เด็ก กศน.ดับ !! หลังเพื่อนเด็กเทคนิค ทำปืนลั่นใส่

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

คืนกลางดึกที่ผ่านมา  สน.แสมดำ กทม. ได้รับแจ้งเหตุปืนลั่น ทำให้มีผู้เสียชีวิต บริเวณป้ายรถประจำทาง เจ้าหน้าที่จึงไปตรวจสอบพร้อม เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณ ข้างป้ายรถประจำทาง พบ เด็ก กศน.ดับ คือนายธนสร หรือเบนซ์ อายุ 17 ปี กำลังศึกษาอยู่ที่ กศน.ศูนย์วัดเลา สภาพศพนอนหงาย สวมเสื้อยืดสีน้ำเงิน คลุมทับด้วยเสื้อเชิ้ตแขนยาวลายสก๊อตสีฟ้า มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 มม. เข้าที่สีข้างขวาใกล้ราวนม กระสุนฝังใน 1 นัด

 

ห่างไปไม่ไกล พบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 125ไอ สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ของผู้ตายจอดอยู่ มีรอยเลือดติดอยู่ที่รถ ยังพบผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 คน ทราบชื่อคือ นายชนันภัทร หรือต้า อายุ 17 ปี นักศึกษา ปวช.ปี 1 วิทยาลัยแห่งหนึ่ง คือคนซ้อนท้ายมากับผู้ตาย มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืน ได้รับบาดเจ็บนิ้วมือซ้ายหวิดขาด เบื้องต้นถูกนำตัวส่ง รพ. เจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บรวบรวมรายละเอียดที่พบไว้เป็นหลักฐาน 

 

 น.ส.ปิยวรรณ บุตรจันทร์ อายุ 38 ปี มารดาผู้ตาย กล่าวว่า หลังทราบข่าวได้เดินรีบเดินทางมาดูศพบุตรชาย กล่าวทั้งน้ำตานองหน้าว่า  ตนทำงานโรงงาน และพักอยู่ที่บ้านเช่า ย่านบางขุนเทียนชายทะเล ได้เลิกรากับอดีตสามี พ่อของผู้ตาย ตั้งแต่เจ้าตัวยังเด็ก และเลี้ยงลูกตัวคนเดียวมาตลอด กระทั่งเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ผู้ตายได้ขอออกไปอยู่กับเพื่อน โดยบอกว่าจะไปเรียนต่อ กศน. ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าลูกไปอยู่กับเพื่อนคนไหน เพราะเป็นคนที่ติดเพื่อนมาก

 

ผู้อยู่ในเหตุการณ์ นายศราวุธ อายุ 23 ปี รปภ.บริษัท วรรธนาอินดัสเทรียล จำกัด ซึ่งทำงานอยู่ที่หน้าบริษัท เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุทำหน้าที่ตามเดิมอยู่ปกติ ได้ยินเสียงดังมาจากริมถนน ตอนแรกคิดว่าเป็นเสียงท่อรถจักรยานยนต์ กระทั่งมีเพื่อนผู้ตาย จำนวน 2 คน วิ่งมาหาตนที่ป้อม บอกให้ช่วยแจ้งตำรวจ เนื่องจากมีคนถูกยิง ถึงได้รู้ว่าเป็นเสียงปืน จึงรีบโทรแจ้งตำรวจ เพื่อให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินหาหลักฐานเพิ่มเติม บริเวณใกล้เคียงปรากฏว่า ยังพบกระสุนปืนขนาด .38 มม. ที่ยังไม่ได้ยิงจำนวน 1 นัด อาวุธมีดอีก 4 เล่ม ซุกซ่อนอยู่ในพงหญ้าบริเวณใกล้จุดเกิดเหตุ จึงควบคุมตัวเพื่อนผู้ตายที่อยู่ในจุดเกิดเหตุ เอาไว้ จำนวน 2 คน อายุ 17 ปี

 

จากการสอบปากคำทั้งคู่ ยอมรับว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายและนายชนันภัทร ขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ กลับจากทำธุระมาพร้อมกันกับพวกตน โดยกำลังเดินทางกลับห้องพักย่านแสมดำ เมื่อรถวิ่งมาถึงบริเวณป้ายรถประจำทางได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ก่อนที่ผู้ตายจะจอดรถแล้วล้มลงเสียชีวิต

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 เบื้องต้น นายชนันภัทร คนซ้อนท้าย ยอมรับเป็นคนทำปืนปากกาขนาด .38 มม. ลั่นใส่ตัวเองที่นิ้ว และพลาดไปถูกเพื่อนเสียชีวิต ด้วยความกลัวนายชนันภัทร จึงโยนอาวุธปืนและเครื่องกระสุน เข้าไปในพงหญ้า ส่วนพวกตนก็นำอาวุธมีดที่พกมาเพื่อป้องกันตัวไปซ่อนไว้ที่รั้วริมกำแพงบริษัทด้วยเช่นกัน เนื่องจากเกรงกลัวความผิด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงเดินทางไปอายัดตัว นายชนันภัทร ที่โรงพยาบาลเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนอาวุธปืนของกลางอยู่ระหว่างตรวจหาในที่เกิดเหตุ ยังไม่พบเพราะผู้ต้องหาไม่สามารถระบุได้แน่นอนว่าโยนทิ้งไปตรงจุดไหน.

 

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

พฤติกรรมที่บ่งบอกว่าลูกติดเพื่อน

1. ลูกอยากอยู่กับเพื่อนตลอดเวลา

สาเหตุที่จะบอกว่าลูกเราติดเพื่อนมากเกินไปแล้ว สังเกตได้จาก ไม่ว่าลูกเราจะทำอะไร ไปไหนจะต้องมีเพื่อนติดไปด้วยทุกที่ คุณพ่อคุณแม่อาจมองเป็นเรื่องดี ลูกของเราจะได้ปลอดภัยและมีเพื่อนไปด้วย แต่สิ่งนี้ก็อาจจะส่งผลทำให้ลูกของเราขาดความมั่นใจในตัวเองและไม่กล้าลงมือทำอีกด้วย

บทความที่เกี่ยวข้อง : ทำอย่างไร? เมื่อ ลูกติดเพื่อน มากเกินไปแล้ว สิ่งที่เราควรให้ความสำคัญ

 

2. เอาแต่ใจตัวเอง

เมื่อลูกของเราโตขึ้น ก็ต้องได้พบเจอกับสิ่งต่าง ๆ มากขึ้น และอาจจะส่งผลทำให้มีพฤติกรรมการเลียนแบบจากสิ่งต่าง ๆ รอบตัว เช่น มีนิสัยที่เอาแต่ใจเพิ่มมากขึ้น อยากได้ดั่งใจ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องและอาจส่งผลไม่ดีต่อลูกเราได้ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรต้องใส่ใจลูกและคุยกับเขาด้วยเหตุผลมากขึ้น

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

3. เพื่อนสำคัญกว่า

เด็กที่อยู่ในวัยโตขึ้นมาหน่อย เวลาที่อยู่โรงเรียนเขาก็จะได้เจอกับเพื่อนวัยเดียวกันและได้พูดคุยกันมาก หากมีความชอบอะไรคล้าย ๆ กัน ก็จะทำให้สนิทกันเป็นพิเศษ ทำให้ลูกติดเพื่อนมากเกินไป เช่น ถ้าให้เลือกระหว่างครอบครัวกับเพื่อน เขาก็อาจจะเลือกไปกับเพื่อนมากกว่า เพราะฉะนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรต้องเปิดใจคุยกันกับลูกมากขึ้น เพื่อที่ลูกจะได้เข้าใจและให้ความสำคัญกับคนในครอบครัวมากขึ้น

 

4. มีความหวงเพื่อน

ข้อสำคัญอีก 1 ข้อที่เราไม่ควรมองข้าม นั่นก็คือลูกหวงเพื่อนมากเกินไป เช่น คุณพ่อคุณแม่ตักเตือนลูกและเพื่อน เวลาที่ทำเรื่องไม่เหมาะสม ลูกของเราแสดงอารมณ์โมโหและไม่พอใจที่เพื่อนของตัวเองโดนต่อว่าด้วย หากคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังพบเจอกับปัญหานี้อยู่เราก็อาจจะต้องอธิบายให้เขาฟังด้วยเหตุผล พร้อมกับปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลูกให้ทำในสิ่งที่เหมาะสมมากขึ้น

 

5. ไม่ค่อยอยู่บ้าน

หากลูกชอบออกจากบ้านไปเที่ยวกับเพื่อนอยู่บ่อย ๆ สิ่งนี้กำลังบ่งบอกว่าลูกของเราติดเพื่อนมากจนเกินไปแล้ว อาจจะเป็นผลมาจากการที่คุณพ่อคุณแม่ไม่มีเวลาให้กับลูก และชอบปล่อยให้ลูกอยู่คนเดียว ดังนั้น หากอยากให้ลูกอยู่กับครอบครัวมากขึ้น เราก็ควรจะต้องมีเวลาให้ลูก และหากิจกรรมต่าง ๆ ทำร่วมกันกับลูกเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว

 

6. ไม่กล้าปฏิเสธเพื่อน

สิ่งหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรมองข้าม หากลูกไม่กล้าปฏิเสธเพื่อนนั่นแสดงว่า ลูกของเราอาจจะกำลังติดเพื่อน ไม่ว่าเพื่อนคนนี้จะชวนไปที่ไหน ก็จะไม่ปฏิเสธเพื่อนคนนี้เลยสักครั้ง และเมื่อเราไปห้าม ลูกก็จะโกรธคุณพ่อคุณแม่ ดังนั้น เราก็ควรจะต้องค่อย ๆ อธิบายให้เขาเข้าใจด้วยเหตุผลว่า ที่เราไม่อยากให้เขาไปเพราะอะไร สอนให้รู้จักปฏิเสธคนอื่นบ้างในบางครั้งนั่นเอง

 

7. อยากมีส่วนร่วมกับเพื่อน

อีกหนึ่งข้อ นั้นก็คือลูกของเราชอบทำอะไรตามเพื่อน เพื่อนจะไปไหนหรือทำอะไรลูกของเราก็จะมีส่วนร่วมด้วยเสมอ คุณพ่อคุณแม่ที่ไม่รู้ว่าจะต้องแก้ปัญหานี้ยังไง ในช่วงแรก ๆ อาจจะต้องค่อย ๆ คุยกับลูก คอยดึงเขาออกมาจากเพื่อนในบางครั้ง หากบังคับลูก ก็อาจจะทำให้กลายเป็นเด็กที่ไม่มีเหตุผลเอาได้ เด็ก ๆ พากันไปทำกิจกรรมที่ดีและถูกต้อง เราก็ควรจะต้องส่งเสริมและสนับสนุนเขาตามไปด้วย

 

การมีเพื่อนเป็นเรื่องที่ดี ทำให้ลูกได้มีเพื่อนวัยเดียวกันคอยปรึกษา แต่คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองท่านไหนที่ทำงานจนไม่ค่อยมีเวลาเลี้ยงดู หรือพูดคุยกับลูกหลาน อย่าลืมหมั่นสังเกตลูกหรือหลานด้วยนะคะ ว่ามีพฤติกรรมข้างต้นหรือไม่ เพื่อที่จะสามารถ ให้คำปรึกษาและแก้ไขพฤติกรรมเหล่านี้ที่อาจจะส่งผลเสียต่อลูกได้ค่ะ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

หามนักเรียน ร.ด. ส่งโรงพยาบาล 17 คน พบปัสสาวะสีเข้ม ต้องฟอกไต หลังฝึกโหด !

หลาน ม.2 ถูกบูลลี่ ญาติเอะใจทำไมไม่ชอบไปโรงเรียน พบโทรมาข่มขู่-ท้าตบ

เลี้ยงลูกแบบนี้ไง ลูกถึงเป็น โรคพฤติกรรมเกเรก้าวร้าว เด็กเกเร ไม่ใช่เรื่องเล็ก

ที่มา : www.bangkokbiznews.com

บทความโดย

Kanjana Thammachai