลอดเองตามธรรมชาติไม่สำเร็จ
• การใช้ยาเร่งคลอดผิดพลาด

บทความจากพันธมิตร
แม่ท้องอย่ามองข้าม อาการท้องผูก ในระหว่างตั้งครรภ์เสี่ยงต่อการแท้งได้จริง?
แม่ท้องอย่ามองข้าม อาการท้องผูก ในระหว่างตั้งครรภ์เสี่ยงต่อการแท้งได้จริง?
Attitude Mom รุ่น Galaxy II เครื่องปั๊มนม ที่คุณแม่วางใจ ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างมีประสิทธิภาพ
Attitude Mom รุ่น Galaxy II เครื่องปั๊มนม ที่คุณแม่วางใจ ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างมีประสิทธิภาพ
รีวิว IMANI i2 Plus อันดับ 1 เครื่องปั๊มนมไร้สายสุดพรีเมียม ผู้ช่วยของคุณแม่ยุคใหม่ที่ทำให้การปั๊มนมเป็นเรื่องง่าย
รีวิว IMANI i2 Plus อันดับ 1 เครื่องปั๊มนมไร้สายสุดพรีเมียม ผู้ช่วยของคุณแม่ยุคใหม่ที่ทำให้การปั๊มนมเป็นเรื่องง่าย
เตรียมความพร้อมก่อนกลับไปทำงานของคุณแม่นักปั๊มฉบับ Working Mom
เตรียมความพร้อมก่อนกลับไปทำงานของคุณแม่นักปั๊มฉบับ Working Mom

จะต้องเจออะไรบ้าง เมื่อผ่าคลอด

หลังจากที่คู่รักได้ตัดสินใจและแจ้งคุณหมอว่าต้องการจะทำการผ่าคลอดแล้ว ต่อไปคือขั้นตอนและสิ่งที่จะต้องเจอสำหรับการผ่าคลอด มาดูไปพร้อมกันเลยค่ะ
• ก่อนที่คุณแม่จะผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง พยาบาลจะต้องเตรียมการคลอดด้วยการทำความสะอาด โกนขนบริเวณหน้าท้องช่วงล่างของคุณแม่จากนั้นเช็ดด้วยยาฆ่าเชื้อ เพื่อให้ทำคลอดได้สะดวกและป้องกันการติดเชื้อจากแบคทีเรียบนผิวที่อาจส่งผ่านไปสู่ลูกในระหว่างทำคลอดค่ะ
• คุณหมอจะให้ยาสลบ (อาจเป็นยาสลบแบบทั่วไปหรือวิธีบล็อกหลัง) และให้น้ำเกลือผ่านเส้นเลือดเพื่อควบคุมร่างกายให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยและเหมาะสมตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนั้นยังใส่สายสวนปัสสาวะชั่วคราว โดยปกติจะถอดสายสวนปัสสาวะได้หลังจากนั้นประมาณ 8 ชั่วโมง กรณีที่ต้องผ่าคลอดเร่งด่วน ขั้นตอนเตรียมคลอดนี้จะใช้เวลาไม่กี่วินาทีเท่านั้นค่ะ
• โดยปกติคุณแม่ที่ผ่าคลอดจะต้องนอนเตรียมตัวในห้องผ่าตัดนานนับชั่วโมง ยกเว้นกรณีผ่าคลอดฉุกเฉินต้องทำทันทีเพื่อรักษาชีวิตทั้งคู่ไว้ ส่วนคุณพ่อแพทย์จะอนุญาตให้เข้าไปกับคุณแม่ในห้องผ่าตัดได้นะคะ แต่ในบางโรงพยาบาล แพทย์จะอนุญาติให้เข้าได้หลังจากที่การผ่าตัดเสร็จสิ้นแล้วเพื่อถ่ายรูปร่วมกับลูกน้อยที่ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว และเพื่อความสะดวกในการทำงานของแพทย์พยาบาลในห้องผ่าตัดด้วยค่ะ ทั้งนี้คุณพ่อจะต้องเปลี่ยนใส่ชุดเสื้อกาวน์ของโรงพยาบาลและฟอกมือด้วยสบู่ฆ่าเชื้อโรคให้สะอาด
• คุณหมอจะลงมีดผ่าตัดซึ่งในปัจจุบันจะใช้วิธีการผ่าคลอดแบบแนวนอน เรียกว่า การผ่าแบบบิกินี่ คือการผ่าตามแนวนอนผ่านชั้นผิวหนังตามรอยพับของหน้าท้องลงไปจนถึงชั้นเนื้อเยื่อของมดลูก จากนั้นคุณหมอจะยกเด็กออกมา โดยยกศีรษะก่อน หลายกรณีใช้คีมหนีบช่วยดึงเด็กออกมาด้วย รีบดูดน้ำคร่ำออกจากจมูกและปากของทารก ก่อนจะอุ้มเด็กออกมาจากท้องคุณแม่ บางรายเด็กหันก้นขึ้นด้านบน คุณหมอก็จะดึงก้นออกก่อนค่ะ
• วิธีการผ่าตัดคลอดค่อนข้างเร็ว ใช้เวลาเพียงแค่ 5-10 นาทีเท่านั้น พอนำเด็กออกมาแล้ว คุณหมอจะยกรกออกมาด้วย และฉีดสารออกซิโตซินกระตุ้นให้มดลูกบีบตัว ลดการเสียเลือดพร้อมกับป้องกันการตกเลือดหลังคลอด คุณหมอจะเย็บปิดแผลที่มดลูก ชั้นกล้ามเนื้อ และผิวหนังบริเวณหน้าท้องตามลำดับค่ะ
• สังเกตได้ว่าเด็กที่ผ่าคลอดส่วนใหญ่จะมีศีรษะกลมและเรียบกว่าเด็กที่คลอดธรรมชาติ แต่เด็กผ่าคลอดจะไม่ผ่านกระบวนการบีบตัวของมดลูกที่รีดของเหลวออกจากปอด อาจจะมีของเหลวและเมือกต่าง ๆ ตกค้างอยู่ในปอดมากกว่าปกติ ต้องดูดออกมาให้เด็กเริ่มหายใจ แต่ไม่มีปัญหาในระยะยาว
• หลังจากผ่าคลอดเรียบร้อยแล้ว  แพทย์ผดุงครรภ์หรือกุมารแพทย์จะพาลูกน้อยไปให้คุณแม่กอดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หรืออาจให้คุณพ่ออุ้มลูกจนกว่าคุณแม่จะพร้อมอุ้มลูกได้ รวมถึงการให้ลูกดูดนมคุณแม่เพื่อเป็นการกระตุ้นกระบวนการสร้างน้ำนมของคุณแม่ แม้ว่าน้ำนมจะยังมีน้อยหรือไม่มีก็ตามแต่ร่างกายจะตอบสนองและเร่งผลิตน้ำนมได้อย่างน่าอัศจรรย์เลยค่ะ
• หลังคลอด ยังมีสายท่อเล็ก ๆ ค้างอยู่ในตัวคุณแม่เพื่อระบายของเหลวออกจากแผล โดยปกติคุณหมอจะกระตุ้นให้คุณแม่ลุกขึ้นเดินเปลี่ยนอิริยาบถหลังคลอดภายใน 8-12 ชั่วโมงเพื่อให้ฟื้นตัวได้เร็วและป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน
• อาจมีเลือดออกจากช่องคลอดนานหลายสัปดาห์ อาการเดียวกับการคลอดธรรมชาติ คุณแม่ไม่ต้องตกใจนะคะ อาการนี้เกิดจากมดลูกบีบตัวขับเซลล์เม็ดเลือดที่สร้างขึ้นปกป้องทารกตลอดการตั้งครรภ์ให้ออกไปจนหมด
• โดยส่วนใหญ่คุณแม่หลังคลอดยังนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลประมาณ 3-5 วัน ถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อนและร่างกายแข็งแรงฟื้นตัวดี อาจกลับบ้านได้เร็วกว่าที่คิดค่ะ
• การผ่าคลอดใช้เวลาฟื้นตัวมากกว่าการคลอดธรรมชาติ คุณหมอส่วนใหญ่แนะนำให้กินยาแก้ปวดช่วง 2-3 วันหลังคลอด และให้นมลูกได้อย่างปลอดภัย คุณแม่ไม่ควรยกของหนักหรือขับรถประมาณ 6 สัปดาห์เป็นอย่างน้อย รอเวลาประมาณ 3 เดือน ร่างกายถึงจะฟื้นคืนสภาพปกตินะคะ

คุณแม่ลูกอ่อนที่ผ่านประสบการณ์การผ่าคลอดอาจต้องดูแลทารกด้วยตัวเองทั้งวันทั้งคืน ต้องอุ้มบ่อยทั้งยังตึงปวดแผล ง่วงนอนและอ่อนเพลีย อย่างไรแล้วควรทำตามกำลังของคุณแม่นะคะ ลองมองหาคนใกล้ชิดมาช่วยดูแลลูกน้อย หาเวลาพักผ่อนให้มากพอ ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็ว แข็งแรง และพร้อมดูแลลูกได้อย่างเต็มที่ค่ะ

ที่มาจาก : https://www.huggies.co.th/th-th/birth/age-1-3-months/caesarean-delivery

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

สูตรน้ำแกงแม่หลังคลอด หลังคลอดกินซุป แกง อะไรได้บ้าง?

ผ่าคลอดแล้วยังปวดหลังไม่หาย ทำอย่างไรให้อาการบรรเทาหายไป

theAsianparent Community

 

 

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
ddc-calendar
เตรียมความพร้อมสำหรับลูกน้อย โดยใส่วันครบกำหนดคลอดของคุณ
หรือ
คำนวณวันครบกำหนดคลอด
img
บทความโดย

Muninth

  • หน้าแรก
  • /
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • /
  • เหลือเชื่อ! คุณแม่ขอคลอดลูกแฝดเองด้วยวิธีการผ่าท้องคลอด
แชร์ :
  • ผ่าท้องคลอด ต้องเจออะไรบ้าง? 7 สิ่งที่คุณแม่ผ่าคลอดต้องเจอ

    ผ่าท้องคลอด ต้องเจออะไรบ้าง? 7 สิ่งที่คุณแม่ผ่าคลอดต้องเจอ

  • เหลือเชื่อกับคลิปแม่ผ่าท้อง "คลอดลูก" ด้วยวิธีธรรมชาติ

    เหลือเชื่อกับคลิปแม่ผ่าท้อง "คลอดลูก" ด้วยวิธีธรรมชาติ

  • ผ่าท้องคลอด ต้องเจออะไรบ้าง? 7 สิ่งที่คุณแม่ผ่าคลอดต้องเจอ

    ผ่าท้องคลอด ต้องเจออะไรบ้าง? 7 สิ่งที่คุณแม่ผ่าคลอดต้องเจอ

  • เหลือเชื่อกับคลิปแม่ผ่าท้อง "คลอดลูก" ด้วยวิธีธรรมชาติ

    เหลือเชื่อกับคลิปแม่ผ่าท้อง "คลอดลูก" ด้วยวิธีธรรมชาติ

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
    • ก่อนตั้งครรภ์
    • การคลอด
    • ระยะการตั้งครรภ์
    • การคลอด
  • พัฒนาการลูก
    • ทารก
    • เด็กก่อนเข้าเรียน
    • ช่วงวัยของเด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • การวางแผนการเงิน
    • การเลี้ยงลูก
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • นมแม่และนมผง
  • โภชนาการ
    • สินค้าเด็ก
    • นมผง
    • เมนูอาหาร
    • สินค้าแม่
  • เพิ่มเติม
    • TAP สังคมออนไลน์
    • ติดต่อโฆษณา
    • ติดต่อเรา
    • Influencer Marketing (KOL)
    • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Sri-Lanka flag Sri Lanka
  • India flag India
  • Vietnam flag Vietnam
  • Australia flag Australia
  • Japan flag Japan
  • Nigeria flag Nigeria
  • Kenya flag Kenya
© Copyright theAsianparent 2023. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

theAsianparent heart icon
เราต้องการส่งแจ้งเตือนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดูแลตัวเองระหว่างตั้งครรภ์ไปให้กับคุณ