ในหนึ่งวัน เด็ก ๆ ควรได้รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ยิ่งช่วงอายุนี้ ลูกควรได้รับโอเมก้า 3 ที่มี ดีเอชเอ (DHA) ซึ่งเป็นกรดไขมันจำเป็น ที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของสมองและสายตาของลูก โดย DHA 70% นั้นจะช่วยให้ลูกเติบโตและมีพัฒนาการที่ดีสมวัยก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักับดีเอชเอ (DHA) กันก่อน บำรุงสมอง
DHA (Docosahexaenoic Acid) หรือ ดีเอชเอ เป็นกรดไขมันโอเมก้า 3 ชนิดหนึ่งที่จำเป็นต่อร่างกาย โดยเป็นส่วนประกอบของเซลล์ทุกเซลล์ มีหน้าที่สำคัญในการทำงานของระบบประสาทและสมอง ดีเอชเอ (DHA) จึงเป็นสารอาหารสำคัญสำหรับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์และทารก พบมากในปลาทะเล เช่น ปลาทูน่า ปลาแซลมอน และปลาแมคเคอเรล เป็นต้น*
โดยในวันนี้เรามัดรวมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงสมองสำหรับเด็กนำมาเปรียบเทียบกันแบบช็อตต่อช็อตเน้นเฉพาะตัว ดีเอชเอ (DHA) เปรียบเทียบเปอร์เซ็นต์ความเข้มข้นของแต่ละแบรนด์เท่านั้น โดยวัดจากตารางข้างกล่อง และเจาะลึกว่าตัวไหนให้เปอร์เซ็นต์ของดีเอชเอ (DHA) สูงที่สุด ให้เห็นชัดเจนกันไปเลย รวมไปถึง วิตามินที่ช่วยบำรุงสมองให้ลูกด้วย และเราทำตารางเปรียบเทียบมาให้แล้วไปดูกันเล้ย
จากในตารางเปรียบเทียบจะสังเกตเห็นได้ว่าน้ำมันปลาสำหรับเด็กที่มีดีเอชเอ (DHA) สูงที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ก็คือ
อันดับที่ 1 น้ำมันปลาB ให้ดีเอชเอ (DHA) เข้มข้นสูงถึง 175 มก. คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ความเข้มข้นของดีเอชเอ (DHA) สูงถึง 70% และ อีพีเอ (EPA)อีก 25 มก. คิดเป็น10% และมีวิตามินสำหรับเด็กใส่มาให้ด้วย
อันดับที่ 2 คือ DHAจากสาหร่าย ที่ให้ดีเอชเอ (DHA) ปานกลางห่างกับที่ 1 เยอะพอสมควรที่ 94.5 มก. คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ความเข้มข้นของดีเอชเอ (DHA) อยู่ที่ 30%เท่านั้น และอีพีเอ (EPA)47.25 มก. อยู่ที่ 15% และไม่มีวิตามินสำหรับเด็กใส่มาให้ แถมในกล่องเขียนว่าทานได้เด็กตั้งแต่ 5 ขวบขึ้นไป และราคาแพงกว่าทุกแบรนด์
อันดับที่ 3 น้ำมันปลาM ที่ให้ดีเอชเอ (DHA) 65 มก.คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ความเข้มข้นของดีเอชเอ (DHA) อยู่ที่ 13%และ อีพีเอ (EPA) อีก 45 มก. อยู่ที่ 9% มีวิตามินที่สำหรับเด็กมาด้วย
และลำดับสุดท้ายอันดับที่ 4 น้ำมันปลาO ให้ดีเอชเอ(DHA) 60 มก.คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ความเข้มข้นของดีเอชเอ (DHA) อยู่ที่ 12% และ อีพีเอ (EPA)อีก 90 มก. อยู่ 18% มีวิตามินสำหรับเด็ก และราคาถูกที่สุดในกลุ่ม
เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่หลายท่านคงสงสัยว่า ทำไมข้างกล่องผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับเด็กถึงมีคำเตือนระบุไว้ข้างกล่องว่า “เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน” การมีข้อความกำกับแบบนี้มันจะอันตรายไหม วันนี้เราไปหาคำตอบมาให้แล้วจ้า
- เป็นไปตามประกาศ สำนักคณะกรรมการอาหารและยา (อ.ย.)ที่ได้ระบุไว้ว่าในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทุกชนิดต้องมีคำเตือนว่า “เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน”ระบุไว้ที่ข้างกล่อง
- ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร(บางชนิด) อาจมีสารอาหาร/สารอื่น ๆ ที่นอกเหนื่อไปจาก สารอาหารในมื้อปกติ ซึ่งยังไม่มีการทดลอง หรือวิจัยในกลุ่มเด็ก และสตรีมีครรภ์ (เหตุผลด้านความปลอดภัยและจริยธรรม)
- เพื่อความปลอดภัยก่อนทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ควรปรึกษาแพทย์ หรือนักโภชนาการก่อน
เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ที่คุณพ่อคุณแม่ควรพิจารณาหากจะซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีดีเอชเอ(DHA) ให้กับลูก ก็ควรเลือกแบรนด์ที่เขียนฉลากกำกับไว้ข้างกล่องว่า “เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน” เพื่อเป็นสิ่งยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามกฎของสำนักคณะกรรมการอาหารและยา (อ.ย.) อย่างถูกต้อง
สำหรับแบรนด์ไหนที่ขึ้นทะเบียนเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แต่ไม่มีข้อความระบุข้างกล่อง อาจเป็นไปได้ว่า ทางแบรนด์นั้นๆ ไม่ได้ปฏิบัติตามกฏที่อย.ได้ระบุไว้ ทั้งนี้ เพื่อความสบายใจของคุณพ่อคุณแม่ นอกจากจะเลือกคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีคุณภาพแล้วก็ควรเลือกแบรนด์ที่มีการเขียนข้อความกำกับไว้อย่างถูกต้องตามกฏของสำนักคณะกรรมการอาหารและยา(อ.ย.) ที่ได้กำหนดไว้
ดีเอชเอ (DHA) เข้มข้น
เมื่อได้รู้วิธีเลือก น้ำมันปลาที่มีเปอร์เซ็นต์ความเข้มข้นของ ดีเอชเอ (DHA) สูงในแต่ละยี่ห้อ และเกร็ดความรู้เกี่ยวกับคำเตือนข้างกล่องผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไปแล้ว น่าจะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถเลือกน้ำมันปลาที่มีคุณภาพและมีดีเอชเอ (DHA) เข้มข้นสูงเพื่อช่วยเสริมพัฒนาการ บำรุงสมองและสายตาให้กับลูกได้ง่ายยิ่งขึ้น และอย่าลืมการมีสุขภาพที่แข็งแรงควรให้ลูกๆ กินอาหารให้ครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ และเสริมด้วยน้ำมันปลาเพื่อช่วยเสริมพัฒนาการของลูกให้ดียิ่งขึ้น เพื่อลูกพร้อมออกไปผจญภัยในโลกกว้างได้อย่างเต็มที่
ขอบคุณข้อมูลจาก : pobpad
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!