X
TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการ เเม่ท้อง เเม่ให้นม
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • ตั้งชื่อลูก
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

วิธีนับอายุครรภ์ นับอย่างไร มีวิธีการนับที่แม่นยำแบบไหนบ้าง

บทความ 10 นาที
วิธีนับอายุครรภ์ นับอย่างไร มีวิธีการนับที่แม่นยำแบบไหนบ้าง

ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์กันด้วยนะคะ คุณแม่อาจจะเคยได้ยินคำถามนี้บ่อย ๆ ว่า ท้องได้กี่เดือนแล้ว ใกล้คลอดหรือยัง คุณแม่ทราบหรือไม่คะ ว่าต้องนับอายุครรภ์อย่างไรถึงจะถูกต้อง โดยการนับอายุครรภ์ แบบนับสัปดาห์นับกันอย่างไร มีวิธีการนับอย่างไรบ้าง ในวันนี้เรามีเกร็ดความรู้เรื่องวิธีการ นับอายุครรภ์ มาฝากคุณแม่ เรามาดูไปพร้อมกันเลยค่ะ

 

นับอายุครรภ์ สำคัญอย่างไร

เมื่อคุณแม่เริ่มตั้งครรภ์ การนับอายุครรภ์ ถือเป็นเรื่องที่คุณแม่ต้องใส่ใจเป็นอย่างมาก เมื่อคุณแม่ทราบอายุครรภ์นั้น จะสามารถบ่งบอกความสมบูรณ์ของเด็กที่อยู่ในครรภ์ได้ และช่วยให้แพทย์สามารถช่วยวินิจฉัย รวมถึงการวางแผนการตั้งครรภ์ กำหนดระยะเวลาในการคลอดแบบคร่าว ๆ ให้ทราบได้ และคุณแม่เอง ก็ยังสามารถทราบได้อีกว่า มีภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพที่จะส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์หรือไม่ เพื่อที่แพทย์จะได้หาทางรักษาและแนวทางการแก้ไขได้อย่างถูกต้อง

 

นับอายุครรภ์อย่างไร การนับอายุครรภ์เป็นวีค

การตั้งครรภ์จนถึงวันคลอด รวมทั้งหมด 40 สัปดาห์ หรือรวมเป็นจำนวนวันทั้งหมด 280 วัน โดยจะเริ่มนับจากวันแรกที่ประจำเดือนมาเป็นครั้งสุดท้าย ไม่ได้เริ่มนับจากวันสุดท้ายของการมีประจำเดือน หรือนับวันที่ประจำเดือนจะมาแต่ไม่มา เช่น ประจำเดือนรอบที่มาล่าสุด คือ วันที่ 1 มิถุนายน และประจำเดือนวันสุดท้ายมาวันที่ 5 มิถุนายน กำหนดที่ประจำเดือนจะมาในครั้งต่อไปคือ วันที่ 28 – 29 มิถุนายน ดังนั้นประจำเดือนที่มาครั้งสุดท้ายก็คือ วันที่ 1 มิถุนายน

บทความที่เกี่ยวข้อง : อาการคนท้องไตรมาสแรก ที่พบบ่อยมีอะไรบ้าง

 

นับอายุครรภ์

Advertisement

การคำนวณวันกำหนดคลอด

นำวันแรกของประจำเดือนครั้งล่าสุด บวกหนึ่งปี ลบสามเดือน และบวกอีกเจ็ดวัน ก็จะได้วันกำหนดคลอดแบบคร่าว ๆ

ตัวอย่างเช่น : วันมีประจำเดือนวันแรก (ของครั้งล่าสุด) = 8 พฤษภาคม 2552

  • +1 ปี = 8 พฤษภาคม 2553
  • -3 เดือน = 8 กุมภาพันธ์ 2553
  • +7 วัน = 15 กุมภาพันธ์ 2553

วิธีการนับอายุครรภ์ หรือ คาดคะเนอายุครรภ์ มีประโยชน์ในการดูแล ประเมินสุขภาพ และพัฒนาการต่าง ๆ ของทารก ขณะตั้งครรภ์ให้ถูกต้องแม่นยำ นอกจากนั้นอายุครรภ์ยังใช้เป็นเกณฑ์ในการกำหนดวันคลอด โดยไม่ปล่อยให้ตั้งครรภ์นานจนเกินกำหนด หรือ คลอดก่อนกำหนดค่ะ

อายุครรภ์ คือ อายุของเด็กที่ยังไม่คลอด นับตั้งแต่วันแรกของรอบเดือนสุดท้าย จนถึงคลอดโดยปกติใช้ระยะเวลา 40 สัปดาห์ หรือ 280 วัน ก็คือ วันคลอด

วิธีการนับการตั้งครรภ์ ดูอายุครรภ์ การคาดคะเนอายุครรภ์ มีหลายวิธี

  • วิธีการ นับอายุครรภ์ จากประวัติประจำเดือน

นับจากวันแรกของการมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย เป็นวันเริ่มต้นของการตั้งครรภ์ กำหนดวันคลอดให้นับไปอีก 40 สัปดาห์ หรือ 280 วัน หรือใช้สูตรของ Naegale’s Rule คือ วันแรกของการมีประจำเดือนวันสุดท้าย (LMP) – 3 เดือน + 7 วัน
ตัวอย่าง วันแรกของการมีประจำเดือนวันสุดท้าย (LMP) คือ 1 ม.ค กำหนดวันคลอด คือ (1 ม.ค. – 3 เดือน ) + 7 วัน = 8 ต.ค

กรณีจำประจำเดือนไม่ได้ คุณหมอ หรือพยาบาลจะซักประวัติตามสถานการณ์ที่ใกล้เคียงเช่น วันเกิด ปีใหม่ สงกรานต์ เป็นต้น เพื่อประมาณคร่าว ๆ ของอายุครรภ์

  • วิธีการนับอายุครรภ์ จากขนาดของยอดมดลูก

ใช้สัดส่วนของยอดมดลูก กับหน้าท้องหญิงตั้งครรภ์ วิธีวัดความสูงยอดมดลูกโดยการใช้สัดส่วนของยอดมดลูกกับหน้าท้องหญิงตั้งครรภ์ คุณหมอ หรือ ผู้เชี่ยวชาญจะคำนวณโดยแบ่งระยะระหว่างสะดือกับกระดูกหัวหน่าวเป็น 3 ส่วนเท่า ๆ กัน และแบ่งระยะระหว่างสะดือกับกระดูกลิ้นปี่เป็น 4 ส่วนเท่า ๆ กัน ซึ่งความสูงของยอดมดลูกแต่ละช่วงอายุครรภ์ จะมีความสัมพันธ์กันดังนี้

    • สัดส่วนของยอดมดลูกกับหน้าท้องมารดา
      • อายุครรภ์12 สัปดาห์ ยอดมดลูกจะสูงประมาณ 1/3 เหนือกระดูกหัวหน่าว
      • อายุครรภ์ 16 สัปดาห์ ยอดมดลูกจะสูงประมาณ 2/3 เหนือกระดูกหัวหน่าว
      • อายุครรภ์ 20 สัปดาห์ ยอดมดลูกอยู่ระดับสะดือ
      • อายุครรภ์24 สัปดาห์ ยอดมดลูกจะสูงกว่าระดับสะดือเล็กน้อย
      • อายุครรภ์ 28 สัปดาห์ ยอดมดลูกอยู่ 1/4 เหนือระดับสะดือ
      • อายุครรภ์32 สัปดาห์ ยอดมดลูกอยู่ 2/4 เหนือระดับสะดือ
      • อายุครรภ์ 36 สัปดาห์ ยอดมดลูกอยู่ 3/4 เหนือระดับสะดือ

หรือ อาจใช้การวัดระดับยอดมดลูก โดยใช้สายวัดทำได้โดยการวัดระยะจากรอยต่อของกระดูกหัวหน่าวไปจนถึงยอดมดลูก โดยแนบตามส่วนโค้งของมดลูก ซึ่งในช่วงอายุครรภ์ 18-30 สัปดาห์ ระยะที่วัดได้เป็นเซนติเมตร จะเท่ากับอายุครรภ์เป็นสัปดาห์ ยกตัวอย่างเช่น หากวัดได้ 26 เซนติเมตร ก็จะเท่ากับอายุครรภ์ 26 สัปดาห์ นั่นเอง

 

นับอายุครรภ์

 

  • การนับอายุครรภ์ คำนวณจากที่แม่รู้สึกว่าลูกดิ้นเป็นครั้งแรก

วิธีการนับอายุครรภ์ ให้นับจำนวนวันจากลูกดิ้นครั้งแรก (quickening) จนถึงวันที่ต้องการคำนวณ จะได้อายุครรภ์เป็นจำนวนวัน แล้วหารด้วย 7 จะได้อายุครรภ์เป็นจำนวนสัปดาห์จากนั้นบวกด้วยอายุครรภ์ 18-20 สัปดาห์สำหรับท้องแรก และบวกด้วยอายุครรภ์ 16-18 สัปดาห์สำหรับท้องหลัง แต่การคิดอายุครรภ์และกำหนดวันคลอดจากประวัติลูกดิ้นครั้งแรกนี้ จะมีความคลาดเคลื่อนได้มาก ไม่ค่อยนิยมใช้กันแล้ว

  • คำนวณจากการตรวจด้วยอัลตราซาวนด์

การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (ultrasound) วิธีนี้สามารถบอกอายุครรภ์ได้ตั้งแต่อายุครรภ์น้อยจนถึงอายุครรภ์มาก ใช้สำหรับการคาดคะเนอายุครรภ์และกำหนดวันคลอดที่มีความแม่นยำโดยเฉพาะเมื่อมีการตรวจหลายครั้งติดตามต่อเนื่อง

 

วิธี นับอายุครรภ์ เป็นสัปดาห์ เป็นเดือน และ ไตรมาส

โดยปกติแล้วอายุการตั้งครรภ์จนถึงวันคลอดจะอยู่ที่ 40 สัปดาห์ หรือประมาณ 280 วัน

 

นับอายุครรภ์

 

  • ไตรมาสที่ 1

    • เดือนที่ 1 คือ สัปดาห์ที่ 1-4
    • เดือนที่ 2 คือ สัปดาห์ที่ 5-8
    • เดือนที่3 คือ สัปดาห์ที่ 9-13
  • ไตรมาสที่ 2

    • เดือนที่ 4 คือ สัปดาห์ที่ 14-17
    • เดือนที่5 คือ สัปดาห์ที่ 18-21
    • เดือนที่ 6 คือ สัปดาห์ที่ 22-26
  • ไตรมาสที่ 3

    • เดือนที่ 7 คือ สัปดาห์ที่ 27-30
    • เดือนที่ 8 คือ สัปดาห์ที่ 31-35
    • เดือนที่9 คือ สัปดาห์ที่ 36-40

การตั้งครรภ์ปกติจะครบกำหนดคลอดเมื่ออายุครรภ์ 40 สัปดาห์หรือ 280 วันนับจากวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้าย ถ้าตั้งครรภ์เกิน 42 สัปดาห์ถือเป็นการตั้งครรภ์เกินกำหนดและการคลอดก่อน 37 สัปดาห์ถือเป็นการคลอดก่อนกำหนด

 

วิธี นับอายุครรภ์ และการคำนวณวันคลอดแบบถูกต้องแม่นยำ

วิธีนับอายุครรภ์ และการคำนวณวันคลอดแบบถูกต้องแม่นยำ ต้องนับอย่างไร เพราะแม่ท้องมักจะเจอคำถามที่ว่า ตอนนี้อายุครรภ์เท่าไหร่แล้ว และจะตั้งชื่อลูก ดูฤกษ์ไว้ก่อนได้ไหม แต่ทีนี้เราจะรู้ได้อย่างไรว่าอายุครรภ์ของเราเท่าไหร่แล้ว

หลังจากว่าที่คุณแม่มือใหม่ได้ตรวจการตั้งครรภ์ด้วยตนเอง กับที่ตรวจครรภ์ และมีผลออกมาว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ สิ่งแรกที่คุณควรทำคือบอกสามีถึงข่าวดีนี้ และพากันไปตรวจการตั้งครรภ์ที่โรงพยาบาล เพื่อจะได้ฝากครรภ์กับคุณหมอ ซึ่งการตรวจกับคุณหมอก็จะทำให้คุณแม่ทราบว่าตัวเองตั้งครรภ์ในได้กี่สัปดาห์แล้ว สิ่งที่คุณแม่ต้องเตรียมพร้อมคือ การรู้ว่าตัวเองมีประจำเดือนครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ เพื่อที่คุณหมอจะได้ใช้ในการคำนวณอายุครรภ์ให้ค่ะ

 

บทความจากพันธมิตร
ซีรีแล็ค จูเนียร์ โจ๊ก อร่อย ได้ประโยชน์ ตัวช่วยแม่ยุคใหม่
ซีรีแล็ค จูเนียร์ โจ๊ก อร่อย ได้ประโยชน์ ตัวช่วยแม่ยุคใหม่
เคล็ดลับดูแลครรภ์ และ สร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อย
เคล็ดลับดูแลครรภ์ และ สร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อย
MFGM จากนมแม่กุญแจสำคัญ สู่ IQ และทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF ที่เหนือกว่าของเด็ก Gen ใหม่
MFGM จากนมแม่กุญแจสำคัญ สู่ IQ และทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF ที่เหนือกว่าของเด็ก Gen ใหม่
4 อาการคนท้อง  ยอดฮิตของแม่ตั้งครรภ์ เลี่ยงยาก แต่ป้องกันได้
4 อาการคนท้อง ยอดฮิตของแม่ตั้งครรภ์ เลี่ยงยาก แต่ป้องกันได้

วิธีการ นับอายุครรภ์ (Gestational age)

เป็นการนับอายุของทารกในครรภ์ โดยที่คุณหมอจะเริ่มนับจากวันแรกที่คุณแม่เริ่มมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย คุณหมอจะนับอายุครรภ์เป็นสัปดาห์ และเศษของสัปดาห์เป็นวัน เช่น 8 สัปดาห์ 4 วัน ซึ่งจะเป็นการดีหากทุกครั้งที่มีประจำเดือนคุณควรที่จะจดลงบนปฏิทินประจำเดือนที่มาวันแรก และวันสุดท้ายของประจำเดือนที่มาทุกเดือน เพราะจะทำให้การคำนวณอายุครรภ์เป็นไปอย่างถูกต้องแม่นยำมากขึ้น

  • การนับอายุครรภ์ ทำให้ทราบถึงวันกำหนดคลอดของลูกน้อย

หลังจากที่คุณหมอตรวจร่างกายคุณแม่ด้วยการตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ และสอบถามเกี่ยวกับการมีประจำเดือนครั้งสุดท้ายของคุณแม่แล้ว คุณหมอก็จะนับอายุครรภ์ด้วยการคำนวณวันกำหนดคลอด (Expected date of delivery หรือ EDD) นั่นคือการเอาวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้าย บวก 7 วัน ลบด้วย 3 เดือน ก็จะทราบได้ว่าวันกำหนดคลอดเมื่อไหร่

 

นับอายุครรภ์

วิธีนับอายุครรภ์สามารถนับได้ 2 แบบ คือ

  1. วิธีนับอายุครรภ์จากประจำเดือน จะมากกว่าอายุของตัวอ่อนในครรภ์จริง ๆ (Ovulatory age) ประมาณ 2 สัปดาห์ สำหรับแม่ท้องที่มีประจำเดือนมาปกติสม่ำเสมอทุก 28 วัน
  2. วิธีนับอายุครรภ์จากประจำเดือนที่มาไม่สม่ำเสมอ นั่นคือในผู้หญิงที่มีรอบเดือนนานกว่า 28 วัน หรือในกรณีที่จำไม่ได้ว่ามีประจำเดือนครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ซึ่งคุณหมอก็จะนับอายุครรภ์ให้ด้วยการตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง (อัลตราซาวนด์) เพื่อวัดขนาดของถุงการตั้งครรภ์ (Gestational Sac) หรือความยาวทารก (Crown Rump Length) แล้วคำนวณเป็นอายุครรภ์

การรู้อายุครรภ์เป็นเรื่องสำคัญสำหรับคุณแม่ท้อง เพราะหลังจากที่ทราบอายุครรภ์แล้ว คุณหมอจะแนะนำการดูแลสุขภาพ โภชนาการตลอดการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ ข้อควรปฏิบัติระหว่างตั้งครรภ์ รวมทั้งให้ยาบำรุงครรภ์มาทาน ฯลฯ …ขอให้ว่าที่คุณแม่มือใหม่ทุกคนมีความสุขตลอดการตั้งครรภ์นะคะ หรือคุณแม่สามารถคำนวณวัดคลอดง่าย ๆ ด้วยตนเองได้ที่ เครื่องคำนวณวันคลอด

 

จำประจำเดือนครั้งสุดท้ายไม่ได้ จะนับอย่างไร

หากจำไม่ได้ว่าประจำเดือนครั้งสุดท้ายมาวันที่เท่าไหร่ วิธีที่ดีที่สุด คือการอัลตราซาวนด์ เพื่อดูขนาดตัวของทารกและคำนวณว่าอายุประมาณกี่สัปดาห์ วิธีนี้สามารถใช้ได้กับทุกคน ผู้ที่จำประจำเดือนครั้งสุดท้ายไม่ได้ หรือ ผู้ที่ประจำเดือนมาไม่ตรงปกติก็สามารถใช้วิธีนี้ได้เช่นกัน การอัลตราซาวนด์จะช่วยให้ผลของการคำนวณอายุของทารกแม่นยำมากขึ้น ถ้าทำในช่วงไตรมาสแรก โอกาสคลาดเคลื่อนมีเพียง 3 – 5 วันเท่านั้น หากอัลตราซาวนด์ในช่วงหลัง ๆ หรือใกล้คลอดแล้ว ก็จะยิ่งทำให้อายุครรภ์นั้นคลาดเคลื่อนเพิ่มไปอีก ประมาณ 1 – 2 อาทิตย์ ถ้าคุณแม่รีบทำการพบแพทย์เพื่อทำการอัลตราซาวนด์ตั้งแต่เนิ่น ๆ โอกาสในการคลาดเคลื่อนของอายุครรภ์ก็จะน้อยลง

 

การอัลตราซาวนด์บ่งบอกอะไรได้บ้าง

  • คำนวณอายุครรภ์ จากการวัดความกว้างหรือเส้นรอบวงของศีรษะ หรือความยาวของกระดูกต้นขาของทารก เพื่อช่วยคาดคะเนกำหนดคลอดให้แม่นยำมากขึ้น
  • เพื่อประเมินการเจริญเติบโตและขนาดของทารกในครรภ์
  • สงสัยว่ามีการตั้งครรภ์แฝด
  • สงสัยว่ามีภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น การแท้งบุตร การตั้งครรภ์นอกมดลูก รกลอกตัวก่อนกำหนด เป็นต้น
  • การดูความผิดปกติของทารกในครรภ์ที่มองเห็นได้
  • การเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
  • ดูท่าของทารกตอนใกล้คลอด
  • เพื่อช่วยสูติแพทย์ในการทำหัตถการ เช่น การเจาะถุงน้ำคร่ำ
  • ประเมินความผิดปกติที่อาจเกิดในมดลูกหรือรังไข่ เช่น เนื้องอกมดลูกซึ่งอาจขัดขวางการคลอด

บทความที่เกี่ยวข้อง : 100 สิ่งแม่ท้องต้องรู้ ตอนที่ 45 เตรียมตัวก่อนไปอัลตราซาวนด์

 

แต่ละสัปดาห์อัลตราซาวนด์เพื่อดูอะไรบ้าง

  • 6-8 สัปดาห์

    • ตรวจยืนยันการตั้งครรภ์, จำนวนทารก และดูการเต้นหัวใจ
    • ตรวจภาวะตั้งครรภ์ ว่ามีความเสี่ยงต่อภาวะท้องนอกมดลูก-ท้องลม หรือไม่
    • ตรวจว่ามีเนื้องอกมดลูก หรือ ถุงน้ำรังไข่ ซึ่งอาจจะกระทบต่อการตั้งครรภ์ หรือไม่
  • 10-14 สัปดาห์

    • ตรวจหาความพิการแต่กำเนิดชนิดรุนแรงบางอย่าง
    • วัดความหนาของผิวหนังบริเวณต้นคอ (nuchal translucency) เพื่อช่วยในการตรวจคัดกรองความเสี่ยงกลุ่มอาการดาวน์ (Down syndrome)
  • 18-22 สัปดาห์

    • ตรวจความผิดปกติหรือความพิการของทารกอย่างละเอียด (Anomaly Scan)
    • ตรวจการเจริญเติบโต และน้ำหนักตัวของทารก
    • ตรวจตำแหน่งรก สายสะดือ และปริมาณน้ำคร่ำ
  • 28-36 สัปดาห์

    • ตรวจความผิดปกติของทารกอีกครั้งก่อนคลอด
    • ตรวจการเจริญเติบโต และน้ำหนักตัวของทารก
    • ตรวจสุขภาพทารก, การหายใจ และการเคลื่อนไหว
    • ตรวจสุขภาพรก, ปริมาณน้ำคร่ำ, ประเมินภาวะรกเสื่อม
    • ตรวจความเร็วเลือดในสายสะดือและทารก (Dopplerstudy)
    • ตรวจยืนยันท่าของทารกก่อนการคลอด

 

ประโยชน์ของการอัลตราซาวนด์

มีหลัก ๆ 2 เรื่องคือ เพื่อหาความผิดปกติของทารก ความพิการของอวัยวะต่าง ๆ และเพื่อติดตามดูการเจริญเติบโตของทารก โดยเมื่อคุณแม่นอนบนเตียงตรวจแล้ว แพทย์จะใช้น้ำยาทาบริเวณหน้าท้อง แล้วใช้เครื่องมือเคลื่อนไปมาบนหน้าท้อง หากอายุครรภ์ยังน้อย คุณแม่จำเป็นจะต้องกลั้นปัสสาวะเอาไว้ เพื่อให้เห็นตัวอ่อน การอัลตราซาวนด์ไม่ได้เป็นอันตรายต่อคุณแม่และทารกในครรภ์ มีเพียงคุณแม่บางคนเท่านั้น ที่แพ้สารตัวกลาง ที่เป็นน้ำยาทาผิวหนังหน้าท้องเท่านั้น

 

อัลตราซาวนด์ ควรทำช่วงไหน?

การอัลตราซาวนด์สามารถทำได้เมื่ออายุครรภ์อยู่ในสัปดาห์ที่ 19 – 24 ของการตั้งครรภ์ ส่วนการอัลตราซาวนด์แบบ 4 มิติ นั้นสามารถทำได้เมื่ออายุครรภ์ 26 – 30 สัปดาห์ การตรวจอัลตราซาวนด์แบบ 4 มิติ จะช่วยให้เห็นรูปร่างของทารกได้ทั้งหมด เมื่ออายุครรภ์มากขึ้นก็จะเห็นชัดขึ้น หากอัลตราซาวนด์ในช่วง 35 สัปดาห์อาจจะไม่เห็นใบหน้าทารกที่ชัดเจนเท่าไหร่นัก เนื่องจากทารกเริ่มกลับหัว เพื่อรอคลอด

 

นับอายุครรภ์

 

คุณแม่ดูแลตัวเองอย่างไร ขณะตั้งครรภ์

  • นอกจากการเรียนรู้และรับประทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการแล้ว สิ่งแรกที่ควรทำคือฝากครรภ์ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่หักโหม และดื่มน้ำสะอาดต่อวันอย่างน้อย 6 – 8 แก้ว ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด รวมถึงคาเฟอีนด้วย
  • งดสูบบุหรี่ พักผ่อนให้เพียงพอ การรับประทานยาควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ไม่ควรใช้ยารับประทานเอง
  • ทั้งนี้คุณแม่ยังควรดูแลรักษาความสะอาดของร่างกายเป็นประจำ ระวังการใช้สารเคมี เช่น น้ำยาย้อมผม การใช้เครื่องสำอาง และน้ำหอม
  • อีกสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยในขณะตั้งครรภ์ โดยไม่ควรให้มีแรงกระแทกบริเวณท้องมากเกินไป

 

อาหารที่คุณแม่ควรรับประทานลดลง

  • คาร์โบไฮเดรต

ด้วยการลดอาหารพวกแป้ง ข้าว เผือก มัน และหลีกเลี่ยงอาหารหวาน โดยเฉพาะผลไม้รสหวาน เช่น ทุเรียน รวมถึงน้ำอ้อย น้ำตาลสด น้ำมะพร้าว และน้ำอัดลม เพราะนอกจากจะทำให้อ้วนแล้วยังเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์

  • กรดไขมัน (Fatty acid)

เกิดจากการย่อยสลายของไขมันชนิดต่าง ๆ มี 2 ชนิด คือ กรดไขมันอิ่มตัว คุณแม่ควรกินกรดไขมันอิ่มตัวให้น้อยลง เนื่องจากกรดไขมันอิ่มตัว อาจเป็นสาเหตุของไขมันอุดตันในหลอดเลือด กรดไขมันชนิดนี้ สามารถพบได้ในไขมันสัตว์ น้ำมันหมู น้ำมันมะพร้าว รวมถึงน้ำมันปาล์ม และคุณแม่ก็ควรเลือกดื่มนมที่มีไขมันต่ำ หรือไม่มีไขมัน

 

แม่ท้องควรเฝ้าระวังอะไรบ้าง

  • อาการแพ้ท้อง

โดยส่วนใหญ่แล้ว เมื่อเริ่มตั้งครรภ์ อาการแพ้ท้องที่เจอบ่อย ๆ ก็คือ คลื่นไส้ อาเจียน และกินอาหารไม่ได้ ในช่วงไตรมาสแรก หากคุณแม่ไม่พยายามหรือฝืนใจกินอาหาร อาจจะทำให้เสี่ยงต่อการขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อตัวคุณแม่ และทารกในครรภ์ได้ หากคุณแม่มีอาการแพ้ท้องรุนแรง ควรพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษา

  • เลือดออกทางช่องคลอด

ภาวะเลือดออกทางช่องคลอดมีความเสี่ยงต่อชีวิตของทารกในครรภ์และคุณแม่อย่างมาก ถือเป็นอันตรายที่สามารถเกิดได้ทุกช่วงอายุครรภ์ จึงควรรีบพบแพทย์ทันที ไม่ต้องรอให้ถึงวันนัด

  • ปวดท้องน้อยอย่างรุนแรง

แม้คุณแม่ตั้งครรภ์ส่วนใหญ่มักพบอาการปวดท้องน้อยเป็นปกติ เนื่องจากกล้ามเนื้อมดลูกมีการขยายตัวเพื่อรองรับตัวอ่อนในครรภ์ แต่หากอาการปวดมากขึ้นจนผิดสังเกต หรือปวดติดต่อกันยาวนาน ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

ตั้งครรภ์ 1-3 สัปดาห์ อาการคนท้อง และพัฒนาการของทารกในครรภ์

อาการคนท้องเดือนแรก มีสัญญาณเตือนอย่างไรบ้าง คุณอาจจะยังไม่รู้ตัว

อาการคนท้องไตรมาสแรก ที่พบบ่อยมีอะไรบ้าง

แชร์ประสบการณ์หรือ เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการนับอายุครรภ์ ได้ที่นี่!

นับอายุครรภ์ มีวิธีนับอย่างไรคะ

ที่มา : Phyathai , bangkokhatyai , khonkaenram

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
ddc-calendar
เตรียมความพร้อมสำหรับลูกน้อย โดยใส่วันครบกำหนดคลอดของคุณ
หรือ
คำนวณวันครบกำหนดคลอด
img
บทความโดย

nantichaphothatanapongbow

  • หน้าแรก
  • /
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • /
  • วิธีนับอายุครรภ์ นับอย่างไร มีวิธีการนับที่แม่นยำแบบไหนบ้าง
แชร์ :
  • คนท้องหิวกลางดึก กินอะไรดี อาหารว่างยามดึกสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

    คนท้องหิวกลางดึก กินอะไรดี อาหารว่างยามดึกสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

  • วิจัยเผย อยากให้ลูกกินง่าย ? เริ่มตั้งแต่อยู่ในท้องแม่!

    วิจัยเผย อยากให้ลูกกินง่าย ? เริ่มตั้งแต่อยู่ในท้องแม่!

  • วิจัยชี้! คนท้องเครียด นอนไม่หลับ ส่งผลต่อพัฒนาการลูกน้อยหลังคลอด

    วิจัยชี้! คนท้องเครียด นอนไม่หลับ ส่งผลต่อพัฒนาการลูกน้อยหลังคลอด

  • คนท้องหิวกลางดึก กินอะไรดี อาหารว่างยามดึกสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

    คนท้องหิวกลางดึก กินอะไรดี อาหารว่างยามดึกสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

  • วิจัยเผย อยากให้ลูกกินง่าย ? เริ่มตั้งแต่อยู่ในท้องแม่!

    วิจัยเผย อยากให้ลูกกินง่าย ? เริ่มตั้งแต่อยู่ในท้องแม่!

  • วิจัยชี้! คนท้องเครียด นอนไม่หลับ ส่งผลต่อพัฒนาการลูกน้อยหลังคลอด

    วิจัยชี้! คนท้องเครียด นอนไม่หลับ ส่งผลต่อพัฒนาการลูกน้อยหลังคลอด

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว