เผลอตวาดลูก ต้องทำยังไง? วิธีก้าวข้ามความโกรธ สู่การเป็นพ่อแม่ที่ใจเย็น

เมื่อพ่อแม่ เผลอตวาดลูก ต้องทำยังไง และจะจัดการกับความโกรธและความเครียดของตัวเองอย่างไร รวมถึงเทคนิคดีๆ ที่ช่วยคุณเลี้ยงลูกโดยไม่ต้องตวาด

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

การเลี้ยงลูกเป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต ไม่มีพ่อแม่คนไหนสมบูรณ์แบบ และทุกคนย่อมเคยพลั้งเผลอตวาดลูก แต่เมื่อรู้ตัวว่าการตวาดส่งผลเสียต่อลูกน้อย เราก็สามารถเรียนรู้ที่จะเป็นพ่อแม่ที่ดีขึ้นได้ บทความนี้จะนำเสนอแนวทางปฏิบัติที่เป็นประโยชน์ เมื่อพ่อแม่ เผลอตวาดลูก ต้องทำยังไง และจะจัดการกับความโกรธและความเครียดอย่างไร รวมถึงเทคนิคเลี้ยงลูกโดยไม่ต้องตวาด

 

ทำไมเราถึงตวาดลูก?

การตวาดลูกเป็นพฤติกรรมที่พ่อแม่หลายคนเคยทำ และมักรู้สึกผิดหลังจากนั้น แต่ทำไมเราถึงเผลอตวาดลูกไปได้? ลองมาทำความเข้าใจสาเหตุที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังพฤติกรรมนี้กันค่ะ

สาเหตุหลักที่ทำให้พ่อแม่ เผลอตวาดลูก

  • ความเครียดสะสม ความเครียดจากการทำงาน การเงิน ปัญหาในครอบครัว หรือความกดดันจากสังคม สามารถส่งผลให้พ่อแม่รู้สึกหงุดหงิดง่าย และเมื่อเผชิญกับพฤติกรรมของลูกที่ไม่ตรงตามที่คาดหวัง ก็อาจระเบิดอารมณ์ออกมา
  • ความเหนื่อยล้า การขาดการพักผ่อน หรือการทำงานหนักเกินไป ทำให้พ่อแม่ขาดพลังงานและความอดทนในการรับมือกับความซุกซนของลูก
  • การขาดทักษะในการจัดการอารมณ์ บางครั้งพ่อแม่ไม่รู้วิธีจัดการกับความโกรธหรือความหงุดหงิด ทำให้ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้
  • การเลียนแบบ พ่อแม่บางคนอาจเลียนแบบพฤติกรรมการเลี้ยงลูกจากพ่อแม่ของตัวเอง หรือจากสภาพแวดล้อมที่เคยเติบโตมา
  • ความคาดหวังที่สูงเกินไป การตั้งความคาดหวังต่อลูกสูงเกินไป ทำให้พ่อแม่รู้สึกผิดหวังง่ายเมื่อลูกไม่ทำตามที่ต้องการ
  • การขาดความเข้าใจในพัฒนาการของเด็ก การไม่เข้าใจว่าเด็กแต่ละวัยมีความสามารถและความต้องการที่แตกต่างกัน ทำให้พ่อแม่รู้สึกหงุดหงิดเมื่อลูกแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับวัย

 

ผลกระทบของการตวาดลูก

การตวาดลูกอาจดูเหมือนเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่รวดเร็ว แต่ผลกระทบที่ตามมาอาจสร้างความเสียหายต่อจิตใจของเด็กมากกว่าที่คิด ลองมาดูกันว่าการตวาดลูกส่งผลกระทบต่อเด็กในด้านต่างๆ อย่างไรบ้าง

ผลกระทบทางอารมณ์

  • ความกลัวและวิตกกังวล เสียงตะโกนที่ดังทำให้เด็กเกิดความกลัวและวิตกกังวล อาจกลัวที่จะทำผิดพลาด กลัวที่จะเข้าใกล้พ่อแม่ และกลัวที่จะแสดงออกถึงความรู้สึกของตัวเอง
  • ความรู้สึกไม่มั่นคง การถูกตวาดบ่อยๆ ทำให้เด็กรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า ไม่สำคัญ และไม่เป็นที่รักของพ่อแม่
  • ความเสียใจและผิดหวัง เด็กอาจรู้สึกเสียใจที่ทำให้พ่อแม่โกรธ และรู้สึกผิดหวังในตัวเอง
  • ความรู้สึกโดดเดี่ยว เด็กอาจรู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยวและไม่มีใครเข้าใจ

ผลกระทบต่อพฤติกรรม

  • ก้าวร้าว เด็กที่ถูกตวาดบ่อยๆ อาจเลียนแบบพฤติกรรมที่เห็นจากพ่อแม่ และแสดงออกถึงความก้าวร้าวทั้งทางวาจาและร่างกาย
  • ดื้อรั้น เด็กอาจพยายามต่อต้านอำนาจของพ่อแม่ เพื่อแสดงออกถึงความไม่พอใจ
  • ขาดความมั่นใจ เด็กอาจขาดความมั่นใจในการตัดสินใจและกลัวที่จะลองทำสิ่งใหม่ๆ
  • ปัญหาในการเข้าสังคม เด็กอาจมีปัญหาในการเข้าสังคมกับเพื่อนๆ เนื่องจากขาดทักษะในการสื่อสารและการควบคุมอารมณ์

ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูก

  • ความสัมพันธ์บอบช้ำ การตวาดลูกบ่อยๆ ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูกบอบช้ำและขาดความไว้วางใจ
  • ระยะห่างทางอารมณ์ เด็กอาจสร้างกำแพงขึ้นมาเพื่อป้องกันตัวเองจากการถูกทำร้ายทางอารมณ์อีก
  • ความยากลำบากในการสื่อสาร เด็กอาจไม่กล้าที่จะเปิดใจและพูดคุยกับพ่อแม่เกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น

ผลกระทบระยะยาว

นอกจากผลกระทบในระยะสั้นแล้ว การตวาดลูกยังส่งผลกระทบในระยะยาวต่อพัฒนาการของเด็กอีกด้วย เช่น

  • ปัญหาสุขภาพจิต เด็กที่ถูกตวาดบ่อยๆ มีแนวโน้มที่จะมีปัญหาสุขภาพจิต เช่น ภาวะซึมเศร้า ภาวะวิตกกังวล หรือโรคความสนใจสั้นเกินไป
  • ความสัมพันธ์ในระยะยาว การถูกเลี้ยงดูด้วยความรุนแรงทางวาจาอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์กับคนอื่นๆ ในอนาคต เช่น เพื่อน คู่ชีวิต หรือลูกของตัวเอง

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เผลอตวาดลูก ต้องทำยังไง?

ในใจลึกๆ ของพ่อแม่นั้นไม่ได้อยากทำร้ายลูก หรือทำให้ลูกเสียใจ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นแล้ว สิ่งสำคัญคือการรู้จักวิธีรับมือและแก้ไขปัญหา เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับลูกน้อย และฟื้นฟูความสัมพันธ์ในครอบครัว

เผลอตวาดลูก ต้องทำยังไง?

1. ระงับอารมณ์ ตั้งสติให้เร็วที่สุด
  • หายใจเข้าออกลึกๆ ช้าๆ ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและใจสงบ
  • นับเลขช้าๆ ตั้งแต่ 1-10 หรือ 20 ช่วยให้เราเบี่ยงเบนความสนใจจากสิ่งที่ทำให้โกรธ
  • หากรู้สึกว่าจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ ลองไปอยู่ในที่ที่เงียบสงบคนเดียวสักครู่
  • ทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย เช่น ฟังเพลง ทำสมาธิ หรือออกกำลังกายเบาๆ
  • ใช้คำพูดภายในที่เป็นบวก บอกกับตัวเองว่า “ฉันสามารถควบคุมอารมณ์นี้ได้” หรือ “ฉันรักลูก
2. ขอโทษลูก
  • บอกลูกตรงๆ ว่า “แม่/พ่อขอโทษที่ตะโกนใส่ลูก”
  • อธิบายให้ลูกฟังว่าทำไมถึงรู้สึกโกรธ แต่ไม่ใช่การโทษลูก
  • บอกลูกว่าคุณเข้าใจความรู้สึกของลูกที่อาจจะรู้สึกกลัวหรือเสียใจ
  • บอกลูกว่าคุณรักลูกเสมอ และจะพยายามควบคุมอารมณ์ให้ดีขึ้นในครั้งต่อไป
  • การขอโทษจะเป็นแบบอย่างให้กับลูกเมื่อทำผิดพลาด
3. ใช้เวลาอยู่กับลูก
  • ทำกิจกรรมที่ลูกชอบร่วมกัน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น
  • เปิดโอกาสให้ลูกได้พูดคุยและระบายความรู้สึก
  • ฟังสิ่งที่ลูกพูดอย่างตั้งใจ โดยไม่ตัดสิน
4. สะท้อนความรู้สึกของลูก
  • บอกลูกว่าคุณเข้าใจว่าเขารู้สึกอย่างไร เช่น “แม่เข้าใจว่าลูกรู้สึกโกรธที่แม่ตะโกนใส่”
  • ย้ำให้ลูกมั่นใจว่าคุณรักลูกเสมอ แสดงความรักต่อลูก ด้วยการกอดหอมและวิธีต่างๆ
5. ให้กำลังใจและให้อภัยตัวเอง
  • ยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบ ไม่มีพ่อแม่คนไหนที่สมบูรณ์แบบ การที่เราเผลอตวาดลูกเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้
  • เมื่อรู้สึกผิดหรือเสียใจ ให้ฝึกสติเพื่อดึงตัวเองกลับมาสู่ปัจจุบัน
  • ให้กำลังใจตัวเอง บอกกับตัวเองว่าคุณกำลังพยายามเป็นพ่อแม่ที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
  • นำประสบการณ์ที่เกิดขึ้นมาปรับปรุงพฤติกรรมในอนาคต
6. ปรับปรุงพฤติกรรมของตัวเอง
  • พยายามหาสาเหตุที่ทำให้เราตวาดลูก เพื่อแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ
  • เรียนรู้เทคนิคการจัดการอารมณ์ และฝึกฝน เช่น การหายใจลึก การทำสมาธิ หรือการออกกำลังกาย
  • หากรู้สึกว่าไม่สามารถจัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

 

วิธีจัดการกับความโกรธ

ก้าวข้ามความโกรธ…สู่การเป็นพ่อแม่ที่ใจเย็น ด้วยเทคนิคต่างๆ ที่จะช่วยให้เราควบคุมอารมณ์และเป็นพ่อแม่ที่ใจเย็นกันนะคะ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เทคนิคการหายใจลึกๆ

การหายใจลึกๆ ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและสมองสงบลง

  • วิธีทำ: หายใจเข้าทางจมูกช้าๆ ลึกๆ เหมือนสูดกลิ่นดอกไม้ แล้วค่อยๆ หายใจออกทางปากช้าๆ เหมือนเป่าเทียน
  • ประโยชน์: ช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจ ลดความดันโลหิต และทำให้จิตใจสงบ

การนับเลข

การนับเลขเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจจากสิ่งที่ทำให้โกรธ และช่วยให้เรามีเวลาตั้งสติ

  • วิธีทำ: นับเลขช้าๆ ตั้งแต่ 1-10 หรือ 20 หรือจะนับถอยหลังก็ได้
  • ประโยชน์: ช่วยให้ใจสงบและคิดได้อย่างมีเหตุผลมากขึ้น

การออกกำลังกาย

การออกกำลังกายช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความสุข ช่วยลดความเครียดและความโกรธ

  • วิธีทำ: เลือกกิจกรรมที่คุณชอบ เช่น วิ่ง เดินเร็ว ปั่นจักรยาน หรือโยคะ
  • ประโยชน์: ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง จิตใจแจ่มใส และอารมณ์ดีขึ้น

การพูดคุยกับคนใกล้ชิด

การพูดคุยกับคนที่ไว้ใจจะช่วยให้เราได้ระบายความรู้สึกและได้รับกำลังใจ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  • วิธีทำ: เลือกคนที่คุณรู้สึกสบายใจที่จะพูดคุยด้วย อาจจะเป็นคู่ชีวิต เพื่อนสนิท หรือญาติ
  • ประโยชน์: ช่วยให้มองเห็นปัญหาในมุมที่กว้างขึ้น และได้รับคำแนะนำที่ดี

ควรฝึกฝนเทคนิคเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ เมื่อเกิดความโกรธขึ้นมา ให้ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ดูนะคะ คุณพ่อคุณแม่จะค่อยๆ เห็นการเปลี่ยนแปลงในตัวเองและความสัมพันธ์กับลูกที่ดีขึ้น

 

เทคนิคการเลี้ยงลูกโดยไม่ต้องตวาด

การตวาดลูกอาจเป็นปฏิกิริยาตอบสนองที่เกิดขึ้นได้ในบางครั้ง แต่การเลี้ยงลูกโดยไม่ต้องตวาดนั้นเป็นไปได้ และยังส่งผลดีต่อพัฒนาการของลูกในระยะยาวอีกด้วย มาดูเทคนิคต่างๆ ที่จะช่วยให้เราป็นพ่อแม่ที่ใจเย็นและเลี้ยงลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพกันค่ะ

เทคนิคการเลี้ยงลูกโดยไม่ต้องตวาด

1. พยายามหาสาเหตุที่ทำให้โกรธ
  • ทำความเข้าใจตัวเอง พยายามสังเกตว่าอะไรคือปัจจัยกระตุ้นให้เรารู้สึกโกรธ เช่น ความเหนื่อยล้า ความเครียด หรือความคาดหวังที่สูงเกินไป
  • แก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ เมื่อรู้สาเหตุแล้ว ให้พยายามหาทางแก้ไข เช่น หาเวลาพักผ่อนให้เพียงพอ หรือปรับเปลี่ยนความคาดหวังที่มีต่อลูก
2. สื่อสารอย่างเปิดใจ
  • ฟังลูกอย่างตั้งใจ ให้เวลาลูกได้พูดคุยและแสดงความคิดเห็น
  • ใช้คำพูดที่สุภาพพูดคุยกับลูกด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและใช้คำพูดที่เข้าใจง่าย
  • ถามคำถามปลายเปิด เช่น “ลูกรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้” เพื่อให้ลูกได้เล่าเรื่องราวของตัวเอง
  • แสดงความเข้าใจ แสดงให้ลูกเห็นว่าเราข้าใจความรู้สึกของเขา
3. ตั้งกฎที่ชัดเจน
  • ร่วมกันตั้งกฎ ชวนลูกมาร่วมกันตั้งกฎในบ้าน เพื่อให้ลูกรู้สึกมีส่วนร่วมและรับผิดชอบ
  • อธิบายเหตุผล อธิบายให้ลูกเข้าใจว่าทำไมต้องมีกฎ และกฎเหล่านั้นสำคัญอย่างไร
  • สอดคล้องกับวัย กฎที่ตั้งขึ้นควรเหมาะสมกับวัยและพัฒนาการของลูก
4. ให้รางวัลเมื่อลูกทำดี
  • ชื่นชม ชื่นชมลูกเมื่อทำสิ่งที่ดี
  • ให้รางวัล ให้รางวัลตามความเหมาะสม เช่น การใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกัน
  • สร้างแรงบันดาลใจ การให้รางวัลจะช่วยให้ลูกมีความมั่นใจและอยากทำดีต่อไป
5. ให้โอกาสลูกได้แก้ไขความผิดพลาด
  • มองข้ามความผิดพลาดเล็กน้อย อย่าตำหนิลูกมากเกินไปเมื่อทำผิดพลาด
  • สอนให้ลูกเรียนรู้จากความผิดพลาด ช่วยให้ลูกเข้าใจว่าความผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้
  • ให้โอกาสแก้ไข ให้โอกาสลูกได้แก้ไขความผิดพลาด

 

การเลี้ยงลูกเป็นศิลปะที่ต้องใช้ทั้งความรัก ความอดทน และความเข้าใจ เผลอตวาดลูก อาจส่งผลกระทบต่อจิตใจของลูกในระยะยาว ดังนั้น การเลี้ยงลูกด้วยความรักและความเข้าใจจะช่วยให้ลูกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุขและเป็นประโยชน์ต่อสังคมค่ะ

ที่มา : เพจพี่กัลนมแม่ , nurtureandthriveblog

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ลูกคนเดียว ต้องเลี้ยงยังไง? ข้อควรระวัง เมื่อต้องเลี้ยงลูกคนเดียว!

5 ขั้นตอน สอนลูกให้ปกป้องตัวเอง รับมือได้ ไม่ตกเป็นเหยื่อ เมื่อถูกรังแก

ปักหมุด! 10 มารยาทที่พ่อแม่ต้องสอนลูก สร้างนิสัยที่ดีในการเข้าสังคม

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา