ปวดท้องน้อยเรื้อรัง เสี่ยง โรคช็อกโกแลตซีสต์ สัญญาณเตือนที่ผู้หญิงห้ามมองข้าม!

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เคยไหมคะ ที่คุณผู้หญิงอาจมีอาการรู้สึกปวดท้องประจำเดือนรุนแรงจนทนไม่ไหว? หรือรู้สึกเจ็บจี๊ด ๆ บริเวณท้องน้อยเวลาที่มีเพศสัมพันธ์? ระวัง! เพราะอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเตือนของ ช็อกโกแลตซีสต์ หรือ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ที่ส่งผลต่อสุขภาพและการมีบุตรของผู้หญิง วันนี้ทาง theAsianparent จะพามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ โรคช็อกโกแลตซีสต์ และสัญญาณเตือนอะไรบ้างที่ผู้หญิงทุกคนไม่ควรมองข้ามไป!

รู้จักกับ โรคช็อกโกแลตซีสต์

โรคช็อกโกแลตซีสต์ (Chocolate Cyst) หรือ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) คือ ถุงน้ำในรังไข่ชนิดหนึ่ง ที่เกิดจากเซลล์เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ และเมื่อถึงเวลาประจำเดือน เลือดจะไหลเข้าสู่ถุงน้ำ แต่ไม่สามารถไหลออกได้ จึงเกิดการสะสมและตกค้าง กลายเป็นซีสต์ โดยจะมีของเหลวลักษณะเหนียวข้น คล้ายช็อกโกแลตอยู่ภายใน 

 

4 สัญญาณเตือนอันตราย โรคช็อกโกแลตซีสต์ ผู้หญิงห้ามมองข้าม!

อ้างอิงจาก ผศ.นพ.ณัฐวุฒิ กันตถาวร ผู้ช่วยคณบดีวิทยาลัยแพทยศาสตร์ศรีสวางควัฒน ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และหัวหน้าศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ การปวดท้องน้อย เป็นอาการที่พบได้บ่อยในผู้หญิง เกิดจากหลายสาเหตุ ถึงแม้สาเหตุที่แท้จริงของโรค เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ จะยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด และยังไม่มีวิธีป้องกันที่ชัดเจน แต่หากละเลย อาจนำไปสู่โรคร้ายแรงอย่างซึ่งมีความสัมพันธ์กับ มะเร็งรังไข่ ได้อีกด้วย

ซึ่งทาง พญ.กตัญญุตา นาคปลัด แพทย์เฉพาะทางสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา และเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ได้อธิบายเพิ่มว่า โรค “เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่” พบได้บ่อยในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ ประมาณ 1 ใน 10 คน และอาจสูงถึง 5 ใน 10 ของผู้หญิงที่มีอาการปวดประจำเดือน

และถึงแม้ว่า ความรุนแรงของอาการมีหลายระดับ บางคนอาจรู้สึกปวดท้องน้อยเล็กน้อย บางคนอาจปวดรุนแรงจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ผู้หญิงหลายคนมักมองข้ามสัญญาณเตือนเหล่านี้ เพราะคิดว่าเป็นอาการปวดท้องประจำเดือนปกติ แต่ความจริงแล้ว เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ นั้นเป็นโรคร้ายแรง

 

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

เพราะฉะนั้นการรณรงค์ให้ความรู้ สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคนี้ ร่วมกับหลายภาคส่วน เพื่อผู้หญิงทุกวัย จึงเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งนี้ทาง  ผศ.นพ.ณัฐวุฒิ แนะนำให้ผู้หญิงสังเกตอาการตัวเอง หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบพบสูตินรีแพทย์ทันที 

1) มีอาการปวดท้องประจำเดือนที่มากกว่าปกติ

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

มีอาการปวดท้องทุกครั้งขณะมีประจำเดือนและมักมีอาการปวดรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในรอบเดือนอื่น ๆ

2) ปวดขณะมีเพศสัมพันธ์

รู้สึกมีอาการเจ็บลึก ๆ ระหว่างหรือหลังมีเพศสัมพันธ์ 

3) ปวดอุ้งเชิงกราน

มีอาการปวดขณะไม่มีประจำเดือน และมีอาการปวดเรื้อรังผิดปกติ 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

4) ประสบภาวะมีบุตรยาก

เพราะโรคนี้ทำให้เกิดพังผืดในอุ้งเชิงกราน จึงทำให้พังผืดอาจไปอุดตันท่อนำไข่ ส่งผลต่อการมีบุตรตามธรรมชาติ

บทความที่เกี่ยวข้อง: ซีสต์ระหว่างตั้งครรภ์อันตรายไหม ตรวจเจอซีสต์ตอนท้อง ผ่าพร้อมลูกได้หรือเปล่า

 

แนวทางการรักษา ช็อกโกแลตซีสต์

สำหรับวิธีการรักษาช็อกโกแลตซีสต์  มี 3 แนวทางด้วยกัน คือ การกินยา การผ่าตัด และการรักษาร่วมกัน 

1) การกินยา

 

 

แพทย์จะเลือกวิธีนี้สำหรับผู้ที่มีอาการไม่รุนแรง โดยจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มยา โดยการใช้ยาแก้ปวดและยาฮอร์โมน

  • ยาแก้ปวดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์: มีส่วนช่วยในการบรรเทาอาการปวดท้องน้อยหรือปวดระหว่างมีรอบเดือนที่ไม่รุนแรง เช่น ยาไอบรูโปรเฟน (Ibuprofen) และ ยานาพรอกเซน (Naproxen) ที่มักเป็นที่นิยมใช้ในการรักษา
  • ยาฮอร์โมนเพศหญิง: ใช้รักษาในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการปวดมากและไม่ได้วางแผนตั้งครรภ์ในช่วงเร็ว ๆ นี้ เพราะตัวยาจะเข้าไปช่วยในการเพิ่มหรือลดของระดับฮอร์โมนในช่วงรอบเดือนนั้น และช่วยลดขนาดซีสต์ได้บ้าง ซึ่งผู้ป่วยบางรายอาจต้องใช้ยาเป็นระยะเวลาประมาณ 3-6 เดือนตาม อย่างไรก็ตามหากผู้ป่วยได้หยุดใช้ยา อาการเหล่านี้อาจกลับมาได้อีก ซึ่งตัวอย่างยาที่มักนำมาใช้บ่อย ๆ ในการรักษา คือ ยาคุมกำเนิดรูปแบบต่าง ๆ ยากลุ่มฮอร์โมนโกนาโดโทรปิน รีลิสซิ่ง (Gonadotropin Releasing Hormone: GnRH) ยาฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progestin Therapy) และ ยาดานาซอล (Danazol)

 

2) การผ่าตัด

สำหรับผู้ป่วยที่มีซีสต์ขนาดใหญ่เกิน 4 เซนติเมตร จะต้องรักษาด้วยการผ่าตัด ปัจจุบันนิยมใช้การผ่าตัดส่องกล้อง แผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

3) การรักษาร่วมกัน

แพทย์อาจพิจารณาใช้ยาควบคู่กับการผ่าตัด ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและขนาดของซีสต์

 

โรคช็อกโกแลตซีสต์ ทำให้มีบุตรยากหรือไม่?

พญ.กตัญญุตา ยังได้อธิบายเพิ่มเติมว่า โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ อาจส่งผลต่อการมีบุตรยาก ซึ่งแพทย์จะพิจารณาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลได้

 

 

โดยวิธีการรักษาจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคและความต้องการมีบุตร ดังนี้

  • การกระตุ้นรังไข่: ช่วยให้รังไข่ผลิตไข่จำนวนมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะมีบุตรยากไม่มาก
  • การใช้วิธีปฏิสนธินอกร่างกาย (IVF): เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะท่อนำไข่ตัน หรือมีปัญหาเกี่ยวกับไข่
  • การทำเด็กหลอดแก้ว (ICSI): เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะมีบุตรยากรุนแรง

ในปัจจุบันนี้ เรามีเทคโนโลยีช่วยในการเจริญพันธุ์สำหรับผู้หญิงที่เป็น โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ โดยประมาณ 80-90% สามารถมีบุตรได้หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที

 

แม้สาเหตุที่แท้จริงของโรค ช็อกโกแลตซีสต์ ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด และยังไม่มีวิธีป้องกันที่ชัดเจน แต่ผู้หญิงทุกคนควรตระหนักถึงโรคนี้ หากมีอาการปวดท้องน้อยรุนแรงและต่อเนื่อง ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต ควรรีบปรึกษาแพทย์ แม้ไม่มีอาการ แพทย์ก็แนะนำให้ตรวจคัดกรองด้วยการตรวจภายในเป็นประจำทุกปี เพราะการตรวจคัดกรองจะช่วยค้นพบ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ มะเร็งปากมดลูก และโรคอื่น ๆ ได้อย่างทันท่วงทีค่ะ

 

ที่มา: Thairath, Pobpad, Samitivej

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:

ประจำเดือนไม่มา ท้องหรือเปล่า สาเหตุที่ประจําเดือนไม่มา คืออะไร

ปวดท้องประจำเดือน เป็น ๆ หาย ๆ ใครว่าไม่อันตราย!

สัญญาณเตือนโรคอันตราย บอกได้จากประจำเดือน แม่ต้องสังเกต

บทความโดย

samita