10 เรื่องปลง คนมีลูกเท่านั้นที่จะเข้าใจ เตรียมปลงกันตั้งแต่เนิ่นๆ ก็ดีนะ
10 เรื่องปลง คนมีลูกเท่านั้นที่จะเข้าใจ เตรียมปลงกันตั้งแต่เนิ่นๆ ก็ดีนะ แม้ว่าการเป็นพ่อแม่จะยิ่งทำให้ลักษณะนิสัยของคนนั้นเปลี่ยนไป
เด็กๆ มาพร้อมกับความยุ่งเหยิง
เพราะเจ้าตัวเล็กของคุณพ่อคุณแม่นั้นอยู่ในวัยแห่งการสำรวจและการทดลองค่ะ หากคุณเป็นพ่อแม่สายรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อย การจัดการดีๆ จะทำให้คุณไม่ต้องมานั่งปวดหัวทุกครั้งที่ลูกเริ่มทำรก แต่มีเรื่องอะไรบ้างนะ ที่อย่างน้อยๆ ควรจะปลงให้ตก
1.อาหารบนพื้น
ในวัยเบบี๋เด็กบางคนอาจกินง่าย อ้าปากใส่หายหมด คุณพ่อคุณแม่โชคดีมากค่ะรู้ตัวไหม เพราะยังมีเด็กอีกหลายคน ทั้งคาย ทั้งบ้วน ทั้งตั้งใจทิ้งอาหารที่คุณพ่อคุณแม่ตั้งใจทำลงบนพื้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลงบนพรม ไหนๆ ก็ไหนๆ เตือนกันตั้งแต่ตอนนี้เลย บ้านไหนที่มีพรม เก็บเอาไปปูในห้องที่ลูกจะไม่เข้า (หรือห้ามลูกเข้า) ดีกว่าค่ะ ใช่คุณพ่อคุณแม่จะได้ไม่เสียเวลากับการตามเช็ดตามล้างพรมที่เปื้อนอาหารเสริม และขอให้ทำใจเลยว่า อาหารใดๆ ที่ตกบนพื้นนั้น มันจะดำเนินต่อไปสักระยะ ดูเหมือนไม่จบลงง่ายๆ
2.ขายหน้าต่อสาธารณะ
จะว่าไปการมีลูกนั้นทำให้คุณพ่อคุณแม่มีทักษะที่ฝึกกันไม่ได้ง่ายๆ อย่างถูกทำให้ขายขี้หน้าต่อหน้าประชาชี ก็เพราะลูกยังไม่รู้ว่าทำแบบไหนพ่อแม่ถึงจะไม่ขายหน้า แต่ก็นั่นแหละ ค่อยๆ สอนกันไปค่ะ แต่ก่อนหน้านี้ก็เริ่มชินกับการที่ลูกพูดเกี่ยวกับเรื่องขนในที่ลับขณะที่นั่งอยู่บน BTS หรือการที่ลูกเที่ยวบอกใครต่อใครว่าคุณขับถ่ายของหนักไปเมื่อไหร่ ถ้าคุณผ่านเรื่องเหล่านี้ไปได้ มันก็แทบจะไม่มีเรื่องน่าอายอีกต่อไปในชีวิตแล้วละค่ะ
3.สัตว์เลี้ยงของลูก
ช่วงวัยของเด็กทุกคนที่คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องปวดหัว คือช่วงที่ลูกกลายเป็นนักวิทยาศาสตร์ตัวน้อยที่ตามดูพัฒนาการของเหล่าสัตว์ต่างๆ อย่างหนอนผีเสื้อ หรือตัวด้วงต่างๆ คุณพ่อคุณแม่จะโชคดี ถ้าลูกแค่ชอบหมาหรือแมว แต่ถ้าคุณแม่เกลียดอะไรหยึยๆ แค่หนอน หรือหนอนผีเสื้อสักตัว ก็แทบจะกรีดร้อง อย่ากังวลค่ะ มันจะอยู่ทุกที่ในบ้าน นี่คือสกิลขั้นเทพของลูกที่ดูเหมือนจะแกล้งคุณแม่ (แต่ลูกไม่ได้ตั้งใจแกล้งนะคะ) และในที่สุดคุณแม่ก็จะปลงหรือหายกลัวไปเองค่ะ
4.ตื่นตั้งแต่ตี 5
เคยสงสัยไหมคะว่าทำไมเด็กๆ ชอบการตื่นแต่เช้าตรู่ เวลาที่ผู้ใหญ่อย่างคุณพ่อคุณแม่ยังหลับสบายอยู่บนเตียง แต่เจ้าตัวเล็กนั้นตาใสปิ๊ง พอดีตื่นแล้วสิ่งแรกที่เขาจะทำคือ ปลุกคุณพ่อคุณแม่ด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งกระโดดทับ เรียกดังยิ่งกว่านาฬิกาปลุก (แถมน่ารำคาญกว่าด้วย) จึงจำเป็นจะต้องตาสว่างขึ้นมาเพื่อลูก แม้จะยังง่วงอยู่แค่ไหนก็ตามค่ะ แต่พอนานวันไปคุณพ่อคุณแม่ก็จะได้แค่ปลงเท่านั้นแหละ
5.จากที่เคยตรงเวลา ก็สายทุกครั้งไป
คุณพ่อคุณแม่ลูกอ่อนมือใหม่ทั้งหลาย หากจะไม่ตรงเวลาบ้างก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ นั่นก็เพราะคุณยังไม่มีข้อมูลของลูกมากพอที่จะเดาทางลูกได้ หรือแม้แต่ตอนที่ลูกเริ่มเดิน การเดินทางจากที่หนึ่งไปยังอีกที่ ลูกก็เกิดอยากจะเดินด้วยตัวเองซะอย่างนั้น กว่าจะถึงก็ชาติเศษๆ ยังไม่นับรวมการเดินไปชมนกชมไม้ไปอีกต่างหาก หยุดพิจารณาก้อนหินทุกก้อนที่เจอ หรือแมลงทุกตัวที่เดินผ่าน
6.เรื่องเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา
เด็กในวัยนี้ชอบให้คุณพ่อคุณแม่อ่านนิทานเรื่องเดิมๆ หรือเปิดการ์ตูนเรื่องเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา หรือแม้แต่การเล่นเกมเดิมๆ อย่างไม่มีวันจบสิ้น สำหรับเด็กๆ การรู้แน่นอนว่าอะไรจะเกิดขึ้นนั้นคือสิ่งที่เขาชอบค่ะ แต่สำหรับผู้ใหญ่อย่างเรา มันเหมือนวังวนที่ทำให้แทบเป็นบ้านั่นแหละ คิดในแง่ดีคือ ลูกสามารถเล่นของเล่น อ่านนิทานชิ้นเก่าๆ โดยไม่จำเป็นต้องซื้อของใหม่ให้เลย ประหยัดไปอีก
7.อาการวีนแตกของเด็กๆ
คุณพ่อคุณแม่เมื่อเริ่มเลี้ยงลูกไปได้สักระยะก็จะกลายเป็นคนที่รู้ใจลูกๆ และเอาลูกอยู่ค่ะ ช่วงเวลาที่คุณสามารถคุยโม้โอ้อวดกับใครต่อใครได้ว่า คุณเป็นพ่อแม่ที่เข้าใจลูกแค่ไหน การอารมณ์เสียและเกรี้ยวกราดไม่ดีต่อลูกแค่ไหน จนกว่าคุณจะเผชิญกับช่วงเวลาสองขวบที่ลูกเหมือนจะโดนผีเข้า นั่นแหละความจริงที่บอกว่าไม่มีพ่อแม่คนไหนที่จะหนีช่วงเวลาเหล่านั้นพ้น เมื่อคุณรู้แล้วคุณก็จะปลงไปเอง
8.ของสะสมของเจ้าตัวเล็ก
การมีของสะสมไม่ใช่เรื่องแปลก ยิ่งกับเด็กๆ ด้วยแล้ว หินสีสวยๆ แปลกๆ หรือขยะไม่สิ สิ่งของที่หล่นตามทางเดิน เมื่อมาพิจารณาแล้วว่าควรค่าแก่การเก็บ รู้อีกทีในกระเป๋าของลูกก็เติมไปด้วยสิ่งเหล่านั้นแล้ว และอย่าคิดว่าทิ้งๆ ไปเถอะ เดี๋ยวลูกก็ลืมแล้ว คิดผิดค่ะ เด็กๆ รู้และจำได้อย่างแม่นยำด้วยนะ เราเตือนคุณแล้ว อยากจะเสี่ยงทิ้งไปก็ตามใจ
9.ดิน โคลน และความมอมแมม
เด็กที่ไหนจะไม่ชอบคลุกฝุ่น (แน่นอนว่ามีค่ะ แต่ส่วนใหญ่น่ะชอบ) ลูกสามารถมอมแมมได้เพียงแค่ชั่วพริบตา แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ไม่ใช่ว่าในบ้านที่ไม่มีดินไม่มีโคลนแล้วจะปลอดภัยนะคะ ทั้งแป้งฝุ่น แป้งทำขนม หรืออะไรก็ตามที่มันเลอะเทอะได้ นั่นแหละค่ะ กว่าคุณจะรู้ตัว ทั้งตัวของลูกตั้งแต่หัวจรดเท้า ทั้งโซฟาและทีวี ต่างก็ถูกปกคลุมด้วยสีขาวๆ ของแป้ง ราวกับหิมะตกในบ้านไปเสียแล้ว
10.ทำให้พ่อแม่ดูแย่
เคยไหมคะเวลาที่หกล้มหรือทำอะไรเปิ่นๆ สิ่งนั้นแหละที่จะสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับลูกได้ และพ่อแม่อย่างเราก็ยินดีทำเสียด้วยสิ ทั้งการทำเสียงสัตว์แปลกๆ กลางร้านอาหาร หรือร้องเพลงในรถบัส หรือแม้แต่การเต้นแปลกๆ กลางสวนสาธารณะ ใช่ค่ะ พ่อแม่อย่างเราชอบรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ แต่ก็เริ่มที่จะหน้าหนาขึ้น เมื่อลูกบอกว่าขออีกรอบมาสามสี่รอบแล้วเนี่ย
เชื่อไหมว่าคุณพยายามที่จะควบคุมสถานการณ์เหล่านี้ให้ได้มากที่สุด แต่ไม่นานคุณจะรู้ว่ามันอยู่เหนือการควบคุมอย่าสิ้นเชิง และต่อมาคุณจะปลงกับมันได้เอง จากนั้นก็รอเวลาเอาคืนเมื่อลูกโตเป็นวัยรุ่นน่ะแหละ
ที่มา bellybelly.com.au
บทความที่น่าสนใจ
เลี้ยงลูกสาวอย่างไร ให้ปลอดภัยจากสังคม
อยากให้ลูกเป็นอัจฉริยะ ต้องเลี้ยงแบบนี้ เลี้ยงลูกแบบชาวยิว vs เลี้ยงลูกแบบทั่วไป
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!