ผลชันสูตร เด็ก 2 ขวบข้าวเหนียวติดคอ พ่อแม่ควรทำอย่างไร เมื่ออาหารติดคอลูก

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ในปัจจุบันคงจะมีคุณพ่อ คุณแม่หลายคน ที่มักจะไม่ค่อยมีเวลาในการดูแลลูกด้วยตัวเอง เพราะด้วยความที่ต้องออกไปทำงานในทุก ๆ วัน จึงส่งผลทำให้คุณพ่อ คุณแม่หลายคนเลือกที่จะให้คุณปู่ คุณย่าดูแล หรือกระทั่งจ้างพี่เลี้ยงในการดูแล แต่ด้วยบางครอบครัว อาจจะเป็นครอบครัวขนาดเล็ก หรือเป็นครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว และไม่มีกำลังทรัพย์ หรือเงินทุนที่มากมาย อาจจะต้องฝากบ้านข้าง ๆ เลี้ยงดูลูก ขณะที่ตัวเองออกไปทำงาน ซึ่งหลายครั้งเรามักจะเห็นข่าวการทำร้ายร่างกายเด็ก จากการฝากเลี้ยง ดังเช่นในกรณีนี้ ผลชันสูตร เด็ก 2 ขวบข้าวเหนียวติดคอ พ่อแม่ควรทำอย่างไร เมื่ออาหารติดคอ

 

สุดสลด ศพเด็กวัย 2 ขวบยัดตู้เย็น อ้างสำลักข้าวเหนียว

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุพบศพเด็กผู้ชายวัย 2 ขวบ ถูกพันด้วยผ้าห่มใส่ถุงผ้า แล้วยัดไว้ในตู้เย็น ที่บ้านในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง โดยภายในตู้เย็นพบศพเด็กชายอายุประมาณ 2 ขวบ ถูกพันด้วยผ้าห่มใส่ไว้ในถุงผ้าและยัดตู้เย็นไว้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า น.ส.ก้อย อายุ 25 ปี อยู่กับเด็กก่อนเสียชีวิต โดยอาศัยอยู่กับแฟนหนุ่มเจ้าของบ้าน ซึ่งทั้ง 2 คนรับเด็กมาเลี้ยง เพราะเป็นลูกของเพื่อนสามี ที่ชื่อนายแบงค์ ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน เบื้องต้นทาง น.ส.ก้อยได้ให้การกับทางตำรวจว่า นอนอยู่กับเด็กและเห็นมดขึ้นตา ที่มือและปากมีข้าวเหนียวคาอยู่ ด้วยความตกใจจึงตัดสินใจเอาร่างเด็กยัดใส่ถุงและยัดเข้าตู้เย็นอีกที ซึ่งเกิดตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยในภายหลังมีรายงานว่า ผลชันสูตรศพออกมาแล้ว โดยพบก้อนข้าวเหนียวอุดตันอยู่ในหลอดลมจนเป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิต ส่วนแผลฟกช้ำบริเวณน่องซ้ายขวา และแขนด้านในข้างซ้าย เป็นบาดแผลเก่า ซึ่งผู้เป็นพ่อแท้ ๆ ของเด็ก กล่าวว่า ตนทำงานไม่มีเวลาเลี้ยงลูก นายแบงค์เลยขอลูกตนไปเลี้ยงดูให้ ได้ประมาณ 2 เดือน โดยตนให้เงินนายแบงค์วันละ 500 บาท และไม่เคยเลี้ยงปล่อยละเลย หรือเอาลูกไปไว้ในกรงหมามีเห็บเต็มหัว ตามที่ใครกล่าวอ้าง ตนเห็นนายแบงค์รักเด็กและตนไม่มีเวลาเลยไว้ใจ สงสารลูกด้วยเลยให้เอาไปเลี้ยง

ที่มา : mcot.net, thaipbs.or.th, kapook.com, thairath.co.th, matichon.co.th

 

ทำอย่างไรเมื่ออาหารติดคอลูก ?

สิ่งที่คุณพ่อ คุณแม่กังวล คงจะหนีไม่พ้นเหตุการณ์ที่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปติดในคอลูก และเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว คุณพ่อ คุณแม่ควรที่จะเรียนรู้วิธีการในการช่วยเหลือเบื้องต้น เพื่อความปลอดภัยของลูกรัก

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ : อาหารติดคอ ช่วยลูกอย่างไรดี พ่อแม่ควรรู้ไว้ อย่ารอให้สายเกินไป 

อาการอาหารติดคอแบบไม่รุนแรง

โดยลูกจะมีลักษณะอาการดังนี้ โดยลูกยังสามารถหายใจ ไอ และพูดได้ โดยวิธีการช่วยเหลือคือ ต้องให้ลูกพยายามไอเอาสิ่งของที่อยู่ในคอออกมาด้วยตนเอง ถ้าทำแล้วไม่ดีขึ้นให้นำส่งโรงพยาบาลทันที

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

อาการอาหารติดคอแบบรุนแรง

หากคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าลูกเริ่มหายใจลำบาก อาหารติดคอไม่ไอ พูดออกเสียงไม่ได้ หน้าตาเริ่มซีดเขียว มีการเอามือมากุมที่ลำคอ นั่นแสดงว่ามีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปติดในลำคอและอาการค่อนข้างรุนแรง สำหรับวิธีการช่วยเหลือเบื้องต้นมีดังนี้

สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี

  • ห้ามเอามือล้วงคอเด็ก ห้ามจับเด็กห้อยหัวแล้วตบหลัง  เพราะจะทำให้สิ่งแปลกปลอมเข้าไปในคอลึกขั้น
  • นั่งคุกเข่าลงกับพื้น แล้วให้เด็กนอนคว่ำหน้าลงไว้บนขา กดศีรษะให้ต่ำกว่าลำตัว ใช้มือจับบริเวณขากรรไกร พร้อมกับประคองคอไปด้วย
  • ใช้มืออีกข้างตบบริเวณหลังของเด็ก บริเวณสะบักด้วยสันมือประมาณ 5 ครั้ง
  • พลิกตัวเด็กให้นอนหงายขึ้น เอามือจับประคองลูกไว้ที่บริเวณท้ายทอย
  • ใช้นิ้ว 2 นิ้ว ของมืออีกข้างกดลงบริเวณกึ่งกลางของหน้าอกลูกน้อย โดยอยู่ในระยะที่ห่างจากหัวนมเด็กเล็กน้อย กดแรงๆ 5 ครั้ง
  • ให้ทำการตบหลัง 5 ครั้ง และกดหน้าอก 5 ครั้ง สลับกันไปมา จนกว่าลูกจะร้องหรือพูดออกมาได้

สำหรับเด็กอายุมากกว่า 1 ปี

  • ให้เข้าไปที่ด้านหลัง โดยให้ลูกยืน หรือนั่งคุกเข่าก็ลง จากนั้นโอบรัดจากด้านหลังใต้รักแร้มาบริเวณด้านท้อง
  • ใช้มือข้างหนึ่งกำไว้ แล้ววางไว้บริเวณเหนือสะดือใต้ลิ้นปี่ ส่วนมืออีกข้างกำกำปั้นไว้อีกทีหนึ่ง
  • ดันนิ้วหัวแม่มือข้างที่กำไว้เข้าไปด้านในท้องของเด็ก รัดให้แน่นแล้วกะตุกขึ้น ให้ทำพร้อมกัน แรงๆ จนกว่าสิ่งที่ติดคอจะหลุดออกมา หรือจนกว่าจะมีเสียงเล็ดลอดออกมา
  • ในกรณีที่หมดสติ ให้รีบทำการช่วยชีวิตทันที ในระหว่างที่พาไปโรงพยาบาล หรือรอการส่งตัว
  • หากช่วยเหลือให้สิ่งของหลุดออกมาแล้ว ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อตรวจเช็คร่างกายอีกครั้งหนึ่ง

 

ควรทำอย่างไร ถ้าไม่มีเวลาในการดูแลลูก

สิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวปัจจุบันคือ การที่พ่อ แม่ไม่มีเวลาให้กับลูก เพราะหลาย ๆ ครอบครัว ทั้งพ่อและแม่ ต้องออกไปทำงานเพื่อหาเงินในเวลาเดียวกัน ทำให้ไม่มีเวลาที่เพียงพอให้กับลูก หลายครอบครัวจึงมักจะฝากลูกไว้กับญาติผู้ใหญ่ในการดูแล โดยส่วนมากก็จะเป็นปู่ ย่า ตา ยายของเด็ก ซึ่งก็เป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างดี เพราะคุณพ่อ คุณแม่สามารถมั่นใจได้ว่า ลูกจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี แต่ในขณะเดียวกันพ่อ หรือแม่เอง ก็อาจจะรู้สึกขัดใจบ้าง สำหรับวิธีการบางอย่างในการเลี้ยงหลานของคนรุ่นปู่ เพราะบ่อยครั้งวิธีการเลี้ยงก็อาจจะขัดกับคำแนะนำทางแพทย์ ในส่วนนี้คุณพ่อ คุณแม่ต้องค่อย ๆ บอกกับปู่ ย่าของเด็กดี ๆ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจตามมาในภายหลัง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ในส่วนถัดมาคือการฝากเลี้ยงที่ศูนย์เลี้ยงเด็ก หรือจ้างพี่เลี้ยงมาดูแล ในส่วนนี้ คุณพ่อ คุณแม่จะต้องมีความพร้อมด้านกำลังทรัพย์ที่เพียงพอ ซึ่งต่าบริการก็จะต่างกันไปในแต่ละที่ และคุณพ่อ คุณแม่ต้องคัดสรรเป็นพิเศษ ต้องเลือกดูสถานที่รับฝากใกล้บ้าน หรือที่ทำงาน โดยเด็กที่พ่อ แม่นำไปฝากไว้ที่ศูนย์เลี้ยงเด็กเล็ก มักจะมีพัฒนาการที่ไวกว่าการเลี้ยงดูเอง เนื่องจาก สถานที่รับฝากเลี้ยงต่าง ๆ จะมีขั้นมีตอนในการเลี้ยงดู และฝึกทักษะให้เด็กอย่างมีหลักการ โดยเฉพาะการมีเด็กคนอื่นอยู่ด้วย จะเห็นถึงข้อเปรียบเทียบ หรือตัวอย่างการพัฒนา ทำให้เด็กมีการเลียนแบบ และทำตาม

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ : หาพี่เลี้ยง ยังไง? ให้ตรงตามใจลูก พ่อแม่ควรทำอย่างไรกันบ้างนะ

อีกส่วนคือ การฝากไว้กับคนรู้จัก หรือ ข้างบ้านในการดูแล โดยส่วนมากมักจะตัวเลือกสุดท้าย หรือมีความจำเป็นมากจริง ๆ ในส่วนนี้ ลูกอาจไม่ได้รับการดูแลดีเท่าที่ควร และอาจเกิดอุบัติเหตุ หรือการทำร้ายร่างกายได้ คุณพ่อ คุณแม่อาจจะต้องเลือกเพื่อนบ้านที่ดี ที่ไว้ใจได้ เพราะคงไม่คุ้มหากเกิดปัญหาขึ้นกับลูกตามมาในภายหลัง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

ไม่มีเวลาให้ลูก ต้องเลือกระหว่าง เงิน กับ เวลา คนเป็นพ่อเป็นแม่จะเลือกอะไร

เลี้ยงลูกยุคใหม่ ทำอย่างไร? การเข้าใจเด็กยุคใหม่ไม่ยากอย่างที่คิด

เลี้ยงลูกเอง หรือฝากเลี้ยง : 100 เรื่องพ่อแม่ต้องรู้ก่อนลูก 1 ขวบ

 

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความโดย

watcharin