เด็กอายุ 1 ขวบขึ้นไป ถือว่าระบบย่อยอาหาร ลำไส้ มีพัฒนาการดีขึ้นมาก สามารถรับประทานเมนูได้หลากหลายและรับประทาน 3 มื้อได้เหมือนผู้ใหญ่แล้ว แต่ “นม” ก็ยังจำเป็นต้องได้รับทุกวัน เพราะอุดมไปด้วยสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโต พัฒนาสมอง และระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
ในความเป็นจริงแล้ว คุณแม่สามารถให้นมลูกได้เรื่อยๆ จนกว่าน้ำนมจะหมด แต่สำหรับคุณแม่ที่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นนมผง ก็ต้องรู้จักเลือกอย่างพิถีพิถันด้วยนะคะ นมผงที่จัดจำหน่ายตามซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป มีปริมาณสารอาหารบางอย่างที่ถูกเพิ่มเติมเข้าไปในผลิตภัณฑ์แต่ละยี่ห้อ จึงเป็นตัวแปรที่ทำให้คุณภาพและราคาแตกต่างกันไป ฉะนั้น ก่อนตัดสินใจ เลือกซื้อนม ยี่ห้อไหนดี ควรพิจารณาเรื่องของสารอาหารเป็นสำคัญค่ะ
สารอาหารช่วยพัฒนาสมอง สติปัญญา และการเจริญเติบโต
ผลิตภัณฑ์นมในท้องตลาดแต่ละยี่ห้อ มีการเสริมวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารบางชนิดเข้าไปเป็นพิเศษ เพื่อเน้นพัฒนาการทางสมอง สติปัญญา และการเจริญเติบโตในทุกๆ ส่วนของร่างกาย เช่น
- โปรตีน คุณแม่คงทราบดีว่าโปรตีนเป็นสารอาหารที่ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อ เอนไซม์ ฮอร์โมน สร้างภูมิต้านทาน ซ่อมแซมเซลล์ที่สึกหรอ และยังมีส่วนช่วยให้การทำงานของสารสื่อประสาทในสมองทำงานได้ดี แต่สำหรับโปรตีนที่ดีนั้นควรเป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย และช่วยให้ร่างกายดูดซึมแร่ธาตุ อาทิ แคลเซียม แมกนีเซียม ธาตุเหล็ก และสังกะสี ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ดีเอชเอ (DHA) เออาร์เอ (ARA) เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยพัฒนาสมองและการมองเห็น ยิ่งเด็กวัยขวบปีแรกเป็นวัยแห่งการเรียนรู้ เขาจะสนุกกับเรื่องราวสิ่งแปลกใหม่รอบๆ ตัว สมองจึงต้องการ ดีเอชเอ และเออาร์เอ ไปช่วยเสริมสร้างเซลล์และระบบประสาท ช่วยกระตุ้นให้เกิดการจดจำสิ่งต่างๆ ได้ดี
- โอเมก้า 3, 6 และ 9 กรดไขมันจำเป็นที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางสมอง โดยเฉพาะความจำ การคิดวิเคราะห์ รวมถึงช่วยบำรุงสายตา และระบบการทำงานต่างๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะหลอดเลือด หัวใจ การแข็งตัวของเลือด การส่งสารสื่อประสาท กระบวนการเมทาบอลิซึมของไขมัน เป็นต้น
- พรีไบโอติก (Prebiotics) หรือใยอาหาร เช่น อินนูลิน (Inulin) , โอลิโกฟรุคโตส (Oligofructose) เป็นอาหารของจุลินทรีย์สุขภาพ (Probiotics) เมื่อจุลินทรีย์สุขภาพเจริญเติบโต เพิ่มจำนวนขึ้น ก็ส่งผลให้ลำไส้เกิดความสมดุล ทำงานอย่างปกติ มีภูมิคุ้มกันแข็งแรง ลดโอกาสการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร หมดปัญหาเรื่องท้องผูก
- ทอรีน เป็นกรดอะมิโนที่มีส่วนช่วยพัฒนาการทำงานของจอประสาทตา ช่วยปกป้องเรติน่าไม่ให้ถูกทำลายจากแสงแดดที่รุนแรงหรือสารเคมีที่อาจเป็นอันตรายต่อดวงตา และยังช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุชนิดต่างๆ ไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- วิตามินบี 12 มีบทบาทในกระบวนการทำงานของระบบประสาทและไขสันหลัง ช่วยส่งเสริมการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง ป้องกันโรคโลหิตจาง ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ทั้งยังมีส่วนช่วยเพิ่มสมาธิ ความจำ ช่วยในการทรงตัว รวมถึงเสริมสร้างความแข็งของกระดูก ป้องกันโรคกระดูกพรุนได้อีกด้วย
- แคลเซียม เป็นสารอาหารที่จำเป็นอย่างมากสำหรับเด็ก เพราะช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ป้องกันโรคกระดูกพรุน ช่วยควบคุมระบบประสาทและกล้ามเนื้อให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยปรับสมดุลความเป็นกรดด่างในร่างกาย ทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดตะคริวอีกด้วย
ส่วนคุณแม่ที่กำลังสงสัยว่า โปรตีนใน นมแพะ กับ นมวัว แตกต่างกันอย่างไร? อธิบายง่ายๆ ก็คือ ในนมวัวมีปริมาณของโปรตีนแอลฟ่า เอสวัน เคซีน ซึ่งมีคุณสมบัติย่อยยากมากกว่าในนมแพะ และในนมแพะก็มีสัดส่วนของเบต้าเคซีนซึ่งย่อยง่ายปริมาณสูง ซึ่งเมื่อถูกย่อยแล้วจะแตกตัวเป็นโมเลกุลขนาดเล็ก ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็ว ลูกจึงรู้สึกสบายท้อง ท้องไม่อืด ไม่แน่นท้อง ขับถ่ายง่ายขึ้นนั่นเอง
ไขมัน น้ำมันปาล์ม ส่วนประกอบอันตรายในนมผง
โครงสร้างสมองของมนุษย์เรานั้น มีไขมันเป็นส่วนประกอบมากถึง 60% หากลูกได้รับไขมันดี ก็จะได้นำไปสู่กระบวนการพัฒนาสมองและร่างกายอย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คุณแม่จะเลือกไขมันอะไรก็ได้ให้ลูก ลองสังเกตในนมหลายยี่ห้อ จะเติมไขมันเข้าไปเพื่อให้มีปริมาณกรดไขมันชนิดต่างๆ แต่บางยี่ห้อใช้ไขมันจาก “น้ำมันปาล์ม” ซึ่งเป็นกรดไขมันอิ่มตัวสูง ย่อยยาก ที่สำคัญคือไม่สามารถดูดซึมวิตามิน D และแคลเซียมได้
ช่วงวัยขวบปีแรกลูกควรได้รับสารอาหารครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ โดยเฉพาะแร่ธาตุสำคัญอย่าง “แคลเซียม” เพื่อนำไปเสริมสร้างกระดูกและฟัน หากลูกรับประทานนมที่มีไขมันจากน้ำมันปาล์มเข้าไปล่ะก็ ไขมันชนิดนี้อาจส่งผลต่อมวลกระดูก ทำให้โครงสร้างกระดูกไม่แข็งแรงเท่าที่ควร ดังนั้น คุณแม่ควรเลือกนมผงที่ ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันปาล์ม
เมื่อคุณแม่ๆ ได้ทำความรู้จักกับสารอาหารที่จำเป็นต่อพัฒนาการลูกน้อย และสารอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง ตามตัวอย่างข้างต้นแล้ว ต่อไปถ้าจะ เลือกซื้อนม ยี่ห้อไหนดี น่าจะมีคำตอบอยู่ในใจแล้วใช่ไหมล่ะคะ
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!