ทาสแมวหลบไป ถ้าอยากตั้งครรภ์แบบสุขภาพดีทั้งแม่ทั้งลูก ก็ควรเลี้ยงน้องหมา เลี้ยงหมาตอนท้อง ได้ไหม รู้ไหมว่าการมีสัตว์เลี้ยงนั้นสามารถส่งผลต่อคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ได้ ส่วนใหญ่เราจะได้รับข้อมูลแต่ด้านที่ไม่ดี แต่ในด้านดี ๆ ก็มีเหมือนกัน วันนี้เราไม่ได้พูดถึงเรื่องน้องแมว และเป็นเรื่องของน้องหมา
เลี้ยงหมาตอนท้อง ได้ไหม ทำไมเลี้ยงหมาถึงดีต่อแม่ท้อง
เพราะการเลี้ยงหมาในระหว่างที่ตั้งครรภ์ และหลังจากคลอดลูกนั้น สามารถลดโอกาสที่ลูกจะเป็นภูมิแพ้ และเป็นโรคอ้วนได้ยังไง
จุลินทรีย์ที่พบในขนของน้องหมา มีแบคทีเรียที่ดีอยู่ถึง 2 ชนิดด้วยกัน ซึ่งจะทำให้ลูกที่เกิดมานั้นมีความเสี่ยงน้อยลง ที่จะเป็นโรคภูมิแพ้ รวมทั้งโรคหอบหืด และโรคอ้วน
หากคุณแม่เลี้ยงน้องหมาขณะที่ตั้งครรภ์ไปจนถึง 3 เดือนแรกหลังจากคลอด จะทำให้การทำงานของแบคทีเรียเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น
บทความที่เกี่ยวข้อง : เล่นกับสัตว์เลี้ยง มีประโยชน์ กว่าที่คิด ช่วยอะไรได้บ้าง
หญิงตั้งครรภ์ สามารถเลี้ยงสุนัขได้ไหม?
ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์เลี้ยงสุนัขได้ไหม หรือเลี้ยงสุนัขไว้ในบ้านจะเป็นอันตรายต่อลูกน้อยในท้องของเราหรือเปล่า เชื่อว่า ต้องมีคำถามนี้มากมาย หรือแม้แต่ผู้ที่ตั้งครรภ์เองก็ยังสงสัยและเป็นกังวลกันอยู่ว่า จริง ๆ แล้วหญิงที่กำลังตั้งครรภ์นั้น สามารถเลี้ยง และอยู่รวมกันกับสุนัขได้ หรือไม่ หรือการเลี้ยงสุนัขไว้ในบ้านที่มีหญิงตั้งครรภ์นั้น จะส่งผลเสีย และเป็นอันตรายทำให้ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์นั้นแท้งได้ หรือเปล่า
คำตอบคือ ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์นั้น สามารถเลี้ยงสุนัขได้ เพียงแต่ต้องดูแลรักษาเรื่องความสะอาด และเลี้ยงน้องหมาอย่างถูกวิธีเพื่อสุขอนามัยที่ดี ต่อคุณแม่ และน้องหมาด้วย รวมถึงยังต้องใส่ใจเรื่องความปลอดภัย เป็นพิเศษด้วยนั้นเอง
โดยงานวิจัยจากศูนย์ควบคุมโรคติดต่อแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกาได้วิจัยเกี่ยวกับผู้หญิงตั้งครรภ์ที่เลี้ยงสุนัขแล้ว พบว่า ผู้หญิงที่มีการเลี้ยงสัตว์ในขณะตั้งครรภ์นั้น จะทำให้ความเครียด และความวิตกกังวล ในการตั้งครรภ์ลดลง จิตใจผ่อนคลาย มองโลกในแง่ดี คลายเหงาอีก ซึ่งจะเป็นผลดีต่อสุขภาพ และอารมณ์ด้านต่าง ๆ ของผู้หญิงตั้งครรภ์ และลูกน้อยในครรภ์ได้เป็นอย่างดี รวมถึกการเล่นกับน้องหมานั้นยังเป็น การออกกำลังกาย ทำให้ร่างกายของผู้หญิงตั้งครรภ์นั้นแข็งแรงอีกด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องรู้จักวิธีดูแลสุนัข และวิธีการป้องกัน ไม่ให้เกิดอันตรายในขณะตั้งครรภ์ เพราะสัตว์เลี้ยงนั้นก็สามารถทำให้เกิดโรคในหญิงตั้งครรภ์ได้ เช่นกัน
ทฤษฎีเดียวกับเรื่องของภูมิคุ้มกัน
เป็นทฤษฎีเดียวกันกับการที่บอกว่าหากเด็ก ๆ อยู่กับดิน กับแมลงต่าง ๆ จะทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายของเขาดีขึ้น
โดยจุลินทรีย์ทั้ง 2 ตัวนี้คือ Ruminococcus และ Oscillospira โดยส่งผ่านจากน้องหมาสู่ลูกได้โดยการลูบขน หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมเดียวกัน และอาจจะส่งผลต่อทารกในครรภ์ได้เช่นเดียวกัน
ดังนั้นหากคุณพ่อ คุณแม่ อยากให้ลูกมีความเสี่ยงในการเป็นหอบหืด และโรคอ้วนน้อยลง ก็ควรรีบพิจารณาการเลี้ยงน้องหมาเอาไว้ในครอบครัว แต่เหนือสิ่งอื่นใด ควรเลี้ยงน้องหมาด้วยความรักด้วย เช่นกัน
บทความที่เกี่ยวข้อง : เลี้ยงลูกกับน้องหมา ด้วยกันได้ไหม? สุนัขกับทารก มีผลดี หรือ ผลเสีย อย่างไรบ้าง?
เลี้ยงน้องหมายังไง ให้คุณแม่ตั้งครรภ์ปลอดภัย
1. การจำกัดพื้นที่ให้เป็นสัดส่วน
โดยผู้เลี้ยงควรจัดแบ่งพื้นที่ และเลือกตำแหน่งที่คิดว่าเหมาะสมที่สุดให้น้องหมา อาจจะใช้ กรง หรือที่กั้นคอก จำกัดพื้นที่ไม่ให้น้องหมาเดินได้อย่างอิสระ เพื่อไม่ให้น้องหมารบกวนแม่ท้อง และเพื่อเป็นการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น ควรเป็นพื้นที่ห่างจากบริเวณที่แม่ท้องอาศัยอยู่พอสมควร และเป็นพื้นที่ ที่เงียบสงบ อากาศถ่ายเทได้สะดวก มีร่มเงาที่เพียงพอ ซึ่งอาจจะเป็นมุมใด มุมหนึ่ง ของพื้นที่ภายในบริเวณบ้านก็ได้ และที่สำคัญต้องเป็นพื้นที่ ที่ง่ายต่อการดูแลทำความสะอาดด้วย
2. ถ้าน้องหมาถูกเลี้ยงให้นอนอยู่ในห้องเดียวกันกับแม่ท้องอยู่ก่อนแล้ว
แนะนำว่า ควรจัดแบ่งพื้นที่ภายในห้องนอนให้กับน้องหมาอย่างชัดเจน โดยไม่ควรให้น้องหมาขึ้นมานอนร่วมเตียงเดียวกัน กับแม่ท้อง และอาจจะหาเครื่องฟอกอากาศ เข้ามาติดตั้งสักเครื่อง พร้อมกับหมั่นดูแลทำความสะอาดห้องนอนอย่างสม่ำเสมอเพื่อสุขอนามัยที่ดี
3. ต้องคอยระมัด ระวัง ไม่ให้น้องหมาไปคลุกคลี เล่นกับสัตว์อื่น ๆ ที่อาศัยอยู่นอกบ้าน
ถ้าหากบ้านไหนมีน้องหมาที่ชอบวิ่งไล่จับหนู สมาชิกในบ้านก็ควรป้องกันไม่ให้น้องหมา ไล่จับหนูโดยอาจจะหากาวดักหนู หรือวิธีอื่น ๆ มาดักหนูแทน เพราะการที่น้องหมาวิ่งไล่ หรือกัดหนูนั้น น้องหมาอาจจะติดเชื้อโรคต่าง ๆ มา เมื่อแม่ท้องสัมผัสน้องหมา ก็อาจจะได้รับเชื้อโรคเหล่านั้นได้
4. การทำความสะอาดบ้าน
เป็นหน้าที่ของสมาชิกในบ้าน ที่ต้องช่วยกันดูแลทำความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอ ควรหมั่นกวาดบ้าน เพื่อกำจัดเศษขนน้องหมาที่หลุดร่วงออกมา ถูบ้านด้วยน้ำยาที่มีส่วนผสมของยาฆ่าเชื้อ ทุกวันเพื่อป้องกันไรฝุ่น และฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ ที่อยู่ตามพื้น
5. การกำจัดเห็บภายในบ้าน
สมาชิกในบ้านจะต้องทำอย่างสม่ำเสมอทุก ๆ สัปดาห์ เพราะเห็บอาจกัดแม่ท้องให้เกิดอาการแพ้ เกิดผื่นคันขึ้นได้ แม่ท้องหลาย ๆ คนมักกลัว เห็บหมัด ว่าจะเป็นตัวนำเชื้อโรคมาสู่คน ซึ่งจริง ๆ แล้วเห็บหมัดนั้นสามารถกัดเราจนเป็นแผล หรือผื่นได้ แต่ไม่สามารถอาศัยเกาะกินเลือดเราได้นาน เหมือนเกาะอยู่ที่น้องหมา เพราะร่างกายของเราไม่เหมาะสมที่จะเป็นโฮสต์ หรือที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของเห็บหมัด
6. ฉีดยาพ่นกำจัดเห็บ
ที่มีส่วนผสมของ Pyrethrin หรือ Permethrin ที่มีฤทธิ์ฆ่าเห็บมาฉีดพ่นตามฝาผนัง ซอกต่าง ๆ เพราะเห็บมักจะเข้าไปหลับ และฝังอยู่ตามผนังที่มีช่องว่าง สิ่งสำคัญ ในขณะพ่นยากำจัดเห็บ ก็ควรใส่หน้ากากป้องกันการสูดดมยา ควรป้องกันสมาชิกในบ้าน ได้แก่ แม่ท้อง เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ที่เสี่ยงได้รับสารเคมีให้อยู่บริเวณนอกบ้าน จะดีที่สุด และรอจนกว่าสารเคมีจะแห้ง จึงค่อยให้สมาชิกในบ้านกลับเข้าบ้านได้
7. แม่ท้องที่ทำงานบ้าน
เช่น ล้างจาน ซักผ้า เป็นต้น เป็นกิจวัตรประจำวันอยู่แล้ว แนะนำว่า ให้สวมใส่ถุงมือยางทุกครั้งที่ล้างจาน เพื่อป้องกันการแพ้น้ำยาล้างจาน หรือแม่ท้องที่ชอบปลูกต้นไม้ ทำสวนครัว ใส่ถุงมือทุกครั้งที่ลงมือทําสวน เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโรค จากการสัมผัสพื้นดิน และหญ้า ที่น้องหมาอาจขับถ่ายทิ้งเอาไว้ด้วย
8. การดูแลน้องหมาให้มีสุขภาพดีก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน
เพราะว่าการพาน้องหมานั้น ไปตรวจสุขภาพจะช่วยทำให้ผู้เลี้ยงรู้ถึงแนวโน้ม หรือความเสี่ยงของการเกิดโรคต่าง ๆ ซึ่งเป็นผลดี ที่ทำให้ผู้เลี้ยงสามารถเตรียมรับมือ และรักษาน้องหมาได้อย่างทันท่วงที
บทความที่เกี่ยวข้อง : แม่ท้องเลี้ยงหมาได้มั้ย ฝึกน้องหมาอย่างไร ให้อยู่ร่วมกับคนท้องได้
ที่มา Mirror , https://offbeathome.com