กินน้ำตาลมากๆ ทำให้ฟันผุ คำพูดที่ผู้ใหญ่มักจะบอกเด็กๆ อยู่เสมอ แต่ตอนนี้ต้องเปลี่ยนมาย้ำเตือนเด็กๆ ว่า กินน้ำตาลมากๆ ทำให้อ้วน เสี่ยงเป็นโรคเบาหวานและโรคหัวใจ
การกินน้ำตาล ทำให้ติดรสหวาน ไม่ดีต่อฟัน มีผลต่อตับ และยิ่งกินมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเสพติดรสชาติหวานๆ จนส่งผลในระยะยาว การกินของหวาน เครื่องดื่ม หรืออาหารที่ใส่น้ำตาลเยอะๆ จะนำพาโรคภัยมากมายมาทักทายลูกๆ โดยเฉพาะ โรคอ้วนและโรคความดันโลหิตสูง ทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ จนเกิดภาวะหัวใจวายได้อีกด้วย
ส่วนเด็กๆ ที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ อาจเผชิญกับปัญหาโรคอ้วนในเด็ก และเป็นโรคเบาหวานประเภทที่ 2 (Type 2 Diabetes) ที่ตับอ่อน สร้างอินซูลินได้ไม่เพียงพอต่อร่างกาย หรือเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน
อาหารที่พ่อแม่ให้ลูกกิน มีผลต่อพฤติกรรมการกินในอนาคต
รสชาติที่ชื่นชอบในวัยเด็ก มีผลต่อพฤติกรรมการกินในอนาคตของลูก เมื่อพ่อแม่ให้ลูกกินของหวานบ่อยๆ หรืออาหารผ่านการปรุงแต่งเยอะๆ แม้แต่อาหารขยะ ก็จะทำให้ลูกเสพติดรสชาติที่ปรุงแต่งมากๆ แต่ถ้าพ่อแม่ให้ทานอาหารที่มีคุณค่า ไม่ปรุงรสชาติที่จัดจ้านเกินไป ลูกก็จะไม่เสพติดรสหวาน และเลือกทานอาหารที่ปรุงแต่งน้อยๆ ไปเอง
เด็กๆ ควรบริโภคน้ำตาลมากน้อยแค่ไหน
สำหรับเด็กที่อายุ 2 – 18 ปี ควรบริโภคน้ำตาลต่ำกว่า 6 ช้อนโต๊ะต่อวัน ราวๆ 25 กรัม หรือ 100 แคลอรี และเด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปี พ่อแม่ไม่ควรใส่น้ำตาลลงไปในอาหารและเครื่องดื่มเลย ส่วนจำนวนแคลอรีที่เหมาะสมในแต่ละวันของเด็กๆ สำหรับเด็กเล็กๆ อยู่ที่ 1,000 กิโลแคลอรี ส่วนอายุ 14-18 ปี ควรบริโภค 2,400 กิโลแคลอรีต่อวัน และเด็กโตจนถึงวัยรุ่น ช่วงอายุ 16-18 ปี ควรบริโภค 3,200 กิโลแคลอรีต่อวัน
ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่มีประโยชน์ แล้วเลือกทานผัก ผลไม้ โฮลเกรน หรือผลิตภัณฑ์นมโลว์แฟต หรือให้ลูกทานเนื้อสัตว์ จำพวกสัตว์ปีกจำพวกไก่หรือปลา และเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน
ข้อควรระวัง : น้ำตาล ไม่ได้มาในรูปแบบน้ำตาลที่มองเห็นได้ชัดเจนเท่านั้น พวกน้ำตาลฟรุกโตสหรือน้ำตาลจากผลไม้ น้ำผึ้ง และอาหารรสหวานต่างๆ ก็ถือเป็นเมนูต้องห้าม ไม่ควรบริโภคมากเกินไป ซึ่งความหวานจะแอบซ่อนอยู่ในอาหารและเครื่องดื่ม ถ้าเราไม่สังเกตจำนวนแคลอรี ก็จะเผลอบริโภคมากเกินไปโดยไม่รู้ตัว
ที่มา : sg.theasianparent.com
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
โรคอ้วน โรคน่ากลัวของเด็กจ้ำม่ำ!
ลดน้ำตาลเพียง 9 วัน ก็ทำให้ลูกสุขภาพดีขึ้นได้
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!