บทความนี้สำหรับ คุณพ่อ คุณแม่ ทุกคน ที่ต้องการ วางแผนการศึกษาลูก เพื่อรองรับค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะค่าเล่าเรียนตั้งแต่เด็กจนโต วางแผนการศึกษาลูก ที่เป็นดวงใจของคุณ หรือท่านที่ฝันอยากสร้างครอบครัวอยากมีลูกในอนาคต และอยากเตรียมตัวสำหรับวันนั้น ผมอยากจะขอแชร์ในฐานะหัวอกคนเป็นพ่อคนนึงเหมือนกัน
ลองมาคำนวณกันหน่อย ว่าต้องเตรียมเงินประมาณเท่าไหร่กันแน่ สำหรับค่าเทอมลูกหนึ่งคน โดยผมจะขอแบ่งเป็น 3 ทางเลือก คือ แบบประหยัด แบบปานกลาง และแบบแพงสุด ๆ
- แบบประหยัด หมายถึง เรียนโรงเรียนรัฐ มหาลัยรัฐ และใช้จ่ายอย่างพอเพียง
- แบบปานกลาง หมายถึง ส่งเรียนโรงเรียนแคทอลิค ต่อด้วยมหาลัยเอกชน และใช้จ่ายด้านอื่น ๆ อีกในระดับปานกลางค่อนข้างดี
- แบบจัดเต็ม หมายถึง ส่งเรียนโรงเรียนนานาชาติ ไปต่อปริญญาตรีที่ต่างประเทศ และเลี้ยงดูปูเสื่อแบบจัดเต็ม ออกจะเวอร์นิด ๆ
รูปที่ 1. นิยามการเลี้ยงลูกแต่ละประเภท
ค่าใช้จ่ายในแต่ละปี
รูปที่ 2. ประมาณการค่าเรียนลูกในแต่ละประเภท
สำหรับตารางในรูปที่ 2 เป็นประมาณการค่าใช้จ่ายสำหรับการเลี้ยงลูกในแต่ละประเภท จากการเก็บข้อมูลล่าสุดของทีมงาน FINNOMENA
รูปที่ 3 . ประมาณการค่าใช้จ่ายสำหรับการเลี้ยงปรับด้วยอัตราเงินเฟ้อ 3% | ที่มา FINNOMENA
ตารางในรูปที่ 3 คือประมาณการค่าเทอมลูก ปรับด้วยอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งเห็นแล้วหนาวเลยจ้า ยกตัวอย่างเช่น อีก 24 ปีข้างหน้าเวลาส่งลูกเรียนปริญญาที่ต่างประเทศจากค่าเทอมปัจจุบันปีละประมาณ 1.6 ล้านบาท แต่ถ้าอีก 24 ปีข้างหน้าค่าใช้จ่ายนี้จะเพิ่มสูงขึ้นถึงราว 3.2 ล้านบาทเลยทีเดียว
ค่าเทอมที่ต้องใช้ทั้งหมดเป็นเท่าไร
รูปที่ 4. เงินที่ต้องใช้นับแต่เกิดจนจบปริญญาโท (ปรับด้วยเงินเฟ้อปีละ 3%)
นำตารางในรูปที่ 3 มาหาผลรวมก็จะได้ค่าเทอมทั้งหมดที่ต้องใช้นับแต่เกิดจนจบปริญญาโท (ปรับด้วยเงินเฟ้อปีละ 3%) กลม ๆ ค่าเทอมแบบประหยัดใช้ 7 แสนบาท แบบปานกลาง 4.9 ล้านบาทส่วนแบบแพงสุด ๆ ก็หลุดโลกไปเลย 27 ล้านบาท นอกจากนี้เรายังทำ เป็นค่าเทอมที่ต้องเตรียมต่อปี และต่อเดือนให้ด้วย เห็นรูปนี้แล้วน่าจะช่วยประกอบการตัดสินใจวางแผนการศึกษาลูกได้แล้วล่ะ
เตรียมเงินก้อนเท่าไหร่ดีสำหรับลูกแต่ละคน?
ภาระการเงินที่หนักที่สุดอยู่ที่ระดับปริญญา เช่นระดับปริญญาตรี ถ้าเลือกเรียนในประเทศและสอบมหาวิทยาลัยรัฐไม่ติด ก็ต้องไปเรียนเอกชน ซึ่งค่าเทอมบางที่สูงถึงระดับหลายแสน นอกนั้นยังมีหลักสูตรพวก English Program เช่น BE, BBA ที่ค่าเรียนอยู่ในระดับสูงเช่นกัน
พอถึงระดับปริญญาโท มีพ่อแม่ไม่น้อยที่อยากส่งลูกเรียนปริญญาโทต่างประเทศซึ่งค่าใช้จ่ายสูง เป็นหลักล้านบาทต่อปี ที่สำคัญกว่านั้นคือผลของเงินเฟ้อที่จะทำให้ค่าเรียนปริญญาโทของลูกคุณสูงขึ้นอีกได้เป็นเท่าตัวใน 10-20 ปีข้างหน้า
ดังนั้นการวางแผนการศึกษาระดับปริญญาตรีและโทจึงควรใช้การจัดพอร์ตลงทุนระยะยาวเข้ามาช่วยเพื่อให้ผู้ปกครองสามารถมีเงินก้อนใหญ่ไว้รองรับในเรื่องนี้ อ่านรายละเอียดเรื่องการตัดสินใจเลือกมหาวิทยาลัยให้ลูกได้ที่
เมื่อเรียนจบสิ่งที่ทุกคนต้องเจอคือการหางานหาการทำ ไม่ว่าจะเรียนเก่งแค่ไหนบางครั้งโชคก็อาจไม่เข้าข้างในช่วงเริ่มต้น การมีเงินก้นถุงตั้งตัวซักก้อนเมื่อเรียนจบจะช่วยให้ลูกเริ่มต้นชีวิตได้ง่ายขึ้นซึ่งหลัก ๆ คือเงินค่าดาวน์บ้าน และเงินแต่งงาน ซึ่ง Kid’s Wealth Path จะให้ท่านผู้ปกครองสามารถใส่ “เงินก้นถุง” ตัวนี้ไว้เป็นส่วนหนึ่งของแผนที่การเงินของลูกด้วย ซึ่งเราแนะนำที่ 1 – 3 ล้านบาท (แต่จะใส่มากน้อยกว่านั้นก็ได้ตามแต่กำลัง และมุมมองผู้ปกครองแต่ละคน)
รูปที่ 5. เป้าหมายเงินก้อนสำหรับลูก
รูปที่ 6. เงินก้อนที่ต้องมีวันนี้ บนอัตราผลตอบแทนต่อปีที่แตกต่างกัน
ตารางในรูปที่ 6 อันนี้สำคัญ หมายถึงถ้าเราอยากเตรียม “เงินก้อน” เพื่อการศึกษาระดับปริญญา และเตรียมเงินก้นถุงให้ลูกวันนี้ เราต้องเตรียมเงินเท่าไหร่ ยกตัวอย่างกรณีศึกษาของตัวเอง ที่เลือกเมนูการเลี้ยงลูกแบบปานกลาง
เราต้องเตรียมเงิน 1,321,489 บาทวันนี้ ในกรณีที่ มั่นใจว่าสามารถทำผลตอบแทนจากการลงทุนเฉลี่ยได้ 8% ต่อปี เพื่อที่จะได้เงินเพียงพอสำหรับจ่ายค่าเรียนระดับปริญญาของลูกตามรูปที่ 5. ซึ่งก็คือ 5,703,151 บาทต่อลูก 1 คน
แต่ถ้าเราฝากเงินกับแบงค์ไว้เฉย ๆ ผมคิดที่ผลตอบแทน 1% ต่อปี เราต้องเตรียมเงินมากถึง 4,720,726 บาท ต่างกันมากกว่า 3 เท่าตัวเลยทีเดียว
วางแผนการเงินลูกโดยใช้ Wealth Path
ในโปรแกรมการคำนวณ GOAL Based Asset Allocation ของ FINNOMENA ท่านนักลงทุนสามารถตั้งเป้าหมายเก็บเงินก้อนเพื่อลูก โดยการนำเป้าหมายเงินก้อนที่ได้จากข้อก่อนหน้ามาใส่ในระบบ (ทดลองใช้ได้ ที่นี่)
รูปที่ 7. การ input ข้อมูลสำหรับสร้างแผน GOAL Based Asset Allocation
รูปที่ 8. ผลลัพธ์การคำนวณ Wealth Path กรณีเตรียมเงินก้อนเพื่อการศึกษาระดับปริญญาของลูก
จากกรณีศึกษาของเรา เมื่อใส่เป้าหมาย คือมูลค่าเงินที่ต้องเตรียมในอนาคต นั่นคือ 5,703,151 บาท ผมต้องเตรียมเงินลงทุนวันนี้ 100,000 บาท และทำการ DCA อีกเดือนละ 8,300 บาท เท่านี้
theAsianparent Thailand เชื่อว่าการศึกษาที่ดีจะช่วยเสริมสร้างรากฐานที่ดีให้กับเด็ก เป็นการเริ่มต้นสร้างสภาะแวดล้อมในการเรียนรู้ได้อย่างสมวัย และเป็นไปตามที่พ่อแม่ต้องการการเลือกโรงเรียนให้กับลูกคือหัวใจหนึ่งของการศึกษา เพราะการเลือกโรงเรียนตั้งแต่เนอสเซอรี่ การเลือกโรงเรียนอนุบาล เป็นด่านแรกที่จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการให้กับลูกได้ เช่น มีหลักสูตรที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง หลักสูตรวิชาการที่พอดีกับการเรียนรู้ การใช้ Play Base Learning เพื่อเสริทสร้างพหุปัญญษทั้ง 8 ด้าน หรือ EF ที่ทำให้ลูกได้เรียนรู้ทั้ง Hard Skill และ Soft Skill อย่างสมดุลย์ เพราะการเรียนรู้ที่ดี สามารถเรียนรู้ได้ต่อเนื่องไม่จำกัด และทำให้เด็กค้นพบตัวตน และมีความสุขกับการเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง
ที่มา : www.finnomena.com
บทความอื่น ๆ ที่นาสนใจ :
โรงเรียนนี้ที่แม่เลือก: โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี่กรุงเทพ ซิตี้แคมปัส รีวิวโดยคุณแม่เกียว-น้องตั่งตั๊ง (School Hit)
ใครมีลูกวัยเรียนต้องอ่าน สอนลูกให้รับมือกับการถูกแกล้ง งานนี้ต้องรอด!
อัปเดตค่าเทอม ป.1 ของ 47 โรงเรียนในภาคใต้ ปี 2020
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!