ประเพณีไทยที่โด่งดังไปไกลทั่วโลกอย่าง “ประเพณีสงกรานต์” นั้น ได้รับการปฏิบัติสืบต่อกันมาอย่างยาวนานค่ะ แต่รู้ไหมว่า ประวัติประเพณีวันสงกรานต์ มีความเป็นมาอย่างไร วัฒนธรรมของวันสงกรานต์อันเป็นเสมือนลักษณ์ของชาติไทยเป็นแบบไหน วันนี้ theAsianparent จะพาไปค้นข้อมูลของเทศกาลสงกรานต์กัน ว่าวันสงกรานต์มีความสำคัญยังไง? การรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ การพระเจดีย์ทราย ทำบุญตักบาตร สรงน้ำพระ รวมไปถึง “นางสงกรานต์” มีนัยถึงอะไรบ้าง มาดูกัน

ประวัติประเพณีวันสงกรานต์
ประเพณีวันสงกรานต์ คือ ประเพณีของประเทศไทย ลาว พม่า กัมพูชา มณฑลยูนนานของจีน หรือชนกลุ่มน้อยของชาวไตแถบเวียดนาม รวมถึงศรีลังกา และประเทศทางตะวันออกของประเทศอินเดีย มีการสันนิษฐานกันว่า ประเพณีวันสงกรานต์นั้นได้รับวัฒนธรรมมาจากเทศกาลโฮลีของอินเดีย แต่เทศกาลโฮลีนั้นจะใช้การสาดสีแทนการสาดน้ำ โดนจะจัดขึ้นในทุก ๆ วันแรม 1 ค่ำ เดือน 4 ซึ่งก็คือเดือนมีนาคมนั่นเอง
สงกรานต์ เป็นคำในภาษา สันสกฤต หมายถึง การเคลื่อนย้าย หรือก้าวขึ้น โดยเป็นการอุปมาถึงการเคลื่อนย้าย การประทับในจักรราศี หรือการที่เคลื่อนเข้าสู่ปีใหม่ตามความเชื่อของคนไทย และบางประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีประเพณีสงกรานต์สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณคู่กับตรุษนั้นเอง จึงมักจะเรียกรวมกันว่า ประเพณีตรุษสงกรานต์ หมายถึง การส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
ทั้งนี้ เดิมทีวันที่จัดสงกรานต์นั้นจะมีการคำนวณทางดาราศาสตร์ แต่ในปัจจุบันได้มีการกำหนดวันที่แน่นอนเลย คือ ตั้งแต่วันที่ 13 – 15 เมษายน ของทุกปี ซึ่งแต่เดิมวันขึ้นปีใหม่ไทยคือวันเริ่มปีปฏิทินของไทย จนถึง พ.ศ. 2431 และได้มีการเปลี่ยนแปลงมาเป็นวันที่ 1 เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่จนถึง พ.ศ. 2483
บทความที่เกี่ยวข้อง : พาลูกเที่ยวสงกรานต์ ต้องระวังอะไร วิธี ปฐมพยาบาลเบื้องต้น เมื่อลูกป่วย หลังเล่นน้ำ สงกรานต์

พิธีสงกรานต์ ประวัติวันสงกรานต์
เมื่อก่อน พิธีสงกรานต์ นั้นเป็นพิธีกรรมที่เกิดขึ้นภายในครอบครัว หรือชุมชนใกล้เคียงต่างๆ แต่ในปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนแปลงให้พิธีสงกรานต์นั้นเป็น เทศกาลสงกรานต์ โดยที่ได้ขยายออกไปสู่สังคมเป็นวงกว้างมากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนทัศนคติ และความเชื่อไป
โดยในความเชื่อดั้งเดิมใช้สัญลักษณ์เป็นองค์ประกอบหลักในพิธี ได้แก่ การใช้น้ำเป็นตัวแทนในการแก้กัน กับความหมายของฤดูร้อน ช่วงเวลาของพระอาทิตย์เคลื่อนเข้าสู่ราศีเมษในวันนี้ จะใช้น้ำรดให้แก่กันเพื่อความชุ่มชื่น มีการขอพรจากผู้ใหญ่ มีการรำลึก และแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับ
ต่อมาในสังคมไทยสมัยใหม่เกิดความนิยมในการกลับบ้านช่วงวันสงกรานต์กันมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลวันหยุดยาว จึงนับว่าหนึ่งในวันสงกรานต์อย่างวันที่ 14 เมษายน เป็นวันครอบครัวอีกด้วย นอกจากนี้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ยังมีประเพณีที่สืบทอดมาตั้งแต่ดั้งเดิม อย่างเช่น การสรงน้ำพระเพื่อความเป็นสิริมงคล ให้เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่ดี และเต็มไปด้วยความสุขความเจริญนั่นเอง
บทความที่เกี่ยวข้อง : 5 กิจกรรมที่ทุก ครอบครัว ต้องทำ เมื่อวันหยุดยาว สงกรานต์มาถึง
ประวัติวันสงกรานต์ ตำนานเกี่ยวกับ “นางสงกรานต์”
ความเชื่อของคนไทยเกี่ยวกับประวัติวันสงกรานต์ส่วนใหญ่จะอ้างอิงตามจารึกที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามฯ โดยเล่าเรื่องราวของเศรษฐีคนหนึ่งที่ต้องการมีบุตร จึงทำพิธีขอบุตรกับพระอาทิตย์ และพระจันทร์ แต่ก็ไม่เคยสมหวัง กระทั่งได้หุงข้าวสาร 7 สี นำไปบูชารุกขพระไทร พร้อมประโคมดนตรีถวาย และตั้งใจอธิษฐานขอบุตร รุกขพระไทรจึงไปขอบุตรกับพระอินทร์ให้ ทำให้ต่อมาภรรยาของเศรษฐีก็ตั้งท้องบุตรชายที่มีสติปัญญาหลักแหลม นามว่า “ธรรมบาลกุมาร”
วันหนึ่ง ท้าวกบิลพรหม ต้องการประลองปัญญากับ ธรรมบาลกุมาร จึงทรงถามคำถาม 3 ข้อ โดยให้เวลา 7 วันในการคิดหาคำตอบ หากแพ้จะต้องตัดศีรษะบูชาอีกฝ่าย ซึ่งคำถามดังกล่าวมีดังนี้
- ตอนเช้าราศีคนอยู่แห่งใด
- ตอนเที่ยงราศีของคนอยู่แห่งใด
- ตอนค่ำราศีของคนอยู่แห่งใด
ธรรมบาลกุมาร ได้เดินทางเข้าป่าเพื่อคิดหาคำตอบ แล้วได้ยินคู่นกอินทรีพูดถึงเรื่องที่ท้าวกบิลพรหมประลองปัญญาโดยมีชีวิตของเขาเป็นเดิมพัน เนื่องจากสามารถฟังภาษานกได้ ธรรมบาลกุมารจึงได้ยินคำตอบของนกคู่นั้นดังนี้
- ตอนเช้าราศีของมนุษย์อยู่ที่หน้า คนจึงต้องล้างหน้าทุกๆ เช้า
- ตอนเที่ยงราศีคนอยู่ที่อก มนุษย์จึงต้องใช้เครื่องหอมประพรมที่อก
- ตอนค่ำราศีคนอยู่ที่เท้า มนุษย์จึงต้องล้างเท้าก่อนเข้านอน
ดังนั้นแล้ว ธรรมบาลกุมาร จึงกลับไปตอบคำถามแก่ท้าวกบิลพรหมจนเป็นฝ่ายชนะ ทำให้ท้าวกบิลพรหมต้องตัดศีรษะ ซึ่งหากศีรษะนี้ต้องถึงพื้นโลก จะเกิดเพลิงไหม้ขนาดใหญ่ พระองค์จึงสั่งให้ 7 บาทบาจาริกาของพระอินทร์ทำหน้าที่สลับกันอัญเชิญศีรษะของตนเพื่อแห่รอบเขาพระสุเมรุ หนึ่งคนทำหน้าที่ 1 ปี สลับกันไปเรื่อยๆ เกิดเป็น ตำนานนางสงกรานต์ ทั้ง 7 คือ
- นางทุงสะเทวี
- นางรากษเทวี
- นางโคราคเทวี
- นางกิริณีเทวี
- นางมณฑาเทวี
- นางกิมิทาเทวี
- นางมโหธรเทวี
ตำนานและประวัติวันสงกรานต์ข้างต้น มีความเชื่อมโยงกับการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์เข้าสู่ราศีเมษในช่วงวันสงกรานต์ตามคติทางโหราศาสตร์ จึงเป็นที่มาว่าทำไมแต่ละปีจึงมีนางสงกรานต์ชื่อแตกต่างกันนั่นเอง และในวันสงกรานต์ปี 2568 นี้ นางสงกรานต์มีนามว่า “นางทุงสะเทวี” ทุงสะเทวี ทรงพาหุรัด ทัดดอกทับทิม อาภรณ์แก้วปัทมราค ภักษาหารอุทุมพร (มะเดื่อ) พระหัตถ์ขวาทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายทรงสังข์ เสด็จไสยาสน์หลับเนตรมาเหนือหลังครุฑเป็นพาหนะ

กิจกรรมวันสงกรานต์ ประวัติวันสงกรานต์
1. ประเพณีวันสงกรานต์ การทำบุญตักบาตร
การทำบุญตักบาตร นับว่าเป็นการสร้างบุญสร้างกุศลให้กับตัวเอง ทั้งยังเป็นการอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว การทำบุญในลักษณะนี้มักจะมีการเตรียมไว้ล่วงหน้า เมื่อถึงเวลาทำบุญจะนำอาหารที่เตรียมไว้มาตักบาตรถวายพระภิกษุที่ศาลาวัด
2. การรดน้ำผู้ใหญ่
คือการไปอวยพรให้ผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ แสดงความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนใกล้ตัว อย่างบุพการี พ่อ แม่ รวมทั้งครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณ โดยท่านผู้ใหญ่มักจะนั่งลงแล้วผู้ที่รดก็จะเอาน้ำหอมเจือกับน้ำรดที่มือท่าน โดยท่านจะให้ศีลให้พรผู้แก่ผู้ที่นำมารดด้วย และถ้าเป็นพระก็จะนำผ้าสบงไปถวายให้ท่านผลัดเปลี่ยนด้วย หากเป็นฆราวาสก็จะหาผ้าถุง ผ้าขาวม้าไปให้ เป็นหนึ่งกิจกรรมดีงามที่สร้างความสุขให้แก่ผู้ให้ และผู้รับด้วย
3. การดำหัว
โดยวัตถุประสงค์ของการดำหัว ก็คล้ายกับการรดน้ำทางภาคกลาง แต่พบเห็นได้ทางภาคเหนือ ซึ่งการดำหัวทำเพื่อแสดงความเคารพนับถือต่อพระ หรือผู้สูงอายุ นั้นก็คือการขอขมาในสิ่งที่ได้ล่วงเกินไปแล้ว หรือ การขอพรปีใหม่จากผู้ใหญ่ โดยกิจกรรมนี้ จะนำของที่ใช้ในการดำหัว ได้แก่ อาภรณ์ (เครื่องประดับ) มะพร้าว กล้วย ส้มป่อยเทียน และดอกไม้ นำมาใช้ในการดำหัวด้วย
4. ประเพณีวันสงกรานต์ การขนทรายเข้าวัด
การขนทรายเข้าวัดนั้น เป็นกิจกรรมของทางภาคเหนือนิยมขนทรายเข้ามาในวัด เพื่อเป็นสิริมงคลในชีวิต ให้มีความสุข ความเจริญ เงินทองไหลมาเทมา ให้แก่ครอบครัว หรือคนที่เรารัก แต่ก็มีบางที่ ที่เชื่อว่าการนำทรายที่ติดเท้าออกจากวัดนั้น เป็นบาป
5. การก่อเจดีย์ทราย
การก่อเจดีย์ทรายนั้น เป็นการที่นำทรายมาก่อ ให้เป็นรูปร่างคล้าย ๆ เจดีย์ และมีดอกไม้ต่าง ๆ ประดับด้วย ถือเป็นคติความเชื่อเรื่องของเวรกรรมในพระพุทธศาสนา มีการก่อพระเจดีย์ทรายถวายวัดเพื่อนำเศษ ของดินทรายที่ติดที่เท้าออกจากวัดไปมาคืนวัด
6. การปล่อยนก ปล่อยปลา
การปล่อยนก ปล่อยปลานั้น ถือเป็นการล้างบาปเพื่อ เป็นการสะเดาะเคราะห์ร้าย ๆ ให้ออกไป เพื่อจะได้รับสิ่งใหม่ ๆ เข้ามา ให้เรานั้นได้มีแต่ความสุข ความเจริญ ดังนั้น เทศกาลสงกรานต์การปล่อยนก ปล่อยปลาให้เป็นอิสระ จะทำให้เรานั้นพ้นจากการผูกมัด จากสิ่งต่าง ๆ ได้
ข้อควรระวังของการปล่อยนก ปล่อยปลา ควรเลือกชนิดปลา หรือชนิดนก ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม การปล่อยผิดที่จากการที่จะบุญ ก็ได้บาปแทน
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ดินสอพอง อันตรายไหม แม่อยากรู้ ลูกเล่นแป้ง ช่วงสงกรานต์ ได้ หรือเปล่า
น้ำอบ สงกรานต์ คืออะไร ? ทำไมทุกคนต้องใช้ในวันสงกรานต์ มีประโยชน์อย่างไร
รวม 10 ไอเทมสงกรานต์ พกติดตัวไว้ไม่มีเอาท์ ปี 2023
ที่มา :Sanook ,ch3 thailand
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!