เด็ก ม.3 ของโรงเรียนในจังหวัดพัทลุงเข้าร้องสื่อ หลังถูกครูสอนดนตรีชายล่อลวงไปทำ อนาจารนักเรียนชาย ที่ไม่ได้ออกมาพูดตั้งแต่แรกที่โดนกระทำ เนื่องจากคิดว่าคุณครูท่านนี้จะไม่ทำอีกและเกิดความอับอายจึงไม่ได้บอกใคร สุดท้ายครูก่อเหตุซ้ำหลายครั้งเหยื่อรวมเกือบ 20 คน เด็กสุดอยู่เพียงชั้น ม.1
วันที่ 13 ม.ค. 2566 เด็กนักเรียนชายชั้น ม.3 และนักเรียนรุ่นพี่อีกจำนวน 5 คน ของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.ลานข่อย อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง เข้าร้องขอความช่วยเหลือกับผู้สื่อข่าวหลังจากที่โดน ครูชายวัย 33 ปี ก่อเหตุ ล่วงละเมิดทางเพศ นักเรียนชายในโรงเรียนมากเกือบ 20 ราย ด้วยการ อนาจารนักเรียนชาย โดยเหยื่อมีตั้งแต่ นักเรียนชั้นมัธยมปีที่ 1 ถึงชั้นมัธยมปีที่ 3
ทางทีมนักข่าวจึงประสานขอความช่วยเหลือไปยัง พ.ต.ต.จำเริญ อินทร์แก้ว สารวัตรการข่าวกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน ที่ 11 เพื่อให้เข้าช่วยเหลือ และประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเข้าดูแลต่อไป พร้อมทั้งประสานไปยัง ผู้บังคับการตำรวจภูธรพัทลุง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาดูแลในคดีนี้ หลังจากที่ผู้ปกครองระบุว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดด้วย
ผู้เสียหาย เปิดเผยว่าพวกตน ต้องทนเห็นพฤติกรรมของครูแม็ก หรือ นายภราดร อายุ 33 ปี ครูดนตรีวิทยาการพิเศษ ที่สอนวิชาดนตรีและกิจกรรมลูกเสือของโรงเรียน และพวกตนเองเคยตกเป็นเหยื่อของครูหื่นรายนี้ แต่ก่อนหน้านี้ไม่กล้าออกมาพูด เพราะคิดว่ามันจะจบลงที่รุ่นตนเอง ทว่าครูแม็กยังทำการก่อเหตุซ้ำ ๆ กับรุ่นน้องในโรงเรียน ครูหื่นคนดังกล่าวได้มีการจับก้นและอมอวัยวะเพศพวกตน ตนเองรับไม่ได้อย่างมาก และไม่กล้าบอกผู้ปกครองเพราะเกิดความอับอาย แต่ทราบว่าครูคนดังกว่ายังก่อเหตุซ้ำ ๆ ทำให้ตนเองทนไม่ไหว จึงออกมาร้องขอให้ผู้สื่อข่าวช่วย เพราะขนาดตนเองบอกกับคุณครูในโรงเรียนหลายคน ครูบางคนก็ไม่เชื่อ ซ้ำยังถูกกล่าวหาว่ากุเรื่องอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ถูกครูกระทำอนาจารตอนไหน ซึ่งทางนักเรียน เผยว่า ตอนนั้นตนอยู่ ม.3 ช่วงนั้นช่วงโควิดพวกตนเองมาซ้อมดนตรีในโรงเรียน และพักในห้องเรียนดนตรี ครูแม็กพยายามเล่าเรื่องผีให้พวกตนเองกลัว แล้วจึงชวนไปนอนที่บ้านพักด้วยกัน เมื่อไปถึงครูแม็กให้พวกตนนอนชั้นล่าง ส่วนครูนอนชั้นบน และได้มีการเรียกให้พวกตนเอง 2 คน ขึ้นไปนวดให้ พอถึงช่วงเวลาตี 4-5 ครูแม็กก็ได้ล้วงมือเข้าไปในหว่างขา และเอามือกดหน้าอกไว้ ก่อนจะ ล่วงละเมิดทางเพศ พวกตน
ครูแม็กได้กำชับไว้ว่า ห้ามไม่ให้บอกใคร ทุกคนพยายามขัดขืนแต่สู้ครูไม่ได้เพราะครูตัวใหญ่ ขณะที่ อีก 2 คนโชคดี ตื่นมาเพราะปวดฉี่ครูแม็ก จึงได้แค่จับและลูบคลำ ขณะที่เด็ก ม.3 อีกคนเล่าว่าตนโดน ล่วงละเมิดทางเพศ 2 ครั้ง และล่าสุด เมื่ออาทิตย์ที่แล้วก็มีรุ่นน้อง ม.1 มาเล่าว่าตนเองก็ถูกครูแม็กอนาจารเช่นกัน ทั้งนี้ เด็กนักเรียน ที่โดนครูแม็กอนาจาร ได้เดินทางมาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน พร้อมกับผู้ปกครอง และสหวิชาชีพ นักพัฒนาสังคม เข้าร่วมสอบ เพื่อคุ้มครองเด็กต่อไป
บทความที่เกี่ยวข้อง : สถิติเด็กถูกล่วงละเมิด ภัยสังคมร้อนแรงในไทย เมื่อตัวเลขพุ่งสูง
ปัญหาลูกไม่อยากไปโรงเรียนเพราะเกลียดครู
ปัญหาในลักษณะนี้หากเกิดขึ้นกับเด็กเล็กวัย 3-6 ปี อาจเกิดจากเด็กรู้สึกด้านลบกับคุณครู เช่น เด็กคิดว่าคุณครูไม่รัก เด็กคิดว่าคุณครูดุเกินไปจึงทำให้เด็กกลัวครูและไม่อยากไปโรงเรียน เป็นต้น ปัญหานี้คุณพ่อคุณแม่ควรพูดคุยกับลูก หากลูกบอกว่าครูที่โรงเรียนดุ ครูไม่รักเขา ชมแต่เพื่อน และลูกยังร้องไห้ไม่อยากไปโรงเรียนทุกวันนานเป็นสัปดาห์ คุณพ่อคุณแม่ควรเข้าปรึกษากับคุณครูถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ดังนี้
1. อันดับแรก สร้างความมั่นใจว่าคุณอยู่เคียงข้างลูกเสมอ
ฟังสิ่งที่ลูกพูดและฟังความรู้สึกของลูกเด็กเล็กวัย 3 – 6 ขวบรู้สึกไม่อยากไปโรงเรียนนั้น ย่อมต้องมีเหตุผล แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไร คุณควรเริ่มด้วยการทำให้ลูกรู้ว่า ไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไร ครูจะเป็นอย่างไร คุณก็รักลูกและเชื่อมั่นในตัวลูกและในความสามารถของลูก บอกลูกว่าคุณจะคุยกับคุณครูให้ แต่ไม่ควรทำให้ลูกรู้สึกว่าคุณครูกำลังทำไม่ถูกต้อง หรือเข้าข้างลูกมากซะจนทำให้ลูกกลับไปไม่เชื่อฟังคุณครู หรือทำอะไรที่ไม่น่ารักกับคุณครูในขั้นแรกเพียงแค่ให้ลูกรู้ว่าคุณจะหาสาเหตุให้พบและอยู่เคียงข้างลูกเสมอไป
2. เข้าไปพบคุณครู
คุณพ่อคุณแม่ควรขอพบครูในวันเวลาที่คุณครูสะดวกเพื่อพูดคุยถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและหาทางร่วมมือแก้ไข ถ้าทำได้หลังเลิกเรียนในวันถัดไปได้ยิ่งดี แต่ถ้าไม่สามารถนัดพบครูได้หลังจากพยายามนัดแล้วสองครั้งขึ้นไป ควรไปคุยกับครูใหญ่ไปเลย และพบทั้งคุณครูและครูใหญ่พร้อมกันถ้าจำเป็นต้องทำ หากกลัวว่าครูจะไม่พอใจ ไม่มีใครได้ประโยชน์ใด ๆ เรื่องเช่นนี้ควรปรึกษากัน ถ้าเป็นคุณครูที่ดีและโรงเรียนที่ดี ควรจะเข้าใจหัวอกเด็ก และไม่ควรเอาเรื่องเอาราวกับเด็ก หรือทำให้เด็กลำบากภายหลัง
บทความที่เกี่ยวข้อง : 10 เหตุผลของการไม่อยากไปโรงเรียน และจะทำอย่างไรให้ลูกอยากไปโรงเรียน
3. ควรคุยอย่างละมุนละม่อม เป็นมิตร แต่ชัดเจนและมั่นคง
อาจเริ่มด้วยว่า “ลูกของฉันอาจจะเล่าเรื่องไม่ถูกต้องนัก จึงคิดว่าเราควรคุยกันเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและเข้าใจตรงกันนะคะ” ให้คุณครูเล่าเรื่องจากทางด้านของคุณครู จากนั้นคุณจึงเสริม “ลูกของคุณแม่คิดไปว่าคุณครูไม่ชอบเขาค่ะ เลยทำให้ไม่อยากมาโรงเรียน” ถามคำถามเท่าที่คุณคิดว่าจะทำให้คุณเข้าใจชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างครูและลูก อะไรทำให้ลูกของคุณรู้สึกว่าคุณครูดุ มีเหตุการณ์อะไรที่คุณครูนึกออก ส่วนคุณเองแบ่งปันข้อมูลของลูกคุณกับคุณครูเท่าที่จะทำได้ เมื่อทราบว่าปัญหาคืออะไร คุณและครูควรร่วมมือกันวางแผนร่วมกันให้ได้ค่ะ การลงมือช่วยปรับเปลี่ยนความรู้สึกของลูกอาจจะต้องมาทั้งจากฝ่ายคุณเอง และฝ่ายคุณครู ร่วมมือสร้างสรรค์ไปในทิศทางเดียวกัน
4. กล่าวคำขอบคุณกับคุณครู
ขอบคุณที่คุณครูสละเวลาให้และใส่ใจกับเรื่องของลูกคุณ ที่สำคัญควรติดตามเรื่องอย่างสม่ำเสมอจนกว่าจะดีขึ้นและเป็นไปตามแผนที่กำหนด
5.อย่าวางเฉย
หากเหตุการณ์กลับกลายเป็นว่า คุณครูไม่ร่วมมือเอาเสียเลย และดูท่าจะไม่ชอบลูกคุณจริง ๆ ซะแล้ว และดุอย่างไม่มีเหตุผลตามที่ลูกบอก รวมทั้งไม่มีอะไรดีขึ้นเลยหลังจากที่คุยกันไปแล้ว ควรไปคุยกับครูใหญ่ให้ช่วยจัดการให้แน่ใจว่า ลูกคุณจะได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นเป็นมิตรและปลอดภัยจริง ๆ ถ้ายังไงก็ลองดูว่าจะเปลี่ยนห้องเรียนได้หรือไม่ เป็นทางเลือกสุดท้ายค่ะ
การที่ลูกไม่อยากไปโรงเรียน อาจมีปัจจัยมาจากหลายอย่าง แต่วันนี้เราเพียงแต่หยิบยก บางกรณี มาเพื่อเป็นแนวทางให้กับคุณพ่อคุณแม่ อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่สุด คงจะหนีไม่พ้นคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องคอยสอดส่องดูแล และคอยสังเกตลูกน้อย ถึงความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ของลูก ว่าลูกต้องการความช่วยเหลือหรือมีปัญหาอะไรหรือไม่ เพียงเท่านี้ก็จะสามารถแก้ไขปัญหาของการที่ลูกไม่อยากไปโรงเรียนได้แล้วล่ะค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
วิธีแก้ปัญหาลูกไม่อยากไปโรงเรียน เตรียมลูกเข้าโรงเรียนอนุบาล การสร้างแรงจูงใจให้ลูกไปโรงเรียน
6 วิธีรับมือกับปัญหาเจ้าตัวเล็กไม่อยากไปโรงเรียน
ช่วยด้วย! พ่อแม่ต้องทำอย่างไรดีเมื่อ ลูกไม่อยากไปโรงเรียน
ที่มา : thethaiger