จะเกิดอะไรขึ้นบ้างถ้าปล่อยให้ใครก็ได้หอมหรือจูบลูก
จะเกิดอะไรขึ้นบ้างถ้าปล่อยให้ใครก็ได้หอมหรือจูบลูก !!!
โรคจูบ (kissing disease)คืออะไร
ชื่อโรคทุกคนคงสนใจ ที่จริงก็คือ infectious mononucleosis (IM) ซึ่งเกิดจากไวรัส Ebstein Barr หรือย่อว่า EB ไวรัส ติดต่อได้ทางสัมผัสและทางน้ำลาย จากการศึกษาของศูนย์เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาคลีนิค โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ส่วนใหญ่การติดเชื้อ EB ในประเทศไทย จะเกิดขึ้นใน 2 ขวบปีแรกโดยไม่มีอาการของโรค หลังจากนั้นจะมีเชื้อซ่อนเร้นอยู่ในร่างกายแบบไม่แสดงอาการ (latent infection) แต่สำหรับในเด็กโตที่ยังไม่เคยติดเชื้อ หรือไม่มีภูมิ เมื่อได้รับเชื้อจะมีอาการรุนแรงขึ้น แม้ไม่เคยมีการติดเชื้อมาก่อน จึงเป็นสาเหตุหนึ่งของการติดเชื้อในวัยรุ่นที่เกิดจากการจูบ โดยสัมผัสจากน้ำลาย
อาการของโรค
อาการที่ประกอบด้วย ไข้สูง เจ็บคอ จากคอหอย หรือทอน ซิล มีการอักเสบ และมีต่อมน้ำเหลืองที่คอโต ส่วนอาการอื่นๆที่อาจจะพบร่วมด้วยคือ อาการอ่อนเพลีย ปวดศีรษะ คลำได้ ตับโต ม้ามโต มีจุดเลือดออกที่เพดานปาก ถ่ายอุจจาระเหลว ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน มีน้ำมูก เป็นต้น ซึ่งอาการส่วนใหญ่จะหายภายในเวลา 2 สัปดาห์ ยกเว้นอาการอ่อนเพลียที่ยังอาจหลงเหลืออยู่ได้นานหลายเดือน สามารถปนเปื้อนออกมาได้ในน้านม
การรักษาโรค
ไม่มีการรักษาจำเพาะ ซึ่งการให้ยาต้านไวรัส เช่น Acyclovir พบว่า ไม่ ได้ทำให้อาการดีขึ้นแต่อย่างใด ดังนั้นการรักษาหลัก คือการรักษาประคับประคองตามอาการ เช่น การให้ยาแก้ปวด ยาลดไข้ ส่วนการให้ยาสเตียรอยด์ พบว่าอาจช่วยทำให้ระยะเวลาป่วยสั้นลงได้ แต่แพทย์จะแนะนำให้ใช้เฉพาะผู้ป่วยที่มีภาวะแทรกซ้อนจากโรคที่รุนแรงเท่านั้น เช่น ไข้สูงมาก หรือเจ็บคอมากจนดื่มน้ำไม่ได้
โรคเริม
โรคเริมเกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า เฮอร์ปีส์ซิมเพลกซ์ (Herpes simplex virus หรือ HSV) มี 2 ชนิด คือ ชนิด HSV-1 และ HSV-2 โดย HSV-1 มักก่อให้เกิดการติดเชื้อในช่องปากและริมฝีปาก HSV-2 มักก่อให้เกิดการติดเชื้อที่อวัยวะเพศ ระบบประสาท และ โรคเริมชนิดแพร่กระจายทั่วร่างกายในทารกแรกเกิด แต่ทั้งนี้ HSV ทั้งสองชนิดอาจเป็นสาเหตุติดเชื้อกับเนื้อเยื่อส่วนไหนก็ได้เมื่อร่างกายมีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำลง เช่น ที่เยื่อหุ้มสมอง สมอง ตา เป็นต้น โรคเริมในเด็กแรกเกิดอาจติดจากคุณแม่ได้ตั้งแต่ทารกอยู่ในครรภ์ แต่มีรายงานการเกิดน้อยมาก ทารกจะมีอาการผื่นหรือแผลเริม ตาอักเสบ และขนาดหัวเล็กกว่าปกติ ส่วนมากโรคเริมในเด็กแรกเกิดมักเกิดจากการติดเชื้อในช่วงระหว่างการคลอดทางช่องคลอด ถ้าขณะคลอดมารดาติดเชื้อนี้ที่อวัยวะเพศ
อาการของโรคเริมมีอะไรบ้าง?
อาการของโรคเริมมีได้หลายแบบ ทั้งโรคเริมที่ริมฝีปากและเยื่อบุช่องปาก โรคเริมที่อวัยวะเพศ โรคเริมแบบแพร่กระจายทั่วตัว และโรคเริมในระบบประสาท เป็นต้น เมื่อเป็นโรคเริมครั้งแรกจะมีอาการรุนแรง แตกต่างจากอาการที่เป็นซ้ำครั้งต่อๆ มา ที่มักเป็นเพียงรอยอักเสบหรือถลอกเล็กน้อย และหายเร็วกว่า โดยเมื่อเป็นครั้งแรกแล้วเชื้อไวรัสจะเข้าไปอยู่ในปมประสาท และเมื่อมีปัจจัยกระตุ้น เชื้อจะออกมาตามเส้นประสาทและเกิดโรคซ้ำที่ผิวหนังหรือเยื่อบุผิว
สำหรับบทความนี้จะเน้นที่โรคเริมที่ริมฝีปากและเยื่อบุช่องปาก และโรคเริมแบบแพร่กระจายทั่วตัว ซึ่งพบในเด็กนะคะ
โรคเริมที่ริมฝีปากและเยื่อบุช่องปากในเด็กมีอาการอย่างไร?
โรคเริมที่ริมฝีปากและเยื่อบุช่องปากในเด็กมักจะเป็นครั้งแรกจึงมีอาการมากคือ มีรอยบวมแดงบริเวณที่มีการติดเชื้อ ได้แก่ ริมฝีปากและเยื่อบุช่องปาก เกิดเป็นตุ่มน้ำใสเป็นกลุ่มๆ อย่างรวดเร็ว แตกเป็นแผล ปวด อาจมีต่อมน้ำเหลืองในบริเวณใกล้รอยโรคอักเสบและโตขึ้น บางคนอาจมีไข้ ปวดศีรษะ ครั่นเนื้อครั่นตัว นำมาก่อน
การรักษาโรคเริมในเด็กทำได้อย่างไร?
คุณหมอรักษาโรคเริมในเด็กได้ด้วยการให้ยาต้านไวรัสเริม ซึ่งมียาหลายตัว และหลายรูปแบบ โดยคุณหมอจะพิจารณาให้ตามข้อบ่งชี้ในการรักษาและความรุนแรงของอาการที่เป็นค่ะ การป้องกันโรคเริมในเด็กทำได้อย่างไร มีวัคซีนหรือไม่?ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคเริม ดังนั้นการป้องกันโรคเริมจึงทำได้โดย การไม่ให้เด็กสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นโรค และคุณแม่ที่ตั้งครรภ์หากเคยเป็นโรคเริมมาก่อน หรือมีอาการของโรคอยู่ ควรแจ้งให้คุณหมอที่ดูแลทราบด้วยนะคะ
ที่มา sites.psu.edu/thaihealth
บทความเกี่ยวข้อง
ลูกโดนหอม เห่ออุ้ม จนติดเชื้อ RSV เชื้อร้ายที่เบบี๋ต้องระวังและแม่ห้ามมองข้าม
ติดเชื้อในกระแสเลือด เรื่องที่แม่ไม่ควรมองข้าม
ล้างมือก่อนจับลูก คำเตือนจากพ่อผู้เกือบสูญเสียลูกสาว
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!