เด็ก อนุบาล 3 ฟ้องพี่สาว ถูกเพื่อนผู้ชายห้องเดียวกันสั่งแก้ผ้า

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

วันที่ 14 ธ.ค. เวลา นางสาวนุช ผู้เป็นมารดา เดินทางไปพบ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ แจ้งว่า ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) ลูกสาววัย 6 ขวบ เรียนอยู่ชั้น อนุบาล 3 โรงเรียนในจ.สมุทรปราการ ถูก ด.ช.หนึ่ง (นามสมมุติ) วัย 6 ขวบ ถูกเพื่อนผู้ชายห้องเดียวกัน พาตัวเข้าไปในห้องน้ำของโรงเรียน บังคับให้ถอดเสื้อผ้าออกจนหมดและพยายามจะข่มขืน แต่ทำไม่สำเร็จ ด.ญ.เอ จึงรีบใส่เสื้อผ้าหนีออกมาจากห้องน้ำ ด้วยท่าทีหวาดกลัว ร้องไห้ ระหว่างทางพบเพื่อนพี่สาว จึงรีบไปบอกพี่สาวที่อยู่ชั้นป.6 พอทราบเรื่อง ได้พาน้องไปแจ้งให้ครูประจำชั้นทราบ ก่อนที่พี่สาวจะโทรแจ้งแม่ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับน้องขึ้น

 

 

ด.ญ.เอ เล่าให้ฟังว่า ก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้นกับตนเอง ด.ช.หนึ่ง ได้ไปจับหน้าอกของเพื่อนหญิงร่วมห้องมาก่อนด้วย เมื่อแม่ทราบเรื่องจึงรีบเดินทางไปที่โรงเรียน ซึ่งครูพี่เลี้ยงยังไม่มีใครทราบเรื่อง แม่อยู่ในความตกใจคิดไม่ถึงว่าเด็กชายซึ่งมีอายุเพียง 6 ขวบ จะทำเรื่องแบบนี้ได้ ทั้งเรื่องกระทำอนาจาร ใช้ความรุนแรง และแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม อยากขอร้องให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลในการปรับพฤติกรรมของด.ช.หนึ่ง และอยากให้ทางโรงเรียนมีมาตรการดูแลเด็ก ป้องกันเหตุไม่คาดคิดด้วย

 

นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ รับเรื่องและได้ประสาน นางสาวปาณิสรา สลากรธนวัฒน์ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสมุทรปราการ ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านด.ช.หนึ่ง โดยด.ช.หนึ่งได้บอกกับเจ้าหน้าที่ว่า ได้ทำตาม ด.ช.บี (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี ที่เป็นหลานของพ่อ อาศัยอยู่บ้านเดียวกัน ด.ช.บี ได้ทำพฤติกรรมเช่นนี้ ตนเองจึงได้เลียนแบบ

 

นักจิตวิทยา และเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กฯ พูดคุยแนะนำพ่อแม่ของ ด.ช.หนึ่ง เรื่องการเลี้ยงลูกให้เหมาะสมและทำบันทึกข้อตกลงกับพนักงานเจ้าหน้าที่คุ้มครองเด็ก พร้อมประสานโรงพยาบาลเพื่อส่งตัว ด.ช.หนึ่งเข้ารับการประเมินสภาพจิตใจ เพื่อปรับพฤติกรรม และประสานไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา รับทราบเรื่องที่เกิดขึ้น ทำการส่งนักจิตวิทยาของเขตพื้นที่การศึกษาฯ เข้าไปพูดคุยกับเด็กทั้ง 2 คน และวางแผนให้การช่วยเหลือดูแลสภาพจิตใจ

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

พร้อมกันนี้ นางปวีณา ได้ประสาน นายธีร์ ภวังคนันท์ รักษาราชการแทนรองเลขาธิการ กพฐ. ส่งนายนิสิต เนินเพิ่มพิสุทธิ์ ผู้อำนวยการศูนย์ความปลอดภัย สพฐ. ในวันที่ 14 ธ.ค. ที่มูลนิธิปวีณาฯ จ.ปทุมธานี และร่วมประชุมหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในโรงเรียน เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันในโรงเรียนขึ้นอีก โดยมูลนิธิปวีณาฯจะร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ และพม. ติดตามดูแลสภาพจิตใจเด็กอย่างใกล้ชิดต่อไป.

บทความที่เกี่ยวข้อง : เด็กหญิง 4 ขวบถูกข่มขืนที่บ้านพักเด็ก ภัยร้ายที่ผู้ปกครองต้องระวัง

 

ทำให้ลูกเห็น เป็นตัวอย่างที่ดี เพราะลูกกำลังเลียนแบบเราอยู่

1. คำพูดและท่าทาง

คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องตกใจ หากเมื่อจู่ ๆ ลูกวัยอนุบาลเผลอพูดคำหยาบออกมา ไม่ว่าจะรู้ความหมายหรือไม่ก็ตาม รวมถึงการเลียนแบบสำนวนของผู้ใหญ่ และการใช้คำพูดล้อเลียนคนอื่น เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้ทั้งที่คุณพ่อคุณแม่และคนในบ้านตั้งใจที่จะระมัดระวังคำพูดของตัวเองต่อหน้าลูก แต่บางทีลูกก็ช่างจดจำเกินไป หากคุณพ่อคุณแม่ได้ยินคำหยาบคายจากลูก อย่าดุหรือทำให้ลูกตกใจ ให้พ่อแม่คุยกับลูกว่าทำไมลูกจึงไม่ควรใช้คำพูดนี้ และถ้าเป็นคำที่คิดว่ามาจากตัวคุณพ่อคุณแม่เอง ก็อย่าลืมรับผิด และแก้ไขและปรับปรุงตัวเองด้วย

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

2. มารยาท

หากต้องการให้ลูกเป็นที่รักของคนทั่วไป ควรกำชับให้ลูกมีมารยาทอยู่เสมอ รวมถึงตัวพ่อแม่เองควรทำให้เป็นตัวอย่างให้ลูกเห็นด้วย เช่น การกล่าวคำลาและพูดคุยพนักงานที่ให้บริการอย่างสุภาพ พูดขอร้องอย่างสุภาพและกล่าวคำขอบคุณเสมอ อีกทั้งเวลาเจอผู้สูงอายุ อย่าลืมยิ้มแย้มและพูดด้วยถ้อยคำสร้างสรรค์ หากลูก ๆ ทำตามนี้ นั่นก็ถือเป็นชัยชนะของพ่อแม่แล้วล่ะค่ะ

 

3. การใช้เวลาว่าง

หากคุณพ่อคุณแม่ใช้เวลาว่างทำอะไร ลูก ๆ ย่อมทำสิ่งนั้นด้วย หากคุณพ่อคุณแม่ ใช้เวลาว่างในการอ่านหนังสือ ลูก ๆ ก็จะได้ฝึกนิสัยรักการอ่านไปด้วย แต่หากเมื่อใดที่คุณพ่อคุณแม่ ใช้เวลาว่างไปกับการเล่นมือถือและท่องเว็บ แน่นอนว่าเด็ก ๆ ย่อมเหมือนถูกดึงเข้าไปหาโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตด้วย ลูก ๆ จะทำพฤติกรรมตามคนที่พวกเขาอยู่ด้วย โดยจะทำไปแบบไม่ได้ตั้งใจ คุณพ่อคนแม่อย่าลืมสังเกตตัวเอง และใช้เวลาว่างทำในสิ่งที่จะส่งผลดีต่อลูก ๆ ด้วยนะคะ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความที่เกี่ยวข้อง : สอนใช้อินเตอร์เน็ต อย่างไรให้ปลอดภัย สอนลูกให้รู้ทันอินเตอร์เน็ต

 

4. นิสัยการกิน

เรื่องกินที่ถูกต้องของเด็ก ๆ เด็กจะคอยสังเกตและเลียนแบบพฤติกรรมของผู้ใหญ่อยู่ตลอด เพราะฉะนั้นทุกคนในครอบครัวควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ให้ครบ 5 หมู่ ไม่เลือกกินหรือกินอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งเพียงอย่างเดียว และกินให้เป็นเวลาตรงตามมื้ออาหาร เพื่อเป็นตัวอย่างพฤติกรรมให้เด็กทำตามโดยไม่ต้องบังคับ และตรวจสอบให้ดีว่าอาหารที่ลูกได้รับนั้นอุดมไปด้วยคุณประโยชน์โดยเน้นกลุ่มผัก ธัญพืช และผลไม้ ในปริมาณที่เหมาะสม

 

 

5. พฤติกรรมการใช้เงิน

คุณพ่อคุณแม่ควรต้องทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดี ในการใช้เงิน ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ พบว่า นิสัยการใช้เงินในเด็กนั้นเกิดขึ้นเมื่ออายุ 7 ขวบ ดวงตาเล็ก ๆ ของเด็กวัยนี้จะเฝ้ามองพฤติกรรมของผู้ใหญ่แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวในทุก ๆ เรื่อง รวมถึงเรื่องเงินด้วย ถ้าคนในครอบครัวถกเถียงหรือทะเลาะกันเรื่องเงินบ่อย ๆ จะมีผลต่อทัศนคติเรื่องเงินของเด็กในระยะยาว แต่หากพบพฤติกรรมการใช้เงินของผู้ปกครองที่มีระบบระเบียบ พวกเขาจะสังเกตและเลียนแบบพฤติกรรมได้โดยอัตโนมัติ

 

เด็กที่กำลังเติบโต นั้นก็คือนักเลียนแบบดี ๆ นี้เอง นั่นก็เพราะว่า เด็ก ๆ ให้ความสนอกสนใจกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัวอยู่เสมอ พวกเด็ก ๆ เรียนรู้และเลียนแบบพฤติกรรมด้วยการดูและฟังผู้อื่น สิ่งนี้เรียกว่า “การเรียนรู้โดยการสังเกต” และมันก็อาจจะเป็นได้ทั้งเรื่องดีและเรื่องร้าย ถึงแม้จะเป็นเรื่องดีที่ให้พวกเขาเลียนแบบพฤติกรรมและนิสัยในด้านบวก แต่นั่นก็หมายความว่า เราต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเรื่องการกระทำหรือคำพูดเมื่ออยู่ต่อหน้าลูก

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

มวยปล้ำ WWE กับเด็กที่ต้องระวังการลอกเลียนแบบอยู่หน้าทีวี

พฤติกรรมเลียนแบบของลูก ตัวอย่างที่ดีที่สุดของลูกคือพ่อแม่

5 สิ่งต้องห้ามทำ ระวัง ! ลูกเลียนแบบพฤติกรรมพ่อแม่

ที่มา : banmuangthethaiger

บทความโดย

Kanjana Thammachai