ล่าสุดมีภาพที่ถูกแชร์เป็นจำนวนมาก ภาพเด็กชายวัย 8 ปี ที่เกิดอุบัติเหตุกรรไกรทิ่มเข้าบริเวณใบหน้าด้านซ้าย ทันทีที่มีผู้พบเห็น เด็กชายก็ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาล
![อุทาหรณ์ของมีคมพร้อมวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อลูกเกิดอุบัติเหตุ](https://static.cdntap.com/tap-assets-prod/wp-content/uploads/sites/25/2016/11/อุทาหรณ์ของมีคมพร้อมวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อลูกเกิดอุบัติเหตุ2-424x424.jpg?width=700&quality=10)
เช่นเดียวกับเหตุการณ์ของหนุ่มน้อยชาวจีนวัย 4 ขวบ ถูกของมีคมอย่างกรรไกรแทงเข้าที่ใบหน้า ซึ่งเป็นข่าวไปเมื่อปี 2010 ขณะที่หนุ่มน้อยกำลังช่วยพ่อแม่ตัดสิ่งของอยู่นั้น น้องลื่นล้มทำให้กรรไกรแทงเข้าที่ใบหน้า เฉี่ยวตาซ้าย ใกล้จมูก ทะลุเข้าที่ใบหน้า โชคดีที่การผ่าตัดผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ปัจจุบันเด็กคนนี้ปลอดภัยแล้ว มีเพียงร่องรอยของการเย็บ
![อุทาหรณ์ของมีคมพร้อมวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อลูกเกิดอุบัติเหตุ](https://static.cdntap.com/tap-assets-prod/wp-content/uploads/sites/25/2016/11/ay_115645294-e1375785331499-576x424.jpg?width=700&quality=10)
หรืออีกกรณี เด็กชายวัย 2 ขวบ ถือของมีคมที่พบบนโต๊ะ แล้ววิ่งไปทั่วบ้าน จนเกิดได้รับบาดเจ็บ
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอุทาหรณ์ของมีคม! ที่พ่อแม่จะต้องระวัง ทางที่ดีควรจะเก็บของมีคมให้ห่างไกลมือลูกน้อย ซ่อนไว้ในที่ที่เด็กเอื้อมไม่ถึง
แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เรามีวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อลูกเกิดอุบัติเหตุ ในหน้าถัดไป
วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อลูกเกิดอุบัติเหตุ
![อุทาหรณ์ของมีคมพร้อมวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อลูกเกิดอุบัติเหตุ](https://static.cdntap.com/tap-assets-prod/wp-content/uploads/sites/25/2016/11/article-0-08D95F98000005DC-449_468x355.jpg?width=700&quality=10)
สำหรับกรณีถูกของมีคมทิ่มแทงอวัยวะสำคัญของลูกรัก สิ่งแรกที่พ่อแม่ต้องทำคือ ตั้งสติ แล้วรีบโทรศัพท์ไปเรียกรถพยาบาล พยายามไม่จับให้ลูกเคลื่อนไหวโดยพลการ เพราะเสี่ยงต่อการที่เลือดจะไหลออกมากขึ้น หรือของมีคมชนิดนั้น จะยิ่งทิ่มแทงอวัยวะลึกลงไปอีก
ไม่เพียงแต่ของมีคมเท่านั้นที่เป็นอันตราย แต่ยังมีอุบัติเหตุอื่นๆ อีกมากมาย ที่พ่อแม่ห้ามชะล่าใจ สำหรับวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น มีดังนี้
1.ของมีคมบาด
ถ้าถูกมีดบาด กรรไกรบาด หรือแม้แต่สิ่งของที่ตกแตกแล้วบาดมือลูกน้อย สิ่งแรกที่พ่อแม่ต้องทำคือการห้ามเลือด ถ้าเป็นบาดแผลไม่ใหญ่มากก็ให้ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดและสบู่ จากนั้นใช้ผ้าซับ แล้วก็ทายารักษาแผล เช่น โพวิดีน (Povidine) หรือยาแดง แล้วค่อยปิดบาดแผลด้วยผ้ากอซ
ทั้งนี้ หากบาดแผลจากของมีคมมีขนาดใหญ่ ก็ต้องนำลูกไปส่งโรงพยาบาลตามที่ได้แนะนำไว้ในข้างต้น เพราะอาจจะต้องเย็บแผล หรือถ้าของมีคมขึ้นสนิท ก็ต้องฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยัก หากบาดแผลขนาดใหญ่ มีเลือดออกมาก ก่อนนำส่งโรงพยาบาล ให้รัดส่วนเหนือของแผลด้วยผ้าแล้วใช้ไม้สอดเข้าไปในผ้า หมุนไม้ไปทางเดียวกันขันจนแน่น ซึ่งเป็นวิธีปิดกั้นไม่ให้เลือดไหลผ่านบริเวณแผล จึงต้องคลายผ้าเป็นระยะเพื่อป้องกันเนื้อเยื่อตาย เช่น รัดนาน 5 นาที คลายออก 1 นาที
2.เกิดแผลถลอก
แผลถลอกมักจะเกิดขึ้นได้บ่อยๆ เวลาที่เด็กวิ่งเล่นไปมา ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว แผลถลอกมักจะมีเศษหินติดอยู่ จึงต้องใช้น้ำสะอาดและสบู่ชะล้างก่อน แล้วจึงใช้ผ้าซับบาดแผลให้แห้ง ใส่โพวิดีน (Povidine) หรือยาแดง ถ้าแผลไม่ลึกก็ไม่ต้องใช้ผ้ากอซปิดแผล
3.หกล้มจนหัวโน เกิดการห้อเลือด หรือฟกช้ำ
ภายใน 24 ชั่วโมง ให้ประคบด้วยความเย็น ใช้ได้ทั้งถุงพลาสติกใส่น้ำแข็งหรือใช้ cold – hot pack ซึ่งเป็นถุงที่ใช้ได้ทั้งร้อนและเย็น จากนั้นประคบเส้นเลือดให้หดตัว แล้วเลือดจะหยุดไหล หลังจาก 24 ชั่วโมง จึงค่อยประคบร้อนเพื่อให้เลือดที่ออกถูกดูดซึมกลับเข้าไปในเส้นเลือดเร็วขึ้น
ข้อห้าม ไม่ควรนวดคลึงบริเวณ เพราะจะยิ่งไปเน้นให้เลือดออกใต้ผิวหนังมากขึ้น อย่าใช้ยาหม่องทาบริเวณที่โน เพราะจะยิ่งปวดแสบปวดร้อน ทำให้เลือดมาคั่งที่แผลมากขึ้น
4.สัตว์จำพวกสุนัขหรือแมวกัด
ก่อนอื่นต้องล้างแผลให้สะอาดด้วยน้ำเปล่าและสบู่ หรือล้างแผลด้วยน้ำเกลือล้างแผล แล้วซับแผลจนแห้ง ก่อนจะปิดแผลด้วยผ้ากอซ และต้องรีบนำเด็กส่งโรงพยาบาล เพื่อให้คุณหมอเช็คอาการอีกครั้ง อาจต้องมีการฉีดวัคซีนโรคบาดทะยักหรือวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าร่วมด้วย
อ่านเพิ่มเติม 10 วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้เด็กรอดพ้นอันตราย
สิ่งที่ควรทำคือการป้องกันไว้ก่อน โดยการเก็บของมีคม ติดตั้งสิ่งที่อาจก่อให้เกิดอันตรายไว้สูงกว่าปกติ เพื่อไม่ให้ลูกเอื้อมไปถึง พร้อมกันนั้นต้องบอกให้ลูกรู้ถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ เพื่อที่เด็กจะได้ระมัดระวังตัว
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
5 อุบัติเหตุพบบ่อยในลูกวัยเตาะแตะที่ไม่ควรมองข้ามอย่างแรง!
10 อันตรายที่ลูกมักเจ็บตัวตอนอยู่บ้าน
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!