สิวหัวดำคืออะไร? สิวหัวดำเกิดจากอะไร แล้วมีการรักษาอย่างไรบ้าง?

สิวหัวดำ คืออะไร หลาย ๆ คนกำลังกังวลอยู่ใช่ไหมว่า สิวหัวดำคืออะไร แล้วสิวหัวดำเกิดจากอะไร วันนี้ทางเราเลยเอาข้อมูลเกี่ยวกับสิวหัวดำมาให้ดูกัน มาดูกันเลย!!

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

หลาย ๆ คนคงสงสัยใช่ไหมว่า จริง ๆ แล้วสิวหัวดำเกิดขึ้นเพราะอะไร และสิวหัวดำเมื่อเกิดขึ้นแล้วมีวิธีรักษาอย่างไร วันนี้ทางเราเลยเอาข้อมูลเกี่ยวกับ สิวหัวดำ มาให้ได้ดูกัน ว่าจริง ๆ แล้วนั้น สิวหัวดำเกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร แล้วจะมีวิธีป้องกันสิวหัวดำอย่างไร มาดูกันเลย

 

สิวหัวดำ คืออะไร?

สิวหัวดำ คือ สิวที่มีขานดเล็กที่ได้เกิดจากการอุดตันในรูขุมขน จากการอุดตันของขน เนื้อเยื่อ และไขมันภายในรูขุมขนจะทำปฏิกิริยา กับสารเมลานิน หรือเรียกว่าเม็ดสีที่เซลล์ผิวหนัง ทำให้เปลี่ยนเป็นสีดำบนผิวหนังของคุณ ซึ่งสามารถพบได้มากบิเวณหน้าผาก และคาง หรือที่จมูก เพราะเป็นบริเวณที่มีรูขุมขนนั้น กระจุกตัวรวมกันอยู่เป็นจำนวนมาก

บทความที่เกี่ยวข้อง : เป็นสิวอักเสบ อาการสิวอักเสบเป็นอย่างไร? แล้วมีวิธีรักษาสิวอักเสบอย่างไร?

 

สิวหัวดำเกิดจากอะไร?

สิวหัวดำนั้น จะเกิดขึ้นเมื่อผิวของคุณนั้นเกิดการอุดตัน รูขุมขนแต่ละอันนั้นจะมีขนหนึ่งเส้น และต่อมไขมันจะผลิตน้ำมัน น้ำมันนี้จะเรียกว่า ซีบัม ( sebum ) ซึ่งจะช่วยให้ผิวของคุณนั้นอ่อนนุ่มขึ้น เซลล์ผิวที่ได้ตายไปแล้ว และน้ำมันจะสะสมอยู่ที่รูขุมขนของผิวหนัง ทำให้เกิดตุ่มที่เรียกว่า comedo ซึ่งก็คือสิวหัวดำนั้นเองปัจจัยบางอย่างสามารถเพิ่มโอกาสในการเกิดสิว และสิวหัวดำ ได้แก่

  • มีการผลิตน้ำมันในร่างกายมากเกินไป
  • การสะสมของแบคทีเรีย Propionibacterium Acnes บนผิวหนัง
  • การระคายเคืองของรูขุมขนเมื่อเซลล์ผิวที่ตายแล้วไม่หลลุดออกมา
  • ผ่านการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่ทำให้การผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในช่วงวัยรุ่น ระหว่างมีประจำเดือน หรือขณะรับประทานยาคุมกำเนิด
  • การใช้ยาบางชนิด เช่น คอร์ติโคสเตียรอยด์ลิเธียม หรือแอนโดรเจน

บางคนนั้น อาจจะเชื่อว่าสิ่งที่คุณกิน หรือดื่มเข้าไปนั้น สามารถส่งผลต่อการเกิดสิวได้ ผลิตภัณฑ์จากนม และอาหารที่เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด เช่นคาร์โบไฮเดรต อาจมีส่วนในการกระตุ้นให้เกิดสิว แต่นักวิจัยไม่เชื่อว่ามีความเชื่อมโยงกันอย่างมาก

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความที่เกี่ยวข้อง : สิวเสี้ยนเกิดจากอะไร แล้วมี วิธีลดสิวเสี้ยน ได้อย่างไรบ้าง

 

 

สิวหัวดำป้องกันได้อย่างไร?

คุณสามารถป้องกันสิวหัวดำได้ โดยไม่ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก และยังได้ผลในระดับหนึ่งอีกด้วย ได้แก่

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ล้างเป็นประจำ

การล้างหน้าเป็นประจำเมื่อตื่นนอน และก่อนเข้านอนนั้น ก็เพื่อที่จะขจัดคราบน้ำมันที่อยู่บนใบหน้านั้นออกไป แต่การล้างหน้ามากกว่าสองครั้งในแต่ละวันนั้น อาจจะทำให้ผิวของคุณนั้นเกิดการระคายเคืองเอาได้ และยังทำให้สิวนั้นเกิดการแย่ลงไปอีกได้ คุณอาจจะใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ที่มีความอ่อนโยนที่จะไม่ทำให้ผิวของคุณนั้นแดง หรือเกิดการระคายเคืองได้

ใช้ผลิตภัณฑ์ปราศจากน้ำมัน

คุณควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำมัน เนื่องจากถ้าคุณนั้นใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันมาก อาจจะทำให้เกิดสิวหัวดำนั้นขขึ้นมาใหม่ได้

ลองผลิตภัณฑ์ขัดผิว

การสครับผิวหน้า หรือมาสก์ขจัดเซลล์ผิวที่ได้ตายแล้วออกไป จะช่วยลดการเกิดของสิวหัวดำได้ดีขึ้น และคุณควรมองหาผลิตภัณฑ์ขัดผิว หรือมาสก์ที่ไม่ทำให้ผิวของคุณนั้นเกิดการระคายเคือง

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

รักษาสิวหัวดำ อย่างไรให้ได้ผล ?

สิวหัวดำนั้น อาจจะรักษาให้หายเองได้ และไม่ต้องไปรับการรักษาจากแพทย์ เช่น การใช้ยาที่รักษาสิวที่ช่วยในเรื่องการลดสิวอุดตัน และการดูแลผิวหน้าป้องกันการเกิดการอุดตันของรูขุมขน อย่างไรก็ตาม หากว่ามีสิวหัวดำนั้นเกิดซ้ำ ๆ และสิวไม่ตอบสนองต่อการใช้ยาละก็ อาจจะต้องไปพบแพทย์เพื่อที่จะรักษาสิวด้วยวิธีอื่น ๆ

 

เคล็ดลับการดูแลผิวหน้า 

  • ล้างหน้า การล้างหน้าให้สะอาด จะช่วยป้องกันการเกิดสิวหัวดำได้ โดยอาจจะล้างหน้า 2 รอบ
  • ล้างเครื่องลำอางก่อนเข้านอน การที่คุณนั้นไม่ล้างหน้าก่อนเข้านอน หรือคุณนั้นหลับไปพร้อมกับเครื่องสำอางเลย อาจจะทำให้สารเคมีต่าง ๆ ที่คุณนั้นไม่ได้ล้าง อุดตันในรูขุมขน และยังเพิ่มความเสี่ยงของการกิดสิวหัวดำอีกด้วย
  • หลีกเลี่ยงการใช้แผ่นลอกสิวเสี้ยน แม้ว่าการลอกสิวเสี้ยนนั้น อาจจะช่วยเรื่องการกำจัดสิ่งอุดตันในรูขุมขนได้ก็ตาม แต่ก็อาจจะทำให้ผิวของคุณนั้นเกิดความแห้งกร้าน และอาจจะเกิดการระคายเคื่องได้ ซึ่งจะส่งผลให้ต่มไขมันนั้นผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น และยังเกิดการอุดตันของสิวหัวดำมากกว่าเดิมอีกด้วย
  • การขัดผิวหน้า การขัดผ้วหน้านั้นจะช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ได้ตายไปแล้วออกไป และยังช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ทำให้ผิวหน้านั้นมีความสะอาด และกระจ่างใสขึ้น แต่คุณควรที่จะขัดหน้าอาทิตย์ละครั้งพอ เพราะถ้าเกิดขัดหน้าบ่อยอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองได้
  • หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่อุดตันรูขุมขน การหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เกิดการอุดตันของรูขุมขน จะทำให้ไม่สิวอุดตัน และสิวหัวดำขึ้นมาได้

บทความที่เกี่ยวข้อง : 8 เคล็ดลับป้องกันสิว ที่เกิดจากการใส่มาก์ส ทำให้หน้าของเรานั้น กลับมาใส ๆ เนียน ๆ อีกครั้ง

 

สูตรมาส์กหน้าลดสิวหัวดำ

1. สูตรไข่ขาว + มะนาว

สูตรไข่ขาว + มะนาว เป็นสูตรที่ช่วยกระชับในเรื่องของรูขุมขน และช่วยลดความมันบนใบหน้า ไม่ทำให้เกิดสิว ลดสิวเสี้ยน และสิวหัวดำได้ดีมาก ๆ อีกด้วย

วัตถุดิบ

  • ไข่ขาว 1 ฟอง
  • มะนาว 1 ช้อนชา

ขั้นตอนการทำ

  • ขั้นตอนแรก ไข่ไก่มาตอกจากนั้นให้แยกไข่แดงและไข่ขาวออกจากกัน จากนั้นให้นำเฉพาะไข่ขาวมาผสมกับน้ำมะนาว 1 ช้อนชา แล้วทำการผสมให้เข้ากัน
  • เมื่อผสมจนเข้ากันแล้ว ให้นำสำลีมาชุบส่วนผสมให้ชุ่ม จากนั้นให้แปะลงไปที่ใบหน้า
  • เมื่อแปะจนทั่วใบหน้าแล้ว ให้ทิ้งไว้ประมาณ 15 – 20 นาที
  • เมื่อครบตามเวลาที่กำหนดแล้ว ให้ค่อย ๆ ลอกออกแล้วล้างหน้าให้สะอาดด้วยน้ำอุ่นได้เลย

สูตรไข่ขาว + มะนาว สูตรนี้แนะนำให้ใช้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง

 

2. มะขามเปียก + นมสด

สูตรมะขามเปียก + นมสด สามารถช่วยลดสิวอักเสบ สิวผด สิวเสี้ยน หรือสิวอุดตันหัวดำต่าง ๆ ได้ เพราะในน้ำมะขามเปียกนั้นจะมีกรดที่ช่วยในเรื่องของการรักษาสิว ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส และยังช่วยในเรื่องของการลดรอยดำได้อีกด้วย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

วัตถุดิบ 

  • มะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ
  • นมสด 2 ช้อนโต๊ะ

ขั้นตอนการทำ

  • ขั้นตอนแรก ให้นำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ ผสมกับนมสด 2 ช้อนโต๊ะ แล้วผสมให้เข้ากัน
  • เมื่อคนส่วนผสมเข้ากันแล้ว ให้นำมาพอกให้ทั่วใบหน้าได้เลย จากนั้นให้พอกทิ้งไว้ประมาณ 15 – 20 นาที
  • เมื่อพอกจนครบตามเวลาที่กำหนดแล้ว ให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาดได้เลย

สูตรมะขามเปียก + นมสด สูตรนี้แนะนำให้ใช้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

คนท้องเป็นสิว ทำยังไงดี ? มีวิธีรักษาไหม แม่ท้องคนไหน เป็นสิวเข้ามาอ่านกัน

หลุมสิว เกิดจากอะไร สาเหตุ ของการเกิดหลุมสิว พร้อมวิธีรักษา

15 แผ่นแปะสิว ยี่ห้อไหนดี ใช้แล้วสิวแห้ง ยุบไว ไม่ทิ้งรอย

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : 1 , 2 , 3 , 4

บทความโดย

Kittipong Phakklang