นักเรียนหญิง ม.4 สุดงง เงินหายจากบัญชี กว่า 5 แสนบาท พบรายการโอนภายในวันเดียวถึง 14 ครั้ง ยืนยันไม่เคยกดลิงก์หรือรับสายคอลเซ็นเตอร์ แม้มีแอปพลิเคชันธนาคารแต่ไม่เคยโอนไปไหนแม้แต่ครั้งเดียว ทำให้รู้สึกงงและตกใจว่า เงินหายจากบัญชี ไปไหน ซึ่งเรื่องนี้ผ่านมาถึง 3 เดือนแล้ว แต่คดีไม่คืบหน้า จึงอยากร้องเรียนให้หน่วยงานช่วยเหลือ
วันที่ 6 ก.พ.66 เพจสมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความโดยระบุว่า “น.ส.กนกวรรณ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 16 ปีร้องสื่อเงินหายจากบัญชีจำนวน 5 แสนบาท เมื่อวันที่ 5 พ.ย.65 วันเดียว ได้แจ้งความกับตำรวจ สภ.ปากพนัง คดียังไม่คืบหน้า” ล่าสุด น.ส.กนกวรรณ อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช พักอยู่หมู่ 3 ต.หูล่อง อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมกับญาติเข้าร้องขอความช่วยเหลือกับทางสมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช
โดยแจ้งรายละเอียดว่า เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาตนเองพร้อมพ่อและแม่ประสบอุบัติเหตุถูกรถชนท้าย พ่อแม่เสียชีวิตทั้งคู่ ส่วนตนเองนั้นบาดเจ็บสาหัสนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเกือบ 1 เดือน หลังออกจากโรงพยาบาลแล้ว ตนได้รับเงินจากประกันชีวิตของพ่อแม่ และ พ.ร.บ.จากอุบัติเหตุรวมเป็นเงิน 2,900,000 บาท โดยเงินทั้งหมดโอนเข้าที่บัญชีธนาคารออมสิน สาขาปากพนังจ.นครศรีธรรมราช ชื่อบัญชีของตนเอง
จากนั้นตนเองนำเงินจำนวน 1 ล้านบาทไปซื้อสลากออมสิน และอีก 1 ล้านบาทซื้อสลาก ธ.ก.ส.เหลือเงินในบัญชีกว่า 9 แสนบาท ซึ่งที่ผ่านมาตนเองนำมาใช้จ่ายเกี่ยวกับเรื่องทุนการศึกษาของตน และคงเหลือเงินไว้ในบัญชีจำนวน 5 แสนบาท เพื่อเก็บไว้ใช้จ่ายส่วนตัวและเป็นทุนการศึกษาของตน
จนกระทั่งวันที่ 5 พ.ย.65 ที่ผ่านมา ได้พบว่ามีโอนเงินออกจากบัญชีของตนเองวันเดียวถึงจำนวน 14 ครั้ง จากยอดเงิน 511,100 บาทเหลือเงินในบัญชีเพียง 800 บาท จึงเดินทางเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ว่าเงินของตนเองนั้นได้สูญหายไปจากบัญชีกว่า 5 แสนบาท ภายหลังแจ้งความกับตำรวจแล้ว ทางตำรวจมีการติดต่อสอบถามข้อมูลจากธนาคารออมสิน สาขาปากพนัง
โดยได้ข้อมูลเพียงว่า เป็นการทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชันของธนาคารออมสิน โดยชื่อของ น.ส.กนกวรรณ ไปยังชื่อ น.ส.วราภรณ์ (ขอสงวนนามสกุล) ต้นทางและปลายทางอยู่กรุงเทพมหานคร โดยเริ่มโอนออกครั้งแรก 300 บาทและเพิ่มยอดเงินโอนเรื่อย ๆ ภายในวันเดียวกัน รวมโอนออกจากบัญชีทั้งหมด 511,100 บาท มียอดเงินคงเหลือเงินในบัญชีเพียง 800 บาทเท่านั้น
น.ส.กนกวรรณ ยังเผยอีกว่า รู้สึกตกใจมาก เพราะที่ผ่านมาแม้ตนจะมีแอปพลิเคชันธนาคารออมสิน แต่ไม่เคยเข้าไปกดโอนไปไหนเลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่เคยกดลิงก์และไม่เคยเล่นเกมออนไลน์อะไรเลย รวมทั้งไม่เคยกดรับสายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำให้รู้สึกงง และตกใจว่าเงินตนเองหายไปได้อย่างไร จนเกือบเกลี้ยงบัญชี ทางธนาคารก็ไม่รับผิดชอบอะไร แจ้งความกับตำรวจก็ช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลย ผ่านมา 3 เดือนแล้ว ตนเองอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้ โดยเฉพาะหน่วยงานตำรวจไซเบอร์อยากให้ลงมาช่วยเหลือตนด้วย
บทความที่เกี่ยวข้อง : แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกเด็ก ม.1 อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ กสทช. ขู่เรียกเงินแสน!
เหตุผลที่ควรทำ ประกันชีวิตให้ลูก
1. เด็กมีความบอบบาง ติดเชื้อง่าย
สำหรับเหตุผลข้อแรก เพราะว่าเด็ก ๆ โดยเฉพาะในเด็กก่อนวัยเข้าเรียนจะมีร่างกายที่บอบบางแพ้ง่าย และไวต่อการรับเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย เนื่องจากภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรงทำให้ป่วย และติดเชื้อได้ง่าย ซึ่งเมื่อติดเชื้อแล้วก็ยังสามารถกลับมาติดซ้ำได้อีก ดังนั้นค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลก็จะค่อนข้างสูง การทำประกันสุขภาพ หรือ ประกันชีวิตให้ลูก จึงเป็นเหตุผลหลัก ๆ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการรักษานั่นเอง
2. เด็ก(เล็ก)ยังไม่สามารถสื่อสารเองได้ จึงต้องใช้แพทย์เฉพาะทาง
คุณพ่อคุณแม่คงจะทราบดีเลยว่าเหตุผลในข้อนี้ทำให้รู้เลยว่า การซื้อประกันให้ลูกมีความจำเป็นอย่างแท้จริง เพราะว่าเด็กโดยเฉพาะเด็กเล็กที่ยังไม่สามารถพูด หรือ สื่อสารได้ เมื่อป่วยขึ้นมาพ่อแม่ก็จะไม่มีทางทราบว่าลูกเป็นอะไร เพราะสื่อสารกันไม่เข้าใจ ดังนั้นจึงต้องพึ่งพาแพทย์เฉพาะทางที่เกี่ยวกับเด็กในการดูแล รักษา ซึ่งแพทย์เฉพาะทางก็จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าปกติ หรือแม้กระทั่งลูกเล็ก ๆ แค่มีอาการปวดหัว ปวดท้อง พ่อแม่ก็ไม่สามารถรู้ได้ เพราะเด็กยังพูดไม่ได้จึงต้องพาไปพบแพทย์เช่นเดียวกัน ซึ่งอาการเล็กน้อยเหล่านี้อาจจะมีราคาที่ไม่ได้สูงมากนักแต่ลูกก็สามารถเป็นได้บ่อย เมื่อรวมค่าใช้จ่ายแล้วก็เป็นเงินที่ค่อนข้างเยอะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : อยากทำ ประกันชีวิตให้ลูก พ่อแม่ต้องคำนึงถึงเรื่องอะไร
3. ถ้ามีอาการป่วยหนักต้องนอนโรงพยาบาลหลายวัน
เด็ก ๆ ก็เหมือนกับผู้ใหญ่ที่เมื่อมีอาการป่วยหนักก็ต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อดูแลรักษาเช่นเดียวกัน แต่ความอ่อนแอ ความบอบบางของเด็ก ๆ ทำให้ต้องใช้เวลาในการดูแลรักษาติดตามอาการนานกว่าผู้ใหญ่ ซึ่งค่าใช้จ่ายในการนอนโรงพยาบาลก็จะมากขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันก็มีเชื้อไวรัสใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย อีกทั้งยังรุนแรงและระบาดอย่างรวดเร็ว ซึ่งเด็ก ๆ ภูมิคุ้มกันยังไม่ค่อยแข็งแรงทำให้มีโอกาสเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้ง่าย และเมื่อติดเชื้อก็ต้องไปนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลโดยค่าใช้จ่ายในการนอนโรงพยาบาลเฉลี่ยแล้วประมาณ 10,000 – 20,000 บาท ในระยะเวลาประมาณ 3 – 7 วัน ทำให้คุณพ่อคุณแม่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนี้การทำประกันลูกจึงสามารถช่วยซัพพอร์ตได้
เพราะฉะนั้นประกันชีวิตจึงมีความสำคัญต่อลูกเป็นอย่างมาก เนื่องจากเด็กนั้นมีความบอบบาง ไวต่อเชื้อติดเชื้อได้ง่ายเพราะร่างกายยังมีภูมิคุ้มกันไม่มาก ทั้งนี้เด็กยังไม่สามารถสื่อสารอาการเจ็บป่วยออกมาด้วยตัวเองได้อีกด้วยจึงจำเป็นต้องเข้ารักษากับแพทย์เฉพาะทางซึ่งมีค่ารักษาที่สูงมากทีเดียว และหากถ้าเด็กป่วยยังต้องใช้เวลาในการดูแลรักษานานกว่าผู้ใหญ่ไม่ต้องพูดถึงค่านอนโรงพยาบาลหลาย ๆ วันเลย เพราะอย่างนั้นประกันของเด็กจึงมีความสำคัญอย่างมากค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ข้อควรรู้ ! อยากทำประกันชีวิตให้พ่อแม่ ต้องรู้อะไรบ้างและควรระวังเรื่องใด
ประกันสุขภาพเด็ก ดีอย่างไร ? ทำไมคุณพ่อคุณแม่ควรทำ
สลด! ลูกผูกคอดับในป่า คาดเพราะถูกหลอกลงทุน กว่า 14,000 บาท พ่อร่ำไห้หนัก
ที่มา : thaipost