จับตา !!! สะเต็มศึกษา รูปแบบการสอน ที่เน้นพัฒนาทักษะเด็กไทย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

การศึกษาเป็นสิ่งที่สำคัญ หลาย ๆ ครอบครัวเริ่มสอนให้ลูกอ่านออกเขียนได้ตั้งแต่ลูกอายุยังน้อย หรือไม่ก็ส่งลูกไปเรียนเตรียมอนุบาลหรือเรียนพิเศษตั้งแต่เนิ่น ๆ วันนี้ เราจะพาคุณแม่มาทำความรู้จักกับ สะเต็มศึกษา ว่าเกี่ยวกับการศึกษายังไง และเกี่ยวข้องกับเด็ก ๆ ยังไงบ้าง ถ้าพร้อมแล้วมาอ่านไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

 

สะเต็มศึกษา (STEM Education) คืออะไร STEM คืออะไร

หลายคนอาจไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับสิ่งนี้มาก่อน แต่ความจริงแล้วสะเต็มศึกษา ถือว่าเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวเรามาก ๆ สะเต็มศึกษา (STEM Education) คือ การบูรณาการด้านการศึกษา ที่นำความรู้ทั้ง 4 ศาสตร์มาผสมผสานกัน เพื่อใช้ในการเรียนการสอนเด็กนักเรียน ไม่ว่าจะเป็น วิทยาศาสตร์ (Science) เทคโนโลยี (Technology) การสร้างสรรค์นวัตกรรม (Engineering) และ คณิตศาสตร์ (Mathematics) ซึ่งหลักการของ STEM จะยึดแนวคิดทั้ง 5 ข้อ ได้แก่

  • ครูเน้นการบูรณาการการเรียนการสอน
  • ครูต้องมีส่วนช่วยให้นักเรียนเชื่อมโยงระหว่างเนื้อหาที่กำลังเรียนกับเนื้อหาที่ได้เรียนไปแล้ว
  • โรงเรียนเน้นการพัฒนาทักษะที่สำคัญในศตวรรษที่ 21
  • สอนแบบท้าทายความคิดของเด็กนักเรียน
  • ครูต้องเปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงความคิดเห็นและทำความเข้าใจกับเนื้อหาที่เรียน

 

บทความที่เกี่ยวข้อง : 5 โรงเรียนเนอสเซอรี่ที่ดีที่สุด ในกรุงเทพฯ พร้อมค่าเทอม

 

 

จับตา!!! สะเต็มศึกษาพัฒนาเด็กไทยตั้งแต่วัยอนุบาล

อย่างที่ได้ทราบกันไปแล้ว ว่าสะเต็มศึกษา เป็นการบูรณาการระหว่างวิชาเรียนทั้ง 4 วิชา ซึ่งนอกจากนี้ก็ไม่ได้จำกัดเฉพาะแค่ระดับประถมศึกษาไปจนถึงมหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่เด็กเล็กวัยอนุบาล ก็สามารถเรียนแบบสะเต็มศึกษาได้เช่นเดียวกัน เพียงแต่อาจจะมีวิธีการสอนที่แตกต่างไปบ้างตามอายุของเด็ก ๆ เรามาดูกันดีกว่า ว่าในแต่ละวิชา มีรูปแบบการเรียนการสอนแบบไหนกันบ้าง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

1. วิทยาศาสตร์ (Science)

Science หรือ วิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นศาสตร์ที่เน้นศึกษาเกี่ยวกับธรรมชาติรอบ ๆ ตัว มีแนวทางในการเรียนรู้ ดังนี้

  • โดยปกติแล้ว เด็กอนุบาล จะมีความช่างสงสัย ชอบถามคำถามตลอดเวลา แต่ว่าสำหรับเด็กอนุบาล เราไม่ได้เน้นว่าเด็กต้องรู้เกี่ยวกับทุกสิ่งรอบตัว
  • สิ่งที่ต้องบรรลุให้ได้ คือ สอนให้เด็กมีทักษะการสังเกต รู้จักสำรวจ ทดลอง คาดคะเน และตั้งสมมติฐาน
  • วิทยาศาสตร์ มีส่วนในการช่วยพัฒนาให้ผู้เรียนรู้จักคิดและแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ คิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล รวมทั้งคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ และมีทักษะที่สำคัญในการสืบค้นข้อมูล

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

2. เทคโนโลยี (Technology)

Technology หรือ เทคโนโลยี เป็นทักษะการใช้เครื่องมือต่าง ๆ ในการสร้างและการคิด มีแนวทางในการเรียนรู้ ดังต่อไปนี้

  • ให้เด็ก ๆ รู้จักการตัด ติด และต่อกระดาษให้เป็นรูปทรงที่ต้องการ และทุกอย่างนี้ ควรเน้นทำโดยเทคโนโลยีที่มีอยู่
  • บทบาทของศาสตร์เทคโนโลยีในสะเต็มศึกษา จะช่วยให้นักเรียนได้พัฒนาทักษะด้านการคิด การแก้ปัญหา และการคิดวิเคราะห์
  • วิชานี้ช่วยให้เด็กมีนิสัยรอบคอบ ไม่ย่อท้อต่อความล้มเหลวหรือความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นในขณะทำกิจกรรมหรือเรียนอยู่

บทความที่เกี่ยวข้อง : ให้ลูก เรียนว่ายน้ำ ที่ไหนดี รวมโรงเรียนสอนว่ายน้ำเด็ก ราคาไม่แพง

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

3. วิศวกรรมศาสตร์ (Engineering)

Engineering หรือ วิศวกรรมศาสตร์ มีแนวทางในเรียนรู้ ดังนี้

  • วิศวกรรม หมายถึง การวางแผนเพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
  • ศาสตร์นี้ เป็นการใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีมาประยุกต์ เพื่อออกแบบและสร้างสรรค์ผลงานหรือสิ่งที่เด็ก ๆ อยากทำ
  • บทบาทของวิศวกรรมศาสตร์ในสะเต็มศึกษา คือ ช่วยส่งเสริมให้เด็ก ๆ ได้ฝึกความคิดสร้างสรรค์ การคิดแก้ปัญหา และการคิดเป็นเหตุเป็นผล
  • ศาสตร์นี้จะเป็นการฝึกนิสัยความเพียรและความรอบคอบของเด็ก

 

 

4. คณิตศาสตร์

Mathematics หรือ คณิตศาสตร์ มีแนวทางในการเรียนรู้ ดังต่อนี้

  • เน้นเรียนรู้เกี่ยวกับการชั่ง ตวง หรือ วัดรูปร่าง จำนวน รูปทรง เรขาคณิต พีชคณิต รวมไปถึงการวิเคราะห์ข้อมูลและความน่าจะเป็นเบื้องต้น
  • บทบาทของคณิตศาสตร์ในสะเต็มศึกษา คือ ช่วยส่งเสริมให้เด็ก ๆ พัฒนาทักษะการคิด แก้ปัญหา และคิดเป็นเหตุเป็นผล
  • ศาสตร์นี้ ยังช่วยพัฒนาทักษะการคิดสร้างสรรค์ และทักษะการสื่อสารและการนำเสนอให้เด็ก ๆ อีกด้วย

บทความที่เกี่ยวข้อง : เรียนเต้นที่ไหนดี รวมโรงเรียนสอนเต้นในกทม ผู้ใหญ่เรียนได้เด็กเรียนดี

 

 

คุณครูฝากบอกเกี่ยวกับสะเต็มศึกษา …

คุณครูวิวรรณ สารปรีชา ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลกุ๊กไก่ ได้พูดถึงถึงสิ่งที่สำคัญในการเรียนรู้แบบสะเต็มว่า คุณครูเองต้องรู้จักตั้งคำถามให้เป็น เพื่อช่วยกระตุ้นให้เด็กคิด ช่วยให้เด็กสนุก จนเกิดเป็นความคิดรวบยอดและเกิดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ คุณครูต้องรู้จักการรอคำตอบจากเด็ก รอให้เด็ก ๆ สืบค้นข้อมูล จนได้คำตอบที่เป็นผลสัมฤทธิ์

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

ซึ่งสิ่งที่เด็กไทยเรายังขาดอยู่เห็นจะเป็นทักษะการคิด วิเคราะห์ และสังเคราะห์ เพื่อเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว แต่หากเด็กอนุบาลได้ฝึกทักษะเหล่านี้ตั้งแต่เด็ก พวกเขาก็จะมีทักษะเบื้องต้น และสามารถนำเอาไปใช้ได้ตอนเข้าโรงเรียนประถม จวบไปจนถึงตอนที่เป็นผู้ใหญ่ … นอกจากนี้ เราไม่จำเป็นจะต้องสอนสะเต็มศึกษากับเด็ก ๆ เฉพาะตอนที่เด็กอยู่โรงเรียนเท่านั้น แต่เราสามารถฝึกฝนลูก ๆ ได้ตลอดเวลา ด้วยการให้เขาตั้งคำถาม หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยตนเอง โดยมีคุณพ่อคุณแม่เป็นผู้คอยชี้แนะ แค่เพียงเท่านี้ ก็เป็นการฝึกลูกตามแนวสะเต็มศึกษาแล้ว

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

ทำไมระบบการศึกษาของฟินแลนด์ถึงดีที่สุดในโลก?

ไครสต์เชิร์ช เมืองการศึกษาแห่งใหม่สำหรับเด็กไทย

5 ของเล่น STEM ที่เหมาะสำหรับการเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กวัยหัดเดิน

ที่มา : 1, 2, 3, 4