ตรวจครรภ์ตอนไหน ? หนึ่งปัญหาที่หลายคนยังคงสงสัยและยังต้องการหาคำตอบที่แน่ชัดว่าควรตรวจครรภ์ตอนไหนถึงจะเหมาะสมและเห็นผลลัพธ์ได้แม่นยำมากที่สุด เนื่องจากมีหลายข้อมูลที่ระบุไว้ว่าควรตรวจครรภ์ตอนเช้าจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด เพราะหากตรวจตอนเย็นแล้วผลลัพธ์จะคลาดเคลื่อน บ้างก็ว่าตรวจตอนเย็นจะได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำมากกว่าตอนเช้า ซึ่งเหล่าคุณแม่มือใหม่ยังหาคำตอบที่แน่ชัดไม่ได้สักที
แต่เมื่อไหร่ที่คุณแม่มีความต้องการอยากรู้คำตอบว่าตัวเองตั้งครรภ์หรือไม่ สามารถตรวจสอบด้วยตัวเองจากชุดอุปกรณ์ตรวจครรภ์ที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาหรือท้องตลาดทั่วไป ซึ่งก็ประกอบไปด้วยแบรนด์มากมายหลายชนิดที่ให้ผลความแม่นยำมากถึง 90% ทีนี้เรามาดูกันว่าปัญหาที่หลายคนยังสงสัยว่าควรตรวจครรภ์ช่วงเวลาไหนดีที่จะได้ผลลัพธ์แม่นยำที่สุด วันนี้เรามาหาคำตอบไปพร้อมกันกับบทความนี้ได้เลย

ตรวจครรภ์ตอนเช้ากับตอนเย็น ผลลัพธ์แตกต่างกันหรือไม่ ?
เป็นหนึ่งปัญหาที่เหล่าคุณแม่คงเคยได้ยินจากคำบอกเล่าต่อๆ กันมาว่า เมื่อไหร่ที่ถึงเวลาตรวจครรภ์ควรตรวจในช่วงเวลาตอนเช้าจะดีกว่าตรวจตอนเย็น ซึ่งแท้จริงแล้วการตรวจครรภ์ไม่ว่าจะเป็นตอนเช้าหรือตอนเย็นนั้นไม่มีผลเท่าไหร่นัก เนื่องจากผู้หญิงที่ตั้งครรภ์จะมีฮอร์โมนชื่อว่า HCG หรือชื่อเต็มว่า Human Chorionic Gonadotropin และเรียกให้เข้าใจง่ายๆ ว่า คือ ฮอร์โมนของผู้ตั้งครรภ์ โดยฮอร์โมนนี้จะเกิดขึ้นเฉพาะตอนที่ผู้หญิงตั้งครรภ์เท่านั้น เพราะส่วนประกอบสำคัญนั้นมาจากเซลล์ของทารกที่จะถูกผลิตหลังจากอสุจิและไข่เกิดการปฏิสนธิเป็นตัวอ่อนได้ประมาณ 11-14 วัน
ถ้าหากรู้สึกเริ่มสงสัยกับตัวเองแล้วว่าเราตั้งครรภ์หรือไม่ และได้ทำการตรวจในช่วงหลัง 7 วัน จากการเริ่มตั้งครรภ์ ถึงตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นการตรวจครรภ์ในตอนเช้าหรือตอนเย็น ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะออกมาเหมือนเดิมนั่นเอง เพียงแต่ว่าในตอนเช้าร่างกายมีความตื่นตัวจึงทำให้มีระดับฮอร์โมน HCG ที่เข้มข้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าในช่วงเย็นระดับฮอร์โมน HCG จะต่ำลงจนตรวจไม่พบ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการตรวจครรภ์ในช่วงตอนเช้า กลางวัน หรือตอนเย็น ก็สามารถทำได้แล้วแต่ความสะดวกของผู้ตรวจเอง โดยมีข้อควรระวังในขั้นตอนการตรวจที่ต้องตรวจทันทีเมื่อปัสสาวะเสร็จแล้ว ไม่ควรปล่อยให้ปัสสาวะโดนอากาศ เพราะมิฉะนั้นอาจส่งผลทำให้ผลตรวจครรภ์คลาดเคลื่อนได้
ที่สำคัญเมื่อหากพบว่าประจำเดือนขาด ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้วยการทดสอบการตรวจด้วยปัสสาวะจะให้ผลลัพธ์ที่มีความแม่นยำมากที่สุดประมาณ 1 สัปดาห์ หลังจากที่ประจำเดือนขาด โดยยังสามารถตรวจได้ตั้งแต่ 6 วันแรก หลังจากที่มีการปฏิสนธิ เนื่องจากช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงที่ฮอร์โมนมีระดับที่เพียงพอในการตรวจพบและทราบผลได้อย่างชัดเจน
ช่วงเวลาอ่านผลตรวจครรภ์ที่ชัดเจนที่สุด
การอ่านผลตรวจครรภ์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำมากที่สุดควรทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที โดยที่ตรวจครรภ์แต่ละชนิดก็จะใช้ช่วงเวลาในการอ่านผลที่แตกต่างกันออกไป มีทั้งใช้เวลาเพียง 1 นาที ในการอ่านผล แต่ข้อแนะนำที่ดีที่สุดคือช่วงเวลา 3-5 นาที ซึ่งหากเลยเวลาหลังจากนี้เป็นต้นไปอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาอื่นๆ ที่ส่งผลทำให้คลาดเคลื่อนได้นั่นเอง แล้วที่ตรวจครรภ์มีลักษณะการทำงานแบบไหน แล้วมีกี่ประเภทที่เลือกใช้กัน วันนี้เราจะพาทุกคนมาหาคำตอบไปพร้อมกัน
บทความที่น่าสนใจ : ตรวจครรภ์ตอนไหน ตรวจครรภ์ได้เมื่อไหร่ จะรู้ได้ไงว่าท้อง ตรวจตั้งครรภ์ตอนไหนดี

ที่ตรวจครรภ์ คืออะไร ?
ชุดตรวจสอบการตั้งครรภ์ (Pregnancy Test) คืออุปกรณ์ตรวจสอบภาวะการตั้งครรภ์ที่สามารถใช้งานตรวจสอบได้ด้วยตัวเองและหาซื้อได้ง่ายตามร้านขายยาทั่วไป โดยหัวใจหลักในการทำงานของที่ตรวจครรภ์คือ การหาฮอร์โมน HCG (Human Chorionic Gonadotropin) เรียกให้เข้าใจง่ายๆ ว่า คือ ฮอร์โมนของผู้ตั้งครรภ์ที่จะเริ่มสร้างขึ้นหลังจากที่เกิดการปฏิสนธิได้ 6 วัน และจะมีปริมาณสูงมากในช่วง 8-12 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์
ที่ตรวจครรภ์ มีกี่แบบ ?
โดยทั่วไปแล้วที่ตรวจครรภ์จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ การตรวจครรภ์จากเลือดที่ต้องทำโดยแพทย์เท่านั้น การตรวจในลักษณะนี้จะรู้ผลได้ตั้งแต่ระยะแรกของการตั้งครรภ์หลังจากเกิดการปฏิสนธิ 6-8 วัน และอีกประเภทคือการตรวจจากปัสสาวะที่นิยมใช้งานกันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากเป็นการตรวจที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองที่บ้านแบบง่ายๆ และให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำเมื่อใช้งานอย่างถูกวิธี

ประเภทของที่ตรวจครรภ์
การตรวจครรภ์จากปัสสาวะ สามารถทำการตรวจที่บ้านด้วยตนเองอย่างสะดวกสบาย ซึ่งในปัจจุบันได้มีที่ตรวจครรภ์มากมายหลากหลายชนิดที่ถูกออกแบบมาเพื่อหาวิธีการตรวจที่แตกต่างกันออกไป แต่ก็ยังให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำได้เช่นเดียวกัน วันนี้เราจะพามาทำความรู้จักกันว่าที่ตรวจครรภ์มีกี่แบบและแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
1. ที่ตรวจครรภ์แบบหยด (Pregnancy Test Cassette)
เริ่มต้นกันแบบแรกกับ ที่ตรวจครรภ์แบบหยด หรือ Pregnancy Test Cassette สามารถทำการตรวจด้วยตนเองง่ายๆ ได้ที่บ้าน เป็นที่ตรวจที่ให้ความแม่นยำสูงกว่า 99% และสามารถรู้ผลได้รวดเร็วใช้เวลาเพียง 1 นาที เท่านั้น ตรวจด้วยตนเองได้ทุกช่วงเวลาและตรวจได้ 3 วันก่อนที่ประจำเดือนจะมา
2. ที่ตรวจครรภ์แบบจุ่ม (Pregnancy Test Strip)
ต่อมากับ ที่ตรวจครรภ์แบบจุ่ม เป็นที่ตรวจครรภ์ที่เหล่าคุณแม่สามารถทำการตรวจด้วยตนเองอย่างสะดวกสบายและรับรู้ผลได้อย่างรวดเร็ว สามารถตรวจได้หลังจากมีเพศสัมพันธ์มาแล้ว 7 วัน และตรวจได้แม้ว่าจะมีปริมาณฮอร์โมน HCG น้อย ทั้งนี้ความแม่นยำจะขึ้นอยู่กับปริมาณฮอร์โมนของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตนเองควรตรวจซ้ำอีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไปแล้ว 2-3 วัน
3. ที่ตรวจครรภ์แบบดิจิทัล (Digital Pregnancy Test)
ที่ตรวจครรภ์แบบที่ 3 จะเป็นที่ตรวจครรภ์แบบดิจิทัล Digital Pregnancy Test คืออุปกรณ์ตรวจครรภ์แบบดิจิทัลที่สามารถตรวจด้วยตัวเองได้ที่บ้าน รวมถึงยังให้ผลตรวจที่รวดเร็วและมอบความสะดวกสบายที่ตอบโจทย์ต่อการใช้งานอย่างที่สุด อีกทั้งยังสามารถตรวจในช่วงเวลาใดก็ได้และรู้ผลได้ไวก่อนที่รอบเดือนจะมา 5 วัน
4. ที่ตรวจครรภ์แบบแท่ง (Pregnancy Midstream Test)
ลำดับต่อมาเป็นที่ตรวจครรภ์แบบแท่งที่สามารถใช้งานและตรวจด้วยตนเองที่บ้านได้อย่างง่ายและสะดวกสบาย โดยให้ความแม่นยำสูงถึง 99% มาพร้อมคู่มือและวิธีแปลผล สามารถตรวจได้ทุกเวลาและยังตรวจได้ทันทีหลังจากที่ประจำเดือนขาดไปเพียง 1 วัน เท่านั้น
5. ที่ตรวจครรภ์แบบปัสสาวะผ่าน (HCG Pregnancy Test)
ปิดท้ายกันด้วยที่ตรวจครรภ์แบบปัสสาวะผ่านที่สามารถตรวจด้วยตนเองได้ง่ายๆ รับรู้ผลได้อย่างรวดเร็วและมีความแม่นยำสูง เริ่มตรวจได้ทันทีนับตั้งแต่ประจำเดือนขาดวันแรก ซึ่งตรวจได้ทุกเวลาและเพื่อความแน่ชัดหลังตรวจควรทิ้งไว้สัก 1 นาที

เมื่อรู้ว่าตั้งครรภ์ ควรทำอย่างไรต่อ ?
หลังจากที่ได้ทราบกันไปแล้วว่าที่ตรวจครรภ์แต่ละชนิดแต่ละประเภทมีความแตกต่างกันอย่างไร โดยผู้ใช้สามารถเลือกซื้อได้ตามความสะดวกและความตอบโจทย์การใช้งานต่อตนเองได้อย่างดีที่สุด แล้วหลังจากนี้ถ้าหากว่าผลตรวจขึ้นสองขีดแล้วเราควรจะทำตัวและปฏิบัติอย่างไร วันนี้เราจะมาแนะนำสิ่งที่จำเป็นต้องทำเมื่อรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ต้องทำอย่างไรบ้าง
- สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อคุณแม่รู้ว่าตนเองตั้งครรภ์คือการ ฝากครรภ์ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมต่อร่างกายของคุณและเป็นการตรวจสุขภาพเพื่อดูความผิดปกติที่อาจส่งผลต่อเด็กก็เป็นได้
- ต่อมาคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ซึ่งบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ดีต่อสุขภาพและร่างกายของคนเป็นแม่ก็ต้องถูกหลีกเลี่ยงและงดกระทำออกไป เนื่องจากตอนนี้เราได้มีอีกหนึ่งชีวิตที่เกิดขึ้นมาและกำลังอยู่ในร่างกายของเราจึงต้องให้ความใส่ใจและดูแลมากเป็นพิเศษ
- ควรระมัดระวังและหลีกเลี่ยงเรื่องแรงกระแทกต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการกระโดด การวิ่ง การเดินเร็ว หรือแม้แต่การเดินขึ้นลงบันไดอย่างรวดเร็ว เพราะจะส่งผลกระทบต่อเด็กในท้อง
- หลีกเลี่ยงสิ่งที่ก่อให้เกิดความเครียด เนื่องจากความเครียดส่งผลเสียต่อสุขภาพของเด็กได้ทั้งร่างกายและจิตใจ เมื่อร่างกายผลิตฮอร์โมนที่ก่อให้เกิดความเครียดออกมาเป็นจำนวนมากจะทำให้เลือดไม่ไปหล่อเลี้ยงมดลูกได้เพียงพอและในกรณีขั้นร้ายแรงสามารถเกิดอันตรายของชีวิตเด็กเลยก็ว่าได้
- ควรพักผ่อนให้เพียงพอและมีความใจเย็นให้มากขึ้น เพราะเมื่อคุณแม่นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอและมีแต่รอยยิ้มเสียงหัวเราะและความสุขก็จะส่งผลต่อพัฒนาการการเจริญเติบโตของเด็กได้เป็นอย่างดี
- ใช้เวลาศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์เพื่อเข้าใจในการเตรียมความพร้อมการรับมือและรับรู้บริบทของความเป็นแม่ให้มากขึ้น
สำหรับคุณแม่มือใหม่หรือคนที่กำลังตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการ ตรวจครรภ์ตอนไหน ที่จะให้ผลลัพธ์แม่นยำมากที่สุด ณ ตอนนี้ก็คงจะได้คำตอบกันไปแล้วว่าแท้จริงแล้วไม่ว่าเราจะตรวจครรภ์ตอนเช้า กลางวัน หรือตอนเย็น ก็จะได้ผลลัพธ์ออกมาไม่ต่างกันเลย เพียงแต่ว่าในช่วงเช้าร่างกายของเราจะมีปริมาณฮอร์โมน HCG ที่เข้มข้นมากกว่าช่วงเวลาอื่นๆ ดังนั้นไม่ว่าเหล่าคุณแม่จะตรวจครรภ์เวลาไหนก็จะได้ทราบผลที่ชัดเจนอย่างแน่นอน
บทความที่น่าสนใจ :
ฝากครรภ์ที่ไหนดี 2566 ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง มีขั้นตอนอย่างไร ?
ตรวจครรภ์เร็วสุดกี่วัน กี่วันจะรู้ว่าท้อง ท้องกี่สัปดาห์ถึงใช้ที่ตรวจครรภ์ได้
รวม 10 ที่ตรวจครรภ์ ซื้อ ที่ตรวจครรภ์แบบไหนดี ตรวจแม่น ผิดพลาดน้อย!
ที่มา : 1, 2, 3
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!