อัลตร้าซาวน์ปรบมือ คลิปน่ารักเบบี๋อัลตร้าซาวน์กำลังปรบมือ พ่อแม่ได้ดูมียิ้มปริ่มน้ำตาคลอ
อัลตร้าซาวน์ปรบมือ คลิปน่ารักที่พ่อแม่มือใหม่ควรได้ดู
ไม่น่าเชื่อเบบี๋น้อยในครรภ์จะประบมือตามจังหวะดนตรี
อัลตร้าซาวด์กับขนาดตัวของเด็ก
เมื่อใกล้กำหนดคลอด คุณหมออาจประมาณขนาดตัวและน้ำหนักของเด็กโดยใช้การวัดจากเครื่องอัลตร้าซาวด์ แต่อย่าลืมว่าอัลตร้าซาวด์เป็นการตรวจวัดจากมุมใดมุมหนึ่ง ดังนั้นจึงมีโอกาสคลาดเคลื่อนสูง คุณหมออาจบอกคุณว่าเด็กจะมีน้ำหนักประมาณ 6 ปอนด์ แต่เมื่อถึงเวลาคลอดจริง เด็กอาจหนักถึง 10 ปอนด์ก็เป็นได้ ดังนั้นคุณไม่ควรเสียเวลากังวลเกี่ยวกับผลอัลตร้าซาวด์มากนัก และเอาเวลาไปออกกำลังกาย เตรียมตัวคลอด และฝึกฝนเทคนิคอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ดีกว่า
อัลตร้าซาวด์ 4 มิติ
ปกติแล้วเวลาฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล แพทย์จะตรวจสอบความสมบูรณ์ของเด็กโดยการใช้วิธีอัลตร้าซาวด์แบบ 3 มิติอย่างน้อยประมาณ 3 ครั้ง ครั้งแรกจะดูว่าท้องในมดลูกหรือนอกมดลูกและดูว่าเด็กมีอายุกี่สัปดาห์แล้ว ครั้งที่สองเพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์ของเด็กทั้งภายในและภายนอก หากอยากรู้เพศ แพทย์จะบอกให้คุณทราบ และครั้งสุดท้ายเพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์ของเด็กทั้งภายในและภายนอก ตลอดจนยืนยันเพศ บอกน้ำหนักและความยาวของเด็กเพื่อพูดคุยถึงวิธีคลอดลูก โดยทั่วไปแล้วแพทย์จะใช้แบบ 3 มิติ
การอัลตร้าซาวด์ 3 มิติ ก็เหมือนการถ่ายภาพนิ่ง เหมือนรูปภาพตามหนังสือพิมพ์ที่เราเห็นทั่วไป ส่วนการอัลตร้าซาวด์ 4 มิติ จะเป็นการถ่ายภาพเคลื่อนไหวที่มิติที่ 4 คือเวลานั่นเอง พูดง่าย ๆ ก็คือ ภาพแบบ 3 มิติที่เคลื่อนไหวได้นั่นเอง คุณจะเห็นว่าลูกกำลังทำอะไรในท้อง เช่น กำลังอ้าปาก พอหุบปากลูกก็กลืนแผ่นผิวหนังที่ลูกผลัดเซลล์อยู่ในถุงน้ำคล่ำ ลูกกำลังโบกมือทักทายคุณอยู่ ถ้าคุณเลือกที่จะใช้การอัลตร้าซาวด์ 4 มิติ โรงพยาบาลบางแห่งอาจจะบันทึกช่วงเวลาที่ดูลูกในท้องลงแผ่นซีดีให้คุณนำกลับมาดูซ้ำที่บ้าน แต่อาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
เมื่อถึงเวลาอัลตร้าซาวด์ครั้งแรก คุณจะรู้สึกตื่นเต้นและอยากเห็นลูก แต่สิ่งที่คุณเห็นกลับเป็นเพียงเส้นสีเทาไม่ค่อยชัดที่บอกว่านี่คือลูกของคุณด้วยเทคนิคแบบ 2 มิติ เลยทำให้เห็นทะลุเข้าไปถึงอวัยวะภายในของลูกเลย ส่วนการอัลตร้าซาวด์แบบ 3 มิติและอัลตร้าซาวด์ 4 มิติจะเห็นเป็นผิวหนังของลูกปกคลุมอวัยวะภายใน เห็นหน้าตา จมูก ปาก ที่ชัดเจน ทีนี้ก็จะได้รู้กันว่าหน้าตาคล้ายพ่อหรือแม่
ประโยชน์ทางการแพทย์ของการอัตราซาวด์ 3 มิติ และอัลตร้าซาวด์ 4 มิติ
ช่วยให้แพทย์เห็นความผิดปกติของลูกและเตรียมการรักษาได้ทันทีที่ลูกคลอด ในกรณีของการอัลตร้าซาวด์แบบ 3 มิติจะเน้นเรื่องอวัยวะภายในว่าทำงานได้ปกติ ลิ้นหัวใจไม่รั่ว พัฒนาการของกระเพาะเป็นปกติ ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานของสมอง ส่วนอัลตร้าซาวด์ 4 มิติจะเน้นลักษณะภายนอก หากพบว่าลูกปากแหว่ง แพทย์จะได้เตรียมศัลยกรรมตอนคลอดเลย
ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะทำอัลตร้าซาวด์แบบ 3 มิติและ 4 มิติ
ช่วงที่คุณมีอายุครรภ์ประมาณ 26 – 30 สัปดาห์ เพราะว่าถ้าทำก่อนหน้านั้นจะเห็นแค่โครงกระดูกของเด็กมากกว่า เนื่องจากร่างกายเด็กยังไม่สามารถสร้างไขมันได้เพียงพอ ส่วนเมื่ออายุครรภ์หลังจาก 30 สัปดาห์ไปแล้ว อาจจะมองเห็นไม่ชัด เพราะลูกอาจจะเริ่มกลับหัว บริเวณหน้าอาจจะอยู่บริเวณกระดูกเชิงกราน
การอันตราซาวด์ทุกครั้งอาจจะไม่เห็นหน้าลูกทุกครั้งเหมือนอย่างที่คุณคิด ขึ้นอยู่กับว่าลูกกำลังนอนท่าไหน ซุกหน้าอยู่หรือเปล่า แพทย์อาจจะช่วยกระตุ้นให้เด็กขยับตัว พลิกตัวไปมา เพื่อหามุมให้เห็นหน้าชัดขึ้น แต่เด็กบางคนก็ขี้เซานะคะไม่ยอมพลิกตัว สงสัยกำลังหลับสบายในท้องแม่ ลูกดิฉันแอบไม่พอใจที่คุณหมอพยายามปลุก ปัดมือไปมา กลืนน้ำลายและหันหน้าหนีนอนต่ออีก ทีนี้เลยต้องเปลี่ยนท่านอนเองเพื่อให้ได้มุมที่ดีขึ้นบางครั้งคุณหมออาจจะต้องให้คุณออกไปเดินเล่น หรือนัดใหม่อีกสัปดาห์หนึ่ง หากลองกระตุ้นให้ลูกพลิกตัวแล้ว แต่ลูกยังไม่สามารถพลิกมาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมได้
การอัลตร้าซาวด์ทั้ง 3 มิติและอัลตร้าซาวด์ 4 มิติปลอดภัยเท่าเทียมกันกับการทำแบบ2 มิติ เพราะใช้พื้นฐานของการทำแบบ 2 มิติ แต่มาปรับเพิ่มมิติอื่น ๆ เองจากเครื่องมือ
บทความแนะนำ: ตั้งครรภ์แล้ว…ทำไงต่อล่ะ
บทความแนะนำ: เซ็กซ์ขณะตั้งครรภ์
บทความใกล้เคียง: สิ่งที่ต้องทำช่วงโค้งสุดท้ายก่อนคลอด
บทความเกี่ยวข้อง
ท้องอ่อนๆ ต้องอัลตร้าซาวด์ด้วยเหรอ
ไม่ต้องงงอีกต่อไป เรามีวิธีอ่านอัลตร้าซาวด์ง่ายๆมาบอก!
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!