เรื่องมหัศจรรย์ของสมองที่พ่อแม่ต้องรู้
สมองของมนุษย์ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่มีการปฎิสนธิกันเกิดขึ้น ตลอดระยะเวลาที่ตัวอ่อนเติบโตในครรภ์ สมองมีพัฒนาการเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับอวัยวะส่วนอื่นๆ ของร่างกาย จนถึงวันที่เจ้าตัวเล็กลืมตาดูโลก สมองซึ่งแม้จะเล็กกว่ากำปั้นของคุณแม่ แต่ประกอบไปด้วยเซลล์ประสาทจำนวนนับแสนล้านเซลล์ และมันกำลังเพิ่มจำนวนอย่างมหาศาลพร้อมๆ กับสร้างเส้นใยประสาทเชื่อมต่อแต่ละเซลล์เข้าด้วยกัน ยิ่งเส้นใยประสาทซับซ้อนมาก ยิ่งเพิ่มศักยภาพสมอง ส่งผลดีต่อสติปัญญาความฉลาดของลูกน้อย
ช่วงอายุ 0-3 ปี เป็นช่วงเวลาแห่งการเจริญเติบโตสูงสุดของสมอง สังเกตได้จากน้ำหนักสมองของทารกแรกเกิดที่หนักเพียง 1 ใน 3 ของคุณแม่ กลับขยายขนาดและน้ำหนักเพิ่มเป็น 50% ภายใน 6 เดือนแรก พอครบปีที่สองสมองจะหนักประมาณ 75% และปีที่สามหนักเทียบเท่าสมองของผู้ใหญ่ แต่หลังจากนั้น พัฒนาการของสมองก็จะเริ่มคงที่และช้าลง
“ ช่วง 3 ปีแรกของชีวิตสำคัญที่สุดในการพัฒนาความฉลาด พ่อแม่จำเป็นต้องงัดกลยุทธ์ทั้งด้านโภชนาการ การเลี้ยงดู เพื่อให้สมองทำงานอย่างเต็มศักยภาพทุกวินาที ”
สมองที่ได้รับการกระตุ้นไม่เพียงเพื่อหวังผลทางสติปัญญา แต่ยังเกี่ยวข้องกับอารมณ์ จิตใจ ตลอดจนพฤติกรรมของลูกด้วย เพราะในสมองของมนุษย์มี เซลล์สมองกระจกเงา หรือ Mirror Neuron ซึ่งตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ จากประสบการณ์ที่ได้รับ คุณแม่จะสังเกตได้ว่า ลูกน้อยวัย 0-3 ปี เพิ่งเริ่มฝึกใช้ภาษากาย ฝึกพูด เรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น แต่ยังไม่สามารถใช้เหตุผลแยกแยะถูก-ผิดได้ด้วยตัวเอง จึงมักใช้อารมณ์ความรู้สึกเป็นหลัก ยกตัวอย่างการแสดงออกด้านบวกของเด็กที่ได้รับอิทธิพลจากคนรอบข้าง เช่น พูดจามีหางเสียงตามพ่อแม่ เก็บของเล่นเพราะเห็นแม่เก็บกวาดบ้านทุกวัน ก้มค้อมตัวเวลาเดินผ่านคุณตาคุณยาย ทิ้งขยะเป็นที่เป็นทาง ไม่พูดคุยเล่นเวลาทานอาหาร ฯลฯ
“ พ่อแม่ซึ่งเปรียบเสมือนต้นแบบของลูก จึงต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีในทุกๆ ด้าน เพื่อให้สมองของลูกจดจำ และเกิดการเลียนแบบขึ้นมา ”
สิ่งสำคัญที่มีส่วนช่วยพัฒนาศักยภาพของสมองอย่างมากก็คือ อาหาร คุณแม่คงทราบดีอยู่แล้วว่า โภชนาการที่ดีจะต้องมีครบทั้ง 5 หมู่ แต่สำหรับเด็กน้อยซึ่งต้องการเสริมสร้างพลังสมองมากกว่าวัยผู้ใหญ่ ทุกคำที่ป้อนจึงไม่ใช่แค่อิ่มท้อง แต่ต้องอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่อร่างกายและสมอง เพื่อให้ดูดซึมไปใช้ได้อย่างเต็มที่
“อาหารกลุ่มที่จำเป็นต่อสมอง ในการเสริมสร้าง บำรุง ฟื้นฟู ช่วยเพิ่มพลังสมองส่วนต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ก็คือ DHA โอเมก้า 3 6 9 และวิตามินบี 12”
ดีเอชเอ มีส่วนช่วยสร้างเส้นใยประสาทที่เชื่อมต่อเซลล์สมอง มีบทบาทสำคัญในการบำรุงสายตา และเพิ่มสมรรถภาพในการจดจำได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญร่างกายไม่สามารถสร้างได้เอง จะได้รับจากอาหารเท่านั้น ปกติจะพบในอาหารทะเล เช่น แซลมอน ทูน่า สาหร่ายทะเลบางชนิด โอเมก้า 3 6 9 เป็นกรดไขมันที่ช่วยเซลล์ประสาท มีอยู่ในอาหารพวกปลาทะเล และปลาน้ำจืดบางชนิด ส่วนวิตามินบี 12 มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง หาได้ง่ายๆ จากเนื้อสัตว์ นม เนย ไก่ ปลา เครื่องในสัตว์ ไข่แดง เป็นต้น รู้อย่างนี้แล้ว คุณแม่ก็ควรวางแผนเตรียมเมนูอร่อยให้มีคุณค่าจากสารอาหารกลุ่มนี้ผสมลงไปด้วยนะคะ
เคล็ดลับกระตุ้นสมองลูก ให้เกิดการเรียนรู้ที่ก้าวไกลไปอีกขั้น
มีเทคนิคมากมายที่จะช่วยอัพไอคิวลูก ไม่ว่าจะเป็น ของเล่นเสริมพัฒนาการ พาลูกเที่ยว การฝึกเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อ ฯลฯ แต่ยังมีอีก 1 เคล็ดลับ ช่วยให้ลูก ฉลาดคิด ฉลาดทำ ก้าวไปอีกขั้น นั่นก็คือ การฝึกตั้งคำถาม หาคำตอบ และให้ลูกแก้ไขปัญหาต่างๆ ด้วยตัวเอง
เมื่อลูกกลายเป็น “เจ้าหนูจำไม” ช่างซัก ช่างถาม อย่าปล่อยโอกาสนี้ให้ผ่านเลยไป ไม่ว่าจะทำกิจกรรมอะไรก็ตาม ลูกสามารถถามซ้ำๆ กี่ครั้งก็ได้ คุณแม่ควรตอบอย่างเต็มใจ ตั้งใจ มีเหตุผลประกอบ กระชับ เข้าใจง่าย และคุณแม่เองก็เป็นฝ่ายตั้งคำถามได้ด้วย เริ่มจากง่ายๆ เช่น ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อลูกเริ่มโต้ตอบได้มากขึ้นจึงค่อยๆ ตั้งคำถามแบบต่อยอด เช่น ทำไม เพราะอะไร อย่างไร เป็นคำถามปลายเปิดให้ลูกตอบอย่างอิสระตามจินตนาการ จะทำให้สมองเกิดกระบวนการคิดหาเหตุผล ฝึกใช้คำศัพท์ในการโต้ตอบ รู้จักสังเกต วิเคราะห์ และเกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ
สมองเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของมนุษย์และมีศักยภาพมากเกินกว่าจะคาดเดา หากได้รับการกระตุ้นอย่างถูกวิธีจะช่วยติดสปีดความฉลาด ฉลาดคิด ฉลาดทำ ประสบความสำเร็จไกลเกินกว่าที่คิด เพราะฉะนั้น อย่าลืมจัดเตรียมอาหารที่มี DHA โอเมก้า 3 6 9 และวิตามินบี 12 เพื่อเสริมประสิทธิภาพระบบประสาทและสมอง การมองเห็นของลูกน้อยวัยเรียนรู้ แล้วเสริมด้วยนม โฟร์โมสต์โอเมก้า โกลด์ ที่มี DHA ถึง 5 เท่า สูงสุด 11.25 มิลลิกรัม เป็นสูตรที่คิดค้นมาเพื่อพัฒนาการสมองเด็กโดยเฉพาะ ไม่แน่..คุณแม่อาจได้เห็นทักษะพิเศษ ที่ซ่อนอยู่ในตัวลูก และยังไม่เคยปรากฎกับเด็กคนไหนมาก่อนก็เป็นได้ สุดท้ายอยากฝากให้คุณแม่ๆ ดูปริมาณ DHA เป็นมิลลิกรัม โดยลองเทียบก่อนซื้อกันด้วยนะคะ
สนใจอ่านข้อมูลเพิ่มเติม คลิก
https://bit.ly/2rSV7NT
หรือข้อมูลสำหรับพัฒนาสมองวัยเด็ก 0-3 ขวบ คลิก https://bit.ly/2sEPl2X
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!