ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องเล็ก ๆ อย่างการเขียนชื่อเล่นให้เด็กนักเรียน จะทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้ได้ เมื่อคุณแม่ท่านหนึ่งได้โพสต์ภาพแชตของคุณครูที่ เขียนชื่อนักเรียนผิด แต่เถียงกลับ ว่าก็แค่ชื่อเล่น ทำเอาคุณแม่ปวดหัวไม่น้อย คุณแม่ทนไม่ไหวต้องมาโพสต์ลงเฟซบุ๊ก ล่าสุดกลายเป็นไวรัลดัง เนื่องจากคำพูดของครูไม่มีสลด
เขียนชื่อนักเรียนผิด ครูเถียงกลับไม่ยั้ง !
เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา คุณแม่รายหนึ่งได้โพสต์ภาพแชตกลุ่มที่กำลังพูดคุยกับคุณครู เรื่องที่ว่าคุณครูเขียนชื่อเล่นของลูกผิด จาก เมษ ผิดเป็น เมธ ทางคุณแม่เห็นว่าคุณครูเขียนผิด และไม่อยากให้ลูกจำผิด สับสนว่าชื่อของตัวเองเขียนอย่างไรกันแน่ จึงได้ทักท้วงกับคุณครู แต่คุณครูกลับตอบมาว่า
“เรื่องชื่อเล่นคุณแม่อย่าซีเรียสค่ะ แค่เขียนให้คนที่มาเข้าค่ายเขาอ่านออกก็พอค่ะ คุณครูไม่ได้สั่งให้น้องคัดมาส่งค่ะ ไม่ได้ใช้ในทางการค่ะ”
“คุณแม่บอกให้น้องหัดเขียนชื่อจริงให้มันถูกก่อนค่ะ ชื่อเล่นยังไม่ต้องเขียนค่ะ คุณครูไม่ได้ใช้ในการทำใบงานส่งค่ะ ในทางราชการ ไม่ใช้ชื่อเล่นค่ะ”
ส่วนทางด้านคุณแม่ก็ตอบกลับไปว่า
“น้องชอบมีคำถามค่ะ แบบน้องสับสนเวลาแม่ให้เขียนชื่อเล่น น้องจะไม่มั่นใจว่าจะใช้ตัวไหนสะกดดี กลัวเขียนผิด แม่บอกไปหลายรอบแล้วว่า เมษ น้องก็บอกว่าครูที่โรงเรียนไม่ได้เขียนแบบนี้ ก็แค่รบกวนให้เขียนตรงกันค่ะ”
แต่แทนที่คุณครูจะขอโทษ แต่กลับตอบมาว่า
“ประกาศถึงผู้ปกครองนะคะ ถ้าผู้ปกครองท่านใดต้องการให้ครูเขียนชื่อเล่นของลูกตัวเองให้ถูก กรุณาแจ้งมาด้วยค่ะ ว่าเด็กคนนั้นมีชื่อเล่นเขียนว่ายังไง จบเนาะ”
เมื่ออ่านคำพูดของคุณครูคนนี้แล้ว ชาวเน็ตต่างพร้อมใจกันตำหนิการพูดของคุณครู พร้อมสงสัยว่าเหมาะแล้วหรือกับการกระทำดังกล่าวของคนเป็นครู แทนที่จะยอมรับผิด และแก้ไข กลับมาเถียง และใช้คำพูดแดกดันแม่ของเด็กแบบนี้
บทความที่เกี่ยวข้อง : ครูสั่งนักเรียนถอดรองเท้ายืนตากแดด จนเท้าพอง ! เหตุไม่เชื่อนักเรียนเจ็บเล็บขบ
เรื่องยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้ เพราะหลังจากที่คุณแม่โพสต์ลงเฟซบุ๊กไปแล้วกลายเป็นไวรัลดัง ทางคุณครูส่งข้อความมาอีกว่า “ในเฟสน่ะ ไม่กลัว พรบ. คอมพิวเตอร์ เหรอคะ” ทางคุณแม่รีบตอบกลับ “ฟ้องเลยค่ะ ไม่เห็นว่ามีชื่อจริงนามสกุลจริง หรือรูปใบหน้าครูเลยนะคะ เรื่องนี้ใครผิดใครถูก ก็ให้สังคมช่วยกันตัดสิน” พร้อมแคปชั่นว่า “ล่าสุดจะฟ้อง พรบ.คอมแล้ว ไม่รับคำขอโทษแล้วนะแล้วอย่ามาหาว่าใจร้ายใจดำ เจอแบบนี้ใจดีไม่ไหวแล้วค่าาา…ไม่มีสลดเลย”
ล่าสุดทางคุณแม่ได้เข้าพบ ผอ. ของโรงเรียนและได้พูดคุยพร้อมกับคุณครูคนดังกล่าวว่า “ผอ.บอกว่าครูเป็นคนตรง ๆ อาจสื่อสารกันผิด แต่แม่ไปนั่งคุยก็ยังไม่ได้รับคำขอโทษจากครูเลยนะคะ แล้วที่บอกให้ทนเรียนอีก 20-30 วัน ครูทัศนคติแย่ขนาดนี้ใครจะกล้าส่งลูกไปเรียนต่อเหรอคะ”
บทความที่เกี่ยวข้อง : ผอ. โกงค่าอาหารเด็กนักเรียน หลักฐานมัดตัว ภาพจากกล้องวงจรปิดชัดเจน !
หลังจากที่คุณแม่ได้เข้าพบ ผอ.ของโรงเรียน และครูประจำชั้นของลูก หลังจากพูดคุยกันแล้ว ครูก็ยังยืนยันคำเดิมว่าชื่อลูกที่สะกดว่า เมธ นั้น ไม่ได้ใช้อย่างเป็นทางการ และไม่น่าจะมีผลกระทบอะไรกับเด็ก ใช้อารมณ์พูดคุยกับผู้ปกครอง จนเกิดเป็นคลิปที่ลงในโลกออนไลน์ขึ้น ทางด้านคุณแม่มองว่าครูไม่เหมาะสมและแม่ไม่ไว้ใจที่จะให้ครูคนนี้สอนลูกของตนเองได้ต่อ และตัดสินใจว่าจะให้ลูกย้ายโรงเรียนอย่างเร็วที่สุด
ลูกทำผิด พ่อแม่ต้องทำอย่างไร
ถ้าเกิดลูกทำผิด พ่อแม่ไม่ควรซ้ำเติม เพราะยิ่งพ่อแม่ต่อว่าลูก หงุดหงิดใส่ลูก หรือโกรธลูก อาจจะทำให้ลูกรู้สึกแย่มากยิ่งขึ้น รู้สึกว่าขาดที่พึ่ง และหันไปพึ่งคนอื่นแทน จนสุดท้ายพ่อแม่ก็ไม่สามารถคอยควบคุมลูกได้ สอนอะไรลูกก็ไม่เชื่อฟังอีก ดังนั้นเวลาที่ลูกทำอะไรผิด เขียนชื่อผิด เรียนไม่เก่ง สอบได้คะแนนไม่ดี ถูกครูดุมา หรือลูกทำบางสิ่งที่พ่อแม่คาดหวังไม่ได้ ไม่ว่าลูกจะมีเรื่องที่ผิดพลาดอะไรมา พ่อแม่ควรให้กำลังใจและสอนลูกมากกว่า แต่ก็ไม่ใช่ละเลยในความผิดของลูก จนลูกไม่รู้ผิดชอบชั่วดี
บทความที่เกี่ยวข้อง : ลูกทำผิดพ่อแม่อย่าซ้ำ ลูกมีสิทธิทำพลาดได้ แล้วแบบนี้พ่อแม่ต้องทำยังไง?
1. รับฟังลูกเสมอ
การรับฟังลูกให้มากขึ้น พูดคุยให้มากขึ้น ต้องเข้าใจก่อนว่า การเข้าใจลูกไม่ใช่การเข้าข้าง แต่เป็นการค่อย ๆ พูด ค่อย ๆ บอกลูกด้วยความรัก และความเข้าใจ การทำแบบนี้พ่อแม่จะได้เรียนรู้วิธีการคิดของลูกด้วย และต้องคอยฟังลูกอย่างตั้งใจ รวมถึงค่อย ๆ ปรับความเข้าใจต่าง ๆ ให้ถูกต้อง ดูแลเขาด้วยความเข้าใจไม่ใช่เข้าข้าง
2. ให้ลูกเป็นอย่างที่ลูกอยากเป็น
การเลี้ยงลูก คือการให้ลูกได้เป็นอย่างที่เขาอยากเป็น เลี้ยงลูกให้เขาเป็นตัวของตัวเอง โดยที่พ่อแม่คอยช่วยให้ลูกหาตัวเองให้เจอ จากนั้นก็ควรสนับสนุนในสิ่งที่เขาอยากเป็นเพราะจะเป็นการสร้างภูมิต้านทานให้ลูก
3. สอนให้ลูกรู้จักความผิดพลาด
พ่อแม่ที่ปล่อยให้ลูกได้พบกับความผิดพลาดหรือความผิดหวังบ้าง เด็กจะได้มีภูมิต้านทานในยามที่เติบโต หากพ่อแม่ไม่เคยให้ลูกได้เจอกับความผิดพลาดเลย วันหนึ่งที่เขาโตขึ้น แล้วเจอเรื่องที่ทำให้ผิดหวังมาก ๆ ลูกจะรับไม่ได้และเกิดการช็อกไปในที่สุด
4. ไม่ควรบังคับลูก
ลูกไม่ได้เป็นไปอย่างที่พ่อแม่คาดหวังเสมอ เพราะฉะนั้นไม่ควรเอาความหวัง ความฝันของตัวเองไปฝากไว้กับลูก ถ้าพ่อแม่ทำแบบนั้น ลูกก็จะเกิดความกดดัน ความเครียด คับข้องใจ และจะไปหาที่พึ่งที่อื่น หากลูกทำแบบนั้นพ่อแม่คงจะปวดใจมากกว่า
5. ปล่อยวาง
เมื่อลูกกำลังโมโห สิ่งที่พ่อแม่ควรทำคือปล่อยวาง ไม่เกรี้ยวกราด รอให้ลูกใจเย็น ๆ อารมณ์สงบ แล้วค่อย ๆ คุยด้วยเหตุและผล ด้วยความเข้าใจ พ่อแม่มีหน้าที่ช่วยเหลือ ไม่ซ้ำเติมสิ่งที่ลูกกำลังเผชิญอยู่ รับฟังด้วยหัวใจ ให้กำลังใจ และอยู่ข้าง ๆ เขาเสมอ
เมื่อลูกทำผิด หรือเข้าใจผิดในเรื่องใด หน้าที่ของพ่อแม่และผู้ปกครองคือ ทำความเข้าใจ รับฟัง หาเหตุผลมาอธิบาย และอย่างเหตุการณ์แบบในข่าว หากครูที่มีหน้าที่สอนเด็กนักเรียนกลับทำผิด สอนในสิ่งที่ไม่ถูกต้องให้กับเด็ก พ่อแม่ควรรีบพูดคุยกับคุณครูเพื่อให้เข้าใจตรงกัน
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ครูเจอเด็ก ม.1 แอบสูบบุหรี่ไฟฟ้า ในห้องน้ำโรงเรียน
นักเรียน ม.4 ร้องสื่อ เงินหายจากบัญชี 5 แสนบาท ผ่านไป 3 เดือนคดีไม่คืบหน้า
ลูกอายุห่างกัน 30 ปี ลูกคนโตถึงกับซึม น้องอายุห่างเกินไป ทำตัวไม่ถูกเลย
ที่มา : https://www.facebook.com/consosot.love