คำแนะนำที่ว่า “พยายามเองก่อน 1 ปี ถ้าไม่ได้จริง ๆ แล้วค่อยไปปรึกษาหมอ” อาจจะใช่ แต่ใช้ไม่ได้กับผู้หญิงอายุเกิน 35 ปี
ใคร ๆ ก็อยากให้ลูกมาเกิดเองตามธรรมชาติ บางคู่รอนานถึง 3 ปีค่อยยอมมาหาหมอ จริง ๆ แล้ว ถ้ารีบมาปรึกษาคุณหมอด้านมีบุตรยากตั้งแต่เนิ่น ๆ อาจตรวจพบสาเหตุเร็วขึ้น
ผู้หญิงหลายคนมีภาวะ PCOS (polycystic ovarian syndrome – รังไข่มีถุงน้ำหลายใบ) ซึ่งเป็นสาเหตุมีบุตรยากที่พบบ่อยที่สุด อาจมีปัญหาที่รังไข่ ท่อนำไข่ตัน เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือไม่แน่ว่าปัญหาอาจอยู่ที่คุณสามีก็ได้ ประมาณ 1 ใน 3 ของคู่ที่มีบุตรยากเกิดจากน้ำเชื้อผู้ชายน้อยหรือวิ่งช้า (คลิกอ่าน เคล็ดลับช่วยสเปิร์มแข็งแรง)
ถ้าคุณอายุเกิน 35 ปีและคิดว่าเข้าข่ายมีลูกยาก รอดูแค่ 6 เดือนก็รีบไปปรึกษาคุณหมอได้แล้ว!
รู้ปุ๊บ วางแผนปั๊บ โอกาสปฏิสนธิก็จะมีมากขึ้น แต่ถ้ายิ่งรอนาน ไข่ยิ่งฝ่อ ความหวังยิ่งเลือนรางนะคะ
ถ้าตรวจแล้วไม่พบความผิดปกติ คุณหมออาจปล่อยให้พวกคุณพยายามกันเองอีกสักตั้ง มีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่ตั้งท้องตอนอายุ 30 กลาง ๆ ปลาย ๆ งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Fertility and Sterility เมื่อปี 2014 พบว่า ถ้ามีเพศสัมพันธ์ในช่วงไข่สมบูรณ์ที่สุดในแต่ละรอบเดือน ผู้หญิงอายุ 35-39 ปีมีโอกาสตั้งท้องภายใน 1 ปี สูงถึง 78% เลยทีเดียว แต่อย่าชะล่าใจไป เพราะถ้าอายุแตะเลข 40 เมื่อไร โอกาสจะตั้งท้องในช่วง 1 รอบเดือนเหลือเพียงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับตอนอายุ 30 ปี
แม้จะมีผลการวิจัยของวารสาร Atlantic ที่ทำให้คนที่มีลูกช้าพอใจชื้นได้บ้าง แต่ข้อค้นพบที่ว่า “ความสมบูรณ์ของไข่จะลดฮวบลงหลังอายุ 30 ปีปลาย ๆ อย่างช้าอาจจะได้ถึงอายุ 40 ปี” นั่นคือกรณีคนที่เคยมีลูกมาก่อน ไม่ใช่ตั้งท้องครั้งแรก ผู้เชี่ยวชาญด้านมีบุตรยากส่วนใหญ่ยังพูดตรงกันว่า ความสมบูรณ์ของไข่จะค่อย ๆ ลดลงเมื่ออายุมากขึ้น และจะลดลงอย่างเห็นได้ชัดหลังอายุ 35 ปี
เพราะฉะนั้น ใครที่ยังอยากจะเป็นแม่คนหลังอายุ 35 ปีพึงสังวรไว้ วารีไม่คอยท่า วันเวลาไม่คอยใคร ครบ 6 เดือนเมื่อไร รีบไปปรึกษาคุณหมอได้แล้ว
theAsianparent ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนสมหวังค่ะ!
ที่มา: huffingtonpost.com
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง :
ปฏิบัติการหาช่วงเวลาตกไข่ สำหรับคนอยากมีลูก