ที่ตรวจครรภ์แบบจุ่ม ควรใช้อย่างไร จะเลือกใช้ ที่ตรวจครรภ์ยี่ห้อไหนดี

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ที่ตรวจครรภ์แบบจุ่ม ใช้อย่างไร ตรวจแล้วต่างจากแบบอื่นหรือไม่ จะได้ผลมากน้อยแค่ไหน วันนี้เรานำ วิธีการใช้ ที่ตรวจครรภ์แบบจุ่ม มาฝากค่ะ การตรวจครรภ์สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเองโดยการซื้ออุปกรณ์ หรือชุดทดสอบการตั้งครรภ์ที่จำหน่ายอยู่ในร้านค้าทั่วไป ซึ่งวิธีนี้จะเป็นวิธีทดสอบหาฮอร์โมน HCG ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่บ่งบอกถึงการตั้งครรภ์ โดยจะหลั่งออกมาจากรกหลังจากปฏิสนธิไปแล้ว 6 วัน และจะขึ้นสูงสุดในช่วง 8-12 สัปดาห์หลังการมีเพศสัมพันธ์ ความแม่นยำของการตรวจวิธีนี้จะมีมากถึง 90 %

 

อุปกรณ์ทดสอบการตั้งครรภ์นี้แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ คือ

 

 

  • แบบแถบจุ่ม

อุปกรณ์ชุดนี้จะมีราคาถูก ประกอบไปด้วยแผ่นทดสอบการตั้งครรภ์ และถ้วยตวง (บางยี่ห้อไม่มี) วิธีการใช้คือเก็บปัสสาวะลงในถ้วยตวง แล้วนำแผ่นทดสอบจุ่มลงในถ้วยตวงประมาณ 3 วินาที แล้วนำออกมาจากถ้วยตวงทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีเพื่อรออ่านผลตรวจครรภ์ ข้อควรระวัง คือ อย่าให้น้ำปัสสาวะเลย หรือสูงเกินกว่าขีดลูกศรของแผ่นทดสอบ

 

  • แบบปัสสาวะผ่าน 

มีเพียงแท่งตรวจครรภ์ที่ใช้ในการทดสอบเท่านั้น วิธีการใช้คือ ถอดฝาครอบออกแล้วถือแท่งให้หัวลูกศรชี้ลงพื้น แล้วปัสสาวะผ่านบริเวณที่ต่ำกว่าลูกศรให้ชุ่มประมาณ 30 วินาที จากนั้นรออ่านผลประมาณ 3-5 นาที

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  • แบบหยด หรือแบบตลับ 

ชุดอุปกรณ์จะประกอบไปด้วยหลอดหยด ตลับตรวจครรภ์ และถ้วยตวงปัสสาวะ ขั้นตอนการใช้ คือ เก็บปัสสาวะลงในถ้วยตวง จากนั้นนำหลอดหยดดูดน้ำปัสสาวะแล้วหยดลงในตลับตรวจครรภ์ประมาณ 3-4 หยด วางตลับทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีแล้วจึงอ่านผลการตรวจ

 

ที่ตรวจครรภ์แบบจุ่ม ใช้อย่างไร

แบบแถบจุ่ม (Test Strip) ภายในกล่องผลิตภัณฑ์จะประกอบไปด้วย แผ่นทดสอบการตั้งครรภ์ (แผ่นตรวจครรภ์)  และถ้วยตวงปัสสาวะ (อาจจะถ้วยตวงปัสสาวะมาให้หรือไม่มีก็ได้)

วิธีการทดสอบ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  • ให้เก็บปัสสาวะลงในถ้วยตวง
  • นำแผ่นทดสอบการตั้งครรภ์ด้านที่มีลูกศรชี้ลงจุ่มลงในถ้วยปัสสาวะที่เตรียมไว้ จุ่มกระดาษลงในถ้วยปัสสาวะเพียง 3 วินาทีเท่านั้น
  • ระวังอย่าให้น้ำปัสสาวะเลยขีดที่กำหนดในแผ่นทดสอบ เพราะจะทำให้แผ่นทดสอบหมดประสิทธิภาพการทำงาน
  • นำแผ่นทดสอบออกจากถ้วยปัสสาวะถือไว้สักพักหรือวางไว้ในแนวนอน และต้องวางในพื้นที่แห้งสนิทเท่านั้น
  • รออ่านผลการทดสอบการตั้งครรภ์ภายในเวลา 1 – 5 นาที แต่ทางที่ดีควรรอจนกว่าจะครบ 5 นาที เพื่อให้ผลแสดงออกมาอย่างถูกต้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง : ราคาที่ตรวจครรภ์ ปี 2566 ยี่ห้อไหนดี รวมหมดทุกแบบไว้ที่นี่!

 

การอ่านผลตรวจ ที่ตรวจครรภ์

ปกติแล้วการตรวจครรภ์ด้วยตัวเองมักจะทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที ไม่ควรทิ้งไว้นานเกินไปเพราะอาจจะไม่มีขีดใดขึ้นมาเลย โดยบริเวณหน้าแสดงผลการตรวจจะมีตัวอักษร 2 ตัวคือ C (Control Line) และ T (Test Line) ซึ่งสามารถอ่านค่าได้ ดังนี้

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  • 1 ขีด (ขึ้นที่ขีด C เพียงอย่างเดียว)

แสดงว่าได้ผลลบ คือ ไม่มีการตั้งครรภ์ หรือตั้งครรภ์แล้วแต่ยังตรวจไม่พบ

  • 2 ขีด (ขึ้นที่ขีด C และ T)

แสดงว่าได้ผลบวก คือ มีการตั้งครรภ์ (หากขึ้นขีดที่ T จาง ๆ ควรรออีก 2-3 วันเพื่อตรวจใหม่ในอีกครั้ง)

  • ไม่มีขีดใดขึ้นเลย

แสดงว่าที่ตรวจครรภ์เสีย หมดอายุ หรือเกิดข้อผิดพลาดในขั้นตอนการเก็บปัสสาวะ ต้องตรวจใหม่อีกครั้ง

 

ที่ตรวจครรภ์ยี่ห้อไหนดี ?

หากจะถามถึงยี่ห้อที่ตรวจครรภ์ ต้องยอมรับว่า มีเยอะแยะมากมายซึ่งราคาก็จะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่วัสดุของที่ตรวจครรภ์เป็นหลัก แต่ประสิทธิภาพในการแสดงผลนั้น เรียกได้ว่าใกล้เคียงกันมาก ซึ่งเราได้รวบรวมยี่ห้อที่ตรวจ

  • Phecare Pregnancy Strip Test
  • ที่ตรวจครรภ์แบบจุ่ม Check One Pregnancy Test
  • First Sure ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ ความไวสูงมาก
  • ชุดตรวจครรภ์ Recare
  • ที่ตรวจครรภ์ Nano Preg Test Cassette
  • Longmed Pregnancy Test - Cassette
  • easy check
  • ที่ตรวจครรภ์ แบบปากกา CRONY Pregnancy
  • ชุดตรวจการตั้งครรภ์ดิจิทัล Clearblue Double Check+Date
  • First Response Early Result productnation

ในกลุ่มยี่ห้อที่ตรวจการตั้งครรภ์เหล่านี้ จะมีบางชนิดที่ราคาโดดออกมาจากกลุ่ม ซึ่งแน่นอนว่า ประสิทธิภาพในการตรวจจับฮอร์โมนนั้นก็มีสูงกว่าแบบอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่มักจะมีหลาย ๆ คน ลองตรวจครรภ์ด้วยที่ตรวจครรภ์หลากหลายยี่ห้อ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับตนเอง

บทความที่เกี่ยวข้อง : ควรตรวจครรภ์ตอนไหน ตอนเช้า หรือตอนเย็น เพื่อผลลัพธ์ที่แม่นยำที่สุด ?

 

 

ผลการตรวจครรภ์จะคลาดเคลื่อนได้หรือไม่

ไม่ว่าผลที่อ่านได้จากที่ตรวจครรภ์จะบอกว่าท้องหรือไม่ ความเป็นจริงแล้ว ผลก็อาจคลาดเคลื่อนได้ ! เช่น กำลังตั้งท้อง แต่ผลตรวจขึ้นเพียง 1 ขีด ซึ่งอาจเกิดจากปัสสาวะมีความเจือจางหรือตรวจในช่วงเวลาที่เร็วเกินไป ในขณะเดียวกัน ค่าผลตรวจขึ้น 2 ขีด แต่ความเป็นจริงแล้วกลับไม่ท้อง กรณีนี้ก็อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งความคลาดเคลื่อนที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลมาจากปัจจัยเหล่านี้

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

  • ช่วงเวลาในการตรวจเร็วเกินไป

ปริมาณฮอร์โมน HCG ในปัสสาวะ คือสิ่งที่บ่งชี้ได้ว่ากำลังตั้งท้องหรือไม่ ? ซึ่งฮอร์โมนชนิดนี้จะเกิดขึ้นหลังปฏิสนธิไปแล้ว 6 วัน ดังนั้น หากตรวจเบื้องต้นแล้วผลเป็นลบหรือไม่ตั้งท้อง ควรรอเวลาอีกสักพักค่อยตรวจซ้ำ หรือตรวจในช่วงที่ประจำเดือนขาดไปแล้ว 10-14 วัน

 

  • ความเข้มข้นของปัสสาวะ

หากปัสสาวะมีความเจือจางมาก ก็เท่ากับว่าความเข้มข้นของฮอร์โมนในปัสสาวะลดลง ทำให้ที่ตรวจครรภ์ไม่สามารถตรวจหาค่าของฮอร์โมน HCG ได้ ผลของการตรวจจึงเกิดความคลาดเคลื่อน

 

  • ประสิทธิภาพของชุดทดสอบ

แน่นอนว่าชุดทดสอบการตั้งครรภ์แต่ละยี่ห้อมีการตรวจหาค่าความไวต่อฮอร์โมน HCG ที่ต่างกัน ดังนั้น หากเป็นยี่ห้อที่ตรวจจับค่าฮอร์โมนได้น้อย ก็อาจทำให้ได้ผลเป็นลบหรือไม่ตั้งครรภ์ได้ รวมไปถึงการเสื่อมคุณภาพของชุดทดสอบ ซึ่งอาจเกิดจากการหมดอายุของอุปกรณ์ หรือการจัดเก็บในที่ที่ไม่เหมาะสม ไม่ว่าผลที่อ่านค่าได้จากที่ตรวจครรภ์จะบอกว่าตั้งครรภ์หรือไม่ การเข้ารับการตรวจซ้ำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็ยังมีความสำคัญ เพราะหากตั้งครรภ์จริง การฝากครรภ์ตั้งแต่รู้ว่าตั้งท้องจะส่งผลดีต่อทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์

 

ปัญหาที่พบบ่อยสำหรับผู้ที่ใช้อุปกรณ์ตรวจการตั้งครรภ์

คงเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า "ซื้อผิด ชีวิตเปลี่ยน" เป็นคำที่ใช้กันแบบขำ ๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีเกิดขึ้นจริงในชีวิตของเราแต่ละคน นั่นเป็นเพราะคุณแม่บางคน อาจจะสับสน ระหว่างอุปกรณ์ตรวจการตั้งครรภ์ กับ อุปกรณ์ตรวจช่วงไข่ตก เพราะต้องยอมรับว่า ลักษณะของอุปกรณ์ รวมถึงการใช้งาน เรียกว่าเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว ต่างกันก็แค่ ผลลัพธ์ที่ได้นั่นเอง ดังนั้นเวลาที่คุณแม่ ไปซื้อที่ตรวจการตั้งครรภ์ ควรแจ้งพนักงาน หรือเภสัชกรให้ชัดเจน หรืออาจจะดูคำอธิบายที่ตัวกล่องผลิตภัณฑ์นั่นเอง

  • ชุดทดสอบการตกไข่ (LH ovulation test)
  • ชุดตรวจสอบการตั้งครรภ์ (Pregnancy Test)

เรื่องง่าย ๆ ที่อาจจะกลายเป็นเรื่องยุ่ง ๆ สำหรับคุณแม่ ขอเพียงแค่เพิ่มการสังเกตกันอีกสักนิดนะคะ

 

หากเข้ารับการตรวจครรภ์จากแพทย์ มีวิธีไหนบ้าง

 

 

  • การซักถามประวัติ

คุณหมอจะทำการซักถามประวัติข้อมูลเกี่ยวกับผู้ที่ต้องการรับการตรวจ เช่น เวลาของประจำเดือนที่มาครั้งสุดท้าย โดยในคำถามนี้ต้องตอบวันแรกของเดือนที่ประจำเดือนมาครั้งล่าสุด นอกจากนี้คุณหมอจะถามอาการที่สามารถบ่งบอกได้ว่าเกิดการตั้งครรภ์ เช่น อาการคลื่นไส้อาเจียน วิงเวียนศีรษะ ปัสสาวะบ่อย เต้านมคัด หรือความผิดปกติของประจำเดือน เป็นต้น เพื่อให้การวินิจฉัยตรงไปตรงมาและมีความแม่นยำมากที่สุด

 

  • ทำการตรวจภายใน

การตรวจภายในมีจุดประสงค์เพื่อยืนยันอาการผิดปกติของร่างกาย เช่น ความผิดปกติของประจำเดือน หรืออาการอื่น ๆ ร่วมด้วย อย่างไรก็ตามการตรวจภายในไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นต้องทำในขั้นตอนการตรวจครรภ์แต่เป็นสิ่งที่ “ควรทำ” มากกว่าโดยหมอจะตรวจช่องคลอด ดูขนาดของมดลูก รังไข่ และปีกของมดลูก เป็นต้น หากผู้เข้ารับการตรวจรู้สึกว่าตัวเองมีความผิดปกติ เช่น ปวดท้องน้อย หรือบริเวณใกล้เคียงกับอวัยวะดังกล่าวให้รีบบอกแพทย์เพื่อตรวจหาความผิดปกติ

 

  • ตรวจปัสสาวะ

การตรวจปัสสาวะสำหรับค้นหาการตั้งครรภ์จะให้ผลที่รวดเร็ว และแม่นยำพอสมควร โดยการเก็บปัสสาวะมาให้คุณหมอตรวจนั้น เราแนะนำให้เก็บปัสสาวะในตอนเช้าไปให้หมอตรวจ เพื่อผลที่แม่นยำเกือบ 100% เพราะมีระดับฮอร์โมน HCG ที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน ในกรณีที่ตรวจเวลาอื่นผลที่ได้มีโอกาสคลาดเคลื่อนได้ ดังนั้นการเก็บปัสสาวะในตอนเช้ามาตรวจจึงมีความแม่นยำกว่ามาก อย่างไรก็ตาม ผู้ตรวจควรขอคำแนะนำและแนวทางสำหรับการตรวจปัสสาวะจากแพทย์เพื่อให้ได้ขั้นตอนที่ถูกต้อง

 

  • ตรวจเลือด

การตรวจเลือดจะสามารถบ่งบอกการตั้งครรภ์ได้แน่นอนถึง 100% ด้วยการตรวจผ่านฮอร์โมน HCG โดยจะสามารถเข้ารับการตรวจเพื่อให้ได้ผลหลังการปฏิสนธิไม่น้อยกว่า 2 สัปดาห์ แต่การตรวจด้วยวิธีนี้มีค่าใช้จ่ายสูง นอกจากนี้สำหรับผู้ที่มีประวัติมีบุตรยาก หรือผู้ที่เคยแท้งลูกมาก่อนควรตรวจด้วยวิธีนี้เนื่องจากการตรวจด้วยการตรวจเลือดจะช่วยให้วางแผนเพื่อป้องกันการแท้งบุตรได้นั่นเอง

 

  • การตรวจอัลตราซาวนด์

การตรวจด้วยเครื่องอัลตราซาวนด์สามารถตรวจได้ตั้งแต่เริ่มการตั้งครรภ์ อีกทั้งการตรวจด้วยวิธีนี้ไม่มีความเจ็บปวดหรืออันตรายต่อผู้ตรวจ และปลอดภัยกว่าการเอกซเรย์ด้วย นอกจากนี้วิธีนี้ยังสามารถใช้ติดตามอายุครรภ์และช่วยวางแผนกำหนดคลอดได้ ไม่เพียงแต่เท่านั้นการตรวจด้วยการตรวจอัลตราซาวนด์ยังสามารถบอกเพศของเด็ก ความผิดปกติของลูกน้อย และความสมบูรณ์ของอวัยวะลูกน้อยตามอายุครรภ์อีกด้วย โดยเครื่องอัลตราซาวนด์มีตั้งแต่ 2 มิติ 3 มิติ และ 4 มิติ ซึ่งจะให้ความละเอียดของภาพแตกต่างกัน โดยเฉพาะแบบ 4 มิติ ที่สามารถแสดงท่าทางและอิริยาบถของเด็กในครรภ์ได้ ไม่ใช่แค่การตรวจครรภ์เท่านั้น การตรวจด้วยวิธีนี้ยังทำให้เห็นความผิดปกติของมดลูกและรังไข่ด้วย

 

การเลือกใช้ที่ตรวจการตั้งครรภ์นั้น ควรเลือกหาผลิตภัณฑ์ที่มีเครื่องหมายรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อ.ย.) ที่กำกับอยู่บริเวณบรรจุภัณฑ์ ซึ่งเป็นเครื่องหมายที่การันตีมาตรฐาน และความสามารถในการตรวจสอบการตั้งครรภ์ได้อย่างถูกต้อง และแม่นยำ ทั้งนี้ การตรวจในแต่ละครั้ง ควรอ่านคู่มือให้เข้าใจ เพื่อให้ผลลัพธ์ที่แสดงออกมา ถูกต้อง และแม่นยำ แต่ถ้าไม่มั่นใจว่าตนเองทำถูกต้องตามวิธีนั้น ๆ หรือไม่ คุณสามารถติดต่อที่สถานอนามัย คลินิก หรือโรงพยาบาล เพื่อขอเข้ารับการทดสอบการตั้งครรภ์ได้เช่นกันค่ะ

 

สงสัยเรื่องตรวจครรภ์ อยากได้ความรู้เพิ่มเติม เลือกอ่านจากบทความการตรวจครรภ์ได้ คลิก

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

รวม 10 ที่ตรวจครรภ์ ที่ตรวจครรภ์แบบไหนดี ตรวจแม่น ผิดพลาดน้อย!

ตรวจครรภ์เวลาไหน ตรวจตอนเย็นได้ไหม หรือว่าจะต้องตรวจตอนเช้าถึงจะดีที่สุด?

ตรวจครรภ์ขึ้น 2 ขีด ท้องหรือไม่? ควรทำอย่างไรเมื่อตรวจเจอ 2 ขีด?

ที่มา : Paolo Hospital, Petcharavej Hospital

บทความโดย

Nanticha Phothatanapong