ช่วยด้วย! พ่อแม่ต้องทำอย่างไรดีเมื่อ ลูกไม่อยากไปโรงเรียน
ช่วยด้วย! พ่อแม่ต้องทำอย่างไรดีเมื่อ ลูกไม่อยากไปโรงเรียน
คุณต้องทำอะไร เพื่อเป็นการช่วยให้ลูก ให้สามารถเริ่มวันแต่ละวันด้วยการตื่นเต้นอยากไปโรงเรียน หรืออย่างน้อยที่สุด ก็ขอแค่ตั้งใจเรียนให้มากที่สุดเพื่ออนาคตของตัวเอง
เรียนรู้ไปกับลูก
เด็กเล็กมีความต้องการสูงที่จะเอาใจ และเลียนแบบพฤติกรรมของพ่อแม่ เป็นเรื่องปกติมาก ๆ ที่เด็กจะเลียนแบบพ่อแม่ในวัยเรียนรู้ เพราะฉะนั้นพ่อแม่ก็ควรแสดงให้ลูกดูว่า การเรียนรู้ต้องทำอย่างไร แสดงให้ลูกเห็นเวลาที่เราอ่านหนังสือ ฝึกทำกิจกรรมยามว่างใหม่ ๆ สนทนากันเรื่องข่าวและเหตุการณ์ประจำวันกับสามี หรือภรรยา (และกับลูก ด้วยแนวทางที่เด็กอายุขนาดนั้นจะสามารถเข้าใจไปด้วย) และด้วยการฟังลูกเล่าถึงสิ่งน่าสนใจ ที่เค้าไปเจอมาในวันนั้น จะดีมากถ้าพ่อแม่สามารถใช้เวลากับลูกในการอ่านหนังสือ เที่ยวพิพิธภัณฑ์ งานแสดงสินค้า และงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับศิลปะ และวัฒนธรรม
เด็กเล็กมีความต้องการสูง เป็นเรื่องปกติ ที่เด็กจะเลียนแบบ พ่อแม่ในวัยเรียนรู้
มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมของลูก
การมีส่วนเกี่ยวข้องกับการศึกษาของลูก จะทำให้คุณมีส่วนร่วมไปกับสมาคมผู้ปกครอง ที่เกี่ยวข้องกับโรงเรียนของลูก และทำให้เราตื่นตัวกับการสื่อสารกับคุณครูของลูก ที่จะเชื่อมโยงไปถึงวิธีการเรียนรู้ภายในโรงเรียนของลูก พัฒนาการ การประพฤติตัวในสังคม และปัญหาต่าง ๆ ในแต่ละวันที่ลูกจะต้องเจอ การทำทุกวันให้มีส่วนเกี่ยวของกับการเรียนของลูก จะช่วยให้เราตรวจสอบการบ้านของลูก จนแน่ใจว่าลูกสามารถเข้าใจเนื้อหา ของการเรียนได้อย่างถูกต้อง ควรช่วยลูกเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบด้วยการถามคำถามเกี่ยวกับเนื้อหาการเรียนเพื่อที่ลูกจะได้เข้าใจสิ่งที่คุณครูสอนอย่างละเอียด
ข้อดีของส่วนนี้คือ พอลูกโตขึ้น ตัวเราเองจะได้ไม่ต้องกลับไปพยายามจำสิ่งที่เราเคยเรียนมาตั้งแต่เด็ก เพื่อที่จะเอากลับมาสอนลูกที่กำลังเรียนรู้เรื่องเดียวกันอยู่ การติดตามการศึกษาของลูกจะช่วยให้เราเข้าใจได้ตลอดว่าลูกกำลังพูดถึงเนื้อหาอะไรอยู่
ช่วยตรวจสอบ การบ้านของลูก จนแน่ใจว่า ลูกเข้าใจเนื้อหา ของการเรียน ได้อย่างถูกต้อง
หนักแน่น แต่คอยส่งเสริม
เด็กทุกคนจะมีแนวทางในการเรียนรู้เป็นของตัวเอง การที่เรารู้ว่าวิธีการเรียนรู้ของลูกเป็นแบบไหน จะทำให้เราสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการส่งเสริมความเพียรพยายามในการเรียนรู้ของลูก แต่อย่างไรก็ดี ถึงเราจะเป็นพ่อแม่ ที่เอาใจใสกับการส่งเสริมลูกให้เรียนรู้ในรูปแบบของตัวเองขนาดไหน เราก็ไม่ควรให้ลูกมีความรู้สึกด้านลบกับวิชาที่ลูกไม่ชอบ และใช้ความรู้สึกนั้นเป็นเหตุผลในการไม่ทำวิชานั้นให้ดี พวกเราทุกคนสามารถเรียนรู้ทุกอย่างได้ เพียงแค่เราเลือกที่จะเข้าหามัน
เราไม่ควร ให้ลูกมีความรู้สึก ด้านลบกับวิชา ที่ลูกไม่ชอบ
และหากลูกยังจะไม่รักเรียน
หากท่านเป็นพ่อแม่ผู้โชคร้าย ที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่และคิดกับตัวเองไปด้วยว่า “ที่ว่ามาก็ทำไปหมดแล้วนะ!” แต่คุณลูกก็ยังคงรังเกียจแม้แต่จะพูดถึงเรื่องโรงเรียน ท่านก็ต้องไปแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เพราะตอนนี้มันเป็นปัญหาใหญ่แล้วล่ะ
ลูกของคุณอาจกำลังโดนเด็กคนอื่นรังแก ความไม่ชอบโรงเรียนของลูกอาจจะมาจากวิธีที่คนอื่นกระทำกับลูกของเรา
ลูกของคุณอาจจะกำลังเข้าเรียนในวิชาที่ลูกนิสัยไม่เข้ากับอาจารย์ผู้สอน เป็นไปได้ที่นิสัยของลูก อาจไม่เข้ากับอาจารย์เหมือนน้ำกับน้ำมัน หรืออาจจะเป็นเพราะว่าวิธีการสอนของครูนั้น ไม่เข้าวิธีการเรียนรู้ของลูก จึงทำให้ครูกับลูกทำงานร่วมกันไม่ได้สักที ด้วยเหตุนี้ลูกจึงไม่สนใจเนื้อหาการเรียน เบื่อ หงุดหงิด และที่แย่ที่สุดคือคอยรังควาญเพื่อนนักเรียนคนอื่นด้วย
ลูกของคุณอาจมีความพิการทางการเรียน การได้ยิน หรือการมอง หรืออาจจะเป็นโรคเครียด โรคสมาธิสั้น โรคอ่านหนังสือไม่ออก (ดิสเลคเซีย) หรือการที่ลูกไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์ทางสังคมกับคนอื่นได้ ก็อาจจะเป็นสิ่งกีดขวางทางการพัฒนาในการเรียน อาการต่างๆที่ว่ามานี้ไม่เป็นแค่สิ่งที่ทำให้ลูกไม่เรียนรู้ แต่ยังเป็นข้อด้อยที่ทำให้เด็กรู้สึกว่าตัวเองมีความสามารถน้อยกว่าคนอื่น โง่ และไม่มีประโยชน์ คุณพ่อคุณแม่ต้องดูว่าลูกมีความสามารถพร้อมในการฟัง การมอง และการพูด เพื่อที่เด็กจะไม่มีข้อด้อยซึ่งจะทำให้ ลูกไม่อยากไปโรงเรียน ที่ไม่ได้เมาจากสาเหตุทางการแพทย์ซึ่งแก้ไขได้ง่าย
โรงเรียนควรเป็นสิ่งที่เด็กสนุก ไม่ใช่สิ่งที่เด็กต้องจำทน โรงเรียนควรมีครูที่สอนให้ลูกเชื่อมั่นในตัวเอง ไม่ใช่สร้างสิ่งกีดขวางมาทำลายความเชื่อมั่นนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ต้องเริ่มวันใหม่ทุกวันด้วยความกระตือรือร้นกับลูกในการไปโรงเรียน และสร้างความสบายใจ และมั่นใจให้กับลูกโดยการทำให้เขารู้ว่าเขาเป็นคนที่พิเศษ แตกต่าง มีความเป็นเฉพาะตัว และเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์สำหรับพ่อแม่ขนาดไหน
โรงเรียน ควรเป็นสิ่งที่ เด็กรู้สึกสนุก ไม่ใช่สิ่งที่ เด็กต้องจำทน
The Asianparent Thailand เว็บไซต์ข้อมูลคุณภาพและสังคมคุณแม่ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และในเอเชีย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ แหล่งความรู้แม่และเด็ก รวมถึงแอพพลิเคชั่น The Asianparent ที่ติดตามการตั้งครรภ์ ให้คุณแม่ได้ลงทะเบียนใช้งานฟรี เพื่อติดตามพัฒนาการของทารก ตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงติดตามหลังคลอดที่ครอบคลุมที่สุด และผู้ใช้งานสูงสุดในประเทศไทย นอกจากความรู้ยังมีไลฟ์สไตล์ และสื่อมัลติมีเดียหลากหลาย ไม่ว่าสุขภาพแม่และเด็ก โภชนาการแม่และเด็ก กิจกรรมสำหรับครอบครัว การวางแผนครอบครัวไปจนถึง การดูแลลูก การศึกษา และจิตวิทยาเด็ก The Asianparent เราพร้อมสนับสนุนพ่อแม่ทุกท่าน ให้มีความรู้และมีสุขภาพกายใจเข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างครอบครัวอย่างแข็งแรง
เพราะเราเชื่อว่า “พ่อแม่เข้มแข็ง ครอบครัวแข็งแรง”
บทความที่เกี่ยวข้อง :
Psychology Today.com – What to Do When Your Child Hates School
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ทำไมต้องเป็นบีคอนเฮาส์แย้มสอาด แม่แอ้ ร่วมแชร์ เทคนิคเลือก โรงเรียนสองภาษา (School Hit )
เปิดเทอม หน้าฝนนี้ ลูกควรระวังอะไร และคุณแม่ ควรเตรียมของใช้อะไร ให้ลูกพก ไปโรงเรียนบ้าง
10 อาหารอันตราย หน้าโรงเรียน ภัยอันตราย จากอาหาร หน้าโรงเรียน
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!