สัปเหร่อวัดย่านปากเกร็ด ออกมายืนยันรับศพเด็กเล็กจากศูนย์เด็กอ่อนถูกส่งมา เผาศพลูก เป็นความจริง ชี้แจงวัดรับเพราะมีใบมรณบัตร พร้อมทั้งมีครอบครัวเด็ก พร้อมเจ้าหน้าที่ศูนย์เด็กอ่อนเข้ามาร่วมงาน ไม่มีใครคัดค้านการ เผาศพลูก สักคน คาดสื่อสารกันไม่เข้าใจ ทำให้แม่เด็กไปร้องเพจดังกล่าว
จากกรณี เพจสายไหมต้องรอด โพสต์ข้อความระบุ “ถ้าศูนย์เด็กอ่อน ชิงเผาศพลูกของเรา โดยที่ไม่แจ้งให้พ่อแม่รู้ ถ้าเราเป็นพ่อแม่เด็ก เราจะรู้สึกอย่างไรคะ !” ซึ่งต่อมาในโพสต์ดังกล่าวมีภาพหญิงสาวคนหนึ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นแม่ของเด็กถือรูปงานศพขนาดใหญ่ถ่ายภาพในวัดแห่งหนึ่ง
ล่าสุดเรื่องนี้ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 11 ม.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปสอบถามข้อเท็จจริง ที่วัดดังในพื้นที่อำเภอปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยได้พบกับ นายนฤเทพ อายุ 41 ปี เจ้าหน้าที่ดูแลวัดและยังมีตำแหน่งเป็นสัปเหร่อของวัดอีกด้วย เผยว่า เมื่อวานนี้ช่วงเวลาประมาณบ่ายโมง วัดได้รับการติดต่อจากศูนย์เด็กอ่อนแห่งหนึ่งย่านปากเกร็ด ว่าจะนำร่างด.ญ.อายุ 1 ขวบที่ได้เสียชีวิตมาทำพิธีฌาปนกิจที่วัด พร้อมกับใบรับรองสาเหตุของการเสียชีวิตมายืนยัน วัดจึงรับร่างด.ญ.ไว้แล้วจึงดำเนินการฌาปนกิจในเย็นวันเดียวกันทันที โดยมีการประกอบพิธีเหมือนงานศพทั่วไป
นายนฤเทพ กล่าวต่ออีกว่า เมื่อตอนที่ร่างของด.ญ.มาถึงวัด ตนกับเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ได้ทำการตรวจสอบสภาพศพดู ไม่พบรอยฟกช้ำหรือร่องรอยการถูกทำร้ายใด ๆ เลย สภาพเหมือนนอนหลับไปเฉย ๆ ประกอบกับมีใบมรณบัตรมายืนยัน เราได้ทำการดำเนินการไปตามขั้นตอนปกติ แถมยังเห็นครอบครัวของด.ญ.มาร่วมงาน ยืนจับกลุ่มร้องไห้กันอยู่อีกด้วย โดยทั้งนี้มีเจ้าหน้าที่ศูนย์เด็กอ่อนมาร่วมงานกันหลายคน ไม่เห็นมีใครร้องคัดค้านห้ามเผาศพเพื่อขอตรวจสอบอะไรเลย เผาศพเสร็จเรียบร้อยทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ช่วงเช้าวันนี้ครอบครัวก็มาเก็บเถ้ากระดูกน้องกลับไป
ทั้งนี้ นายนฤเทพ ยังยืนยันอีกว่า “ประเด็นเรื่องที่มีการร้องเรียนไปยังเพจ หรือสงสัยสาเหตุการเสียชีวิตของเด็กนั้น ผมยืนยันได้ว่ามีใบมรณบัตรรับรองสาเหตุการเสียชีวิตมายืนยันจริง ซึ่งแสดงว่าได้ผ่านการชันสูตรจากแพทย์มาแล้ว วัดจึงดำเนินการตามขั้นตอนให้ไปตามปกติ แต่การสื่อสารกันระหว่างผู้ปกครองของเด็กและทางศูนย์ที่ดูแลเด็กอาจจะเกิดความไม่เข้าใจกันเองมากกว่า อาจทำให้ผู้ปกครองเลยยังติดใจสงสัยการเสียชีวิต ถ้าในงานเมื่อวานนี้ผู้ปกครองติดใจขอคัดค้านไม่ให้วัดเผาศพน้อง วัดก็ยินดีหยุดดำเนินการเพื่อให้มีการตรวจสอบทันที”
บทความที่เกี่ยวข้อง : แม่ร้องขอความเป็นธรรมให้ลูก! หมอฉีดยาจนลูกตาย แต่อ้างลูกสำลักนมเสียชีวิต!
เคล็ดลับเลือกสถานรับเลี้ยงเด็กให้ลูกรัก เลือกยังไงให้ดี ให้เหมาะกับเด็ก
เรามาดูกันว่าเราจะเลือกเนอสเซอรี่หรือสถานรับเลี้ยงเด็กยังไงให้เหมาะกับลูกเรา สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องคำนึงถึง มีดังนี้ค่ะ
1. งบประมาณ ค่าใช้จ่าย
อย่างแรกเลย เราควรตัดสินใจให้แน่ชัดเสียก่อน ว่าเรามีงบเท่าไหร่ อยากจะจ่ายเท่าไหร่ เพราะสถานรับเลี้ยงเด็กแต่ละแห่ง จะมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันออกไป ตามบริการต่าง ๆ หากยอมจ่ายราคาแพง ลูก ๆ ก็จะได้รับบริการที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม มีสถานที่รับเลี้ยงเด็กหลาย ๆ แห่ง ที่มีบริการดี ๆ ให้ โดยที่ไม่ต้องจ่ายแพงค่ะ
2. สถานที่ตั้งของเนอสเซอรี่
ลำดับถัดมา ให้ลองเลือกสถานเลี้ยงเด็ก ที่ตั้งอยู่ในที่ที่เหมาะสม ทำเลดี ไม่ไกลจากบ้านหรือที่ทำงาน และไม่ลับตาคนจนเกินไป ควรเป็นที่ที่เดินทางไปได้ง่ายและสะดวกสำหรับตัวเรา
3. ต้องมีใบอนุญาตรับรอง
เนอสเซอรี่นั้น ๆ ควรจะมีใบอนุญาตหรือใบรับรองอย่างถูกต้อง ก่อนตัดสินใจส่งลูกไปโรงเรียน คุณพ่อคุณแม่ควรตรวจสอบให้ดีและสอบถามผู้ประกอบการให้แน่ชัดก่อนนะคะ นอกจากนี้ ควรดูด้วยว่าครูพี่เลี้ยงมีใบรับรองด้วยหรือไม่
บทความที่เกี่ยวข้อง :สถานรับเลี้ยงเด็ก เลือกยังไงดี ? เคล็ดลับเลือกสถานรับเลี้ยงเด็กให้ลูกรัก
4. ชื่อเสียงของโรงเรียน
เบื้องต้น ให้ลองถามเพื่อน ๆ หรือผู้ปกครองคนอื่นเกี่ยวกับสถานที่นั้น ๆ ก่อนว่าดีหรือไม่ บริการเป็นยังไง หรือจะลองหาข้อมูลจากเว็บไซต์หรือเว็บบอร์ดต่าง ๆ ก็ได้ค่ะ ว่ามีคำติใด ๆ เกี่ยวกับสถานรับเลี้ยงเด็กนั้น ๆ ไหม
5. หลักสูตรที่ใช้สอนเด็ก
ก่อนเลือกสถานรับเลี้ยงเด็ก เราควรศึกษาเกี่ยวกับหลักสูตรการสอนของสถานเลี้ยงเด็กนั้นไว้ก่อนด้วย ว่ามีโปรแกรมหรือหลักสูตรการศึกษาที่เหมาะสมกับลูกเราไหมนะ
6. บรรยากาศและสภาพแวดล้อมในโรงเรียน
เมื่อเลือกได้แล้ว ให้ลองไปสำรวจเดินดูสถานเลี้ยงเด็กที่เล็งไว้ ถ้าจะให้ดีควรไปวันที่โรงเรียนเปิด รวมทั้งควรลองสอบถามผู้ประกอบการและครูพี่เลี้ยงดูด้วย ว่ามีอาหารว่างให้เด็กวันละกี่มื้อ และมีเวลาให้เด็กนอนวันละกี่ชั่วโมง และที่สำคัญ อย่าลืมพาลูกไปดูด้วยตัวเองด้วยนะคะ จะได้รู้ว่าลูกถูกใจหรือชอบสภาพแวดล้อมนั้น ๆ ไหม
7. ความปลอดภัย
ความปลอดภัยเป็นเรื่องที่ควรตระหนักไว้อย่างยิ่ง เมื่อคุณพ่อคุณแม่ลงพื้นที่สำรวจโรงเรียน ให้ลองสำรวจดูก่อน ว่าสถานที่รับเลี้ยงมีทางหนีไฟและอุปกรณ์ที่ใช้ยามฉุกเฉินหรือเปล่า รวมทั้งควรสำรวจด้วยว่า อุปกรณ์ทำความสะอาดที่เป็นพิษต่าง ๆ ถูกเก็บไว้ในที่ที่ไกลมือเด็กไหม นอกจากนี้ ยังต้องดูด้วยว่าลักษณะของห้องเรียนปลอดภัยไหม มีประตูรักษาความปลอดภัยหรือไม่
อย่างไรก็ตาม หากเกิดเหตุการณ์ไม้คาดคิด เราสังเกตเห็นว่าลูกมีแผลตามร่างกายจนน่าสงสัย หรือเห็นลูกมีอาการแปลก ๆ เช่น โผเข้ากอดและร้องไห้จ้าตอนไปรับ ไม่ร่าเริงเหมือนแต่ก่อน ขี้ระแวง ขี้ตกใจ มีท่าทีกลัวครู หรือมีบาดแผล เป็นต้น ให้ตั้งข้อสงสัยเอาไว้ก่อนเลย ว่าลูก ๆ อาจจะโดนทำร้าย ในเบื้องต้น ให้พาลูกเข้ารับการตรวจร่างกาย เก็บหลักฐานการตรวจร่างกายเอาไว้ รวมทั้งถ่ายรูปบาดแผลของลูก เพื่อใช้ดำเนินการร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนะคะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
โจรขโมยเงินศูนย์เด็กเล็ก ทุบกระปุกออมสินเด็กอนุบาล !!
เลี้ยงลูกเอง หรือฝากเลี้ยง : 100 เรื่องพ่อแม่ต้องรู้ก่อนลูก 1 ขวบ
คลิปพี่เลี้ยงตีเด็ก ฝากลูกไว้นอนด้วยแค่คืนเดียว ทำกับลูกถึงขนาดนี้ ทั้งตีทั้งดึงหู
ที่มา : khaosod