ประตูหนีบนิ้วเด็กขาด ครูอ้างลมพัดประตู แม่เอาคลิปวงจรปิดสู้ ครูตั้งใจชัดๆ
เกิดเหตุการณ์สุดสลดใจกับวงการการศึกษาไทยอีกครั้ง เมื่อคุณครูทำเด็กนิ้วขาด โดยเรื่องราวนี้เป็นเรื่องของผู้ใช้ Facebook รายหนึ่งที่ออกมาโพสต์ Facebook เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับหลานสาวของตัวเองที่ถูก ประตูหนีบนิ้วเด็กขาด แต่ครูอ้างว่าลมพัดประตูให้ปิดโดนนิ้ว ด้านคุณแม่ขอดูกล้องวงจรปิดเห็นว่าครูตั้งใจชัด ๆ
เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2563 ได้มีผู้ใช้ Facebook รายหนึ่ง ได้ออกมาโพสต์เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยมีเนื้อหาว่า ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับลูกคุณ หลานคุณ คุณจะเรียกร้องค่าเสียหายเท่าไหร่ #กับทางโรงเรียนและคุณครูที่กระทำการโดยประมาทคะ ครูตั้งใจปิดประตูห้องเรียนทั้งๆที่เด็กแค่เดินออกไปทิ้งกล่องนมหน้าห้อง บังเอิญมือน้องยังเกาะที่ขอบประตู เพราะถังขยะมันอยู่ตรงหน้าประตูเลย
ประตู หนีบนิ้ว เด็กขาด
และพอเหตุการณ์เกิดขึ้น ครูที่โรงเรียนโทรมาแจ้งว่า #ลมพัดประตูหนีบนิ้วน้อง และพาไปทำแผลที่รพ. แต่แม่น้องได้ไปขอดูกล้องวงจรปิด สรุปคือ ครูตั้งใจปิดประตู และไม่มีการโทรมาสอบถามว่าน้องเป็นยังไง หรือ อาการเป็นยังไง ไม่มีแม้แต่จะถามไถ่ มีแค่เจอครูตอนหมอนัดไปทำแผลที่รพ. คืออะไร #งงมาก #โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในเมืองเชียงราย
แนนอยากถามตามความเหมาะสม ทั้งเรื่องการทำศัลยกรรมตกแต่ง ทั้งเรื่องการเยียวยาสภาพจิตใจเด็ก พ่อแม่เด็ก และการที่เด็กเติบโตไปในอนาคต #ด้วยนิ้วที่ขาดด้วน เด็กจะหมดโอกาสในการทำงาน เช่นทหารหรือตำรวจ (#ถ้าเป็นคุณจะเรียกกี่บาท) ไม่ได้หวังผลทางธุรกิจ แต่นี่คือสิ่งที่ควรเยียวยาจิตใจน้อง และครอบครัว
แนนอยากขอปรึกษาผู้รู้ หรือทนายความ หรือคุณหมอ ใครพอจะแนะนำได้บ้าง ตอนนี้สภาพจิตใจเด็กแย่มาก หวาดผวา หวาดกลัว และไม่ต้องถามถึงจิตใจของพ่อแม่นะคะว่าจะแย่แค่ไหน มีใครพอจะแนะนำโรงพยาบาลที่สามารถทำศัลยกรรมตกแต่งหรือประเมินค่าใช้จ่ายหรือประเมินสภาพแผลเบื้องต้นจากภาพถ่ายได้บ้างคะ ปล.เราสอบถามยันฮีแล้วเราไม่สะดวกเดินทางไปประเมินถึงที่ #ลูกพี่สาว
ผู้ปกครอง ปรึกษา การศัลยกรรม เบื้องต้น
โดยความคืบหน้า นางพิมญาดา รุซโซ่ว์ คุณแม่ของน้องวัย 3 ขวบ ได้นำหลักฐานภาพถ่ายและใบรับรองแพทย์เข้าแจ้งความ ที่ สภ.เมืองเชียงราย เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้บริหารของโรงเรียน และระบุว่าบุตรชายคือ น้องเอเค อายุ 3 ปี ได้รับบาดเจ็บจากประตูโรงเรียนหนีบตรงปลายนิ้วของมือซ้าย โดยแพทย์ยืนยันว่าปลายนิ้วชี้ด้านซ้ายขาดถาวร โดยเล็บสั้นลง 50% จนนิ้วสั้นลงเล็กน้อย
ประตู หนีบนิ้ว เด็กขาด
เหตุกาณ์ที่เกิดขึ้น เกิดเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยทางผู้อำนวยการโรงเรียนได้โทรศัพท์มาแจ้งว่าลูกชาย ประสบเหตุบาดเจ็บที่นิ้วและได้นำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว ในเบื้องต้นก็ไม่ได้ติดใจอะไรเลย หลังจากนั้นก็พาบุตรชายกลับบ้าน เห็นบาดแผลที่ปลายนิ้ว ซึ่งร้ายแรงกว่าที่คาดคิดไว้มาก จึงไปพบผู้อำนวยการโรงเรียน
คุณแม่ได้ ขอดูภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่าครูพี่เลี้ยงเป็นผู้หญิงอยู่ในห้อง 2 คนกำลังเตรียมให้เด็ก ๆ เข้านอน โดยลูกชายได้นำกล่องนมไปทิ้งถังขยะนอกห้อง แต่ขณะที่มือข้างซ้ายจับอยู่กับขอบประตู ได้เห็นภาพครูพี่เลี้ยงปิดประตูที่เป็นไม้อย่างแรง จนขอบประตูทับกับนิ้วได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ไม่ใช่เหตุลมพัดตามที่กล่าวอ้างแต่แรก แต่เกิดจากการปิดประตูโดยครูพี่เลี้ยงนั่นเอง
ประตู หนีบนิ้ว เด็กขาด
จากการตรวจสอบ ภาพจากกล้องวงจรปิดของทางโรงเรียน ซึ่งทำให้เห็นเหตุการณ์อย่างละเอียด จนพบว่าเป็นความประมาทของครูพี่เลี้ยง ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายเด็กนักเรียน
จากการสอบถาม นางพรรณี เวียงโอสถ ผู้รับใบอนุญาตโรงเรียน อนุบาลพรรณี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ที่ผ่านมา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดจากความประมาทของครูพี่เลี้ยง ในส่วนของค่าใช้จ่ายทั้งหมดส่วนหนึ่งมีประกันอุบัติเหตุของโรงเรียน และค่าใช้จ่ายส่วนเกินผู้ปกครองก็สามารถเบิกได้ แต่ต้องสำรองจ่ายไปก่อน ทางโรงเรียนก็สำรองจ่ายให้หมดเกือบ 4 หมื่นบาท และค่าใช้จ่ายทางโรงเรียนรับผิดชอบทั้งหมดจนหาย
นางพรรณี กล่าวด้วยว่า จากนั้นได้พูดคุยเรื่องค่าชดใช้ทางผู้ปกครองเรียกมา 4 แสนบาท ทางโรงเรียนต่อรองว่า 2 แสนได้หรือไม่ ทางโรงเรียนยอมรับผิด ครูยอมรับผิด ทางโรงเรียนจะรับผิดชอบ ขณะนี้อยู่ ระหว่าง การเจรจากันอยู่
ผู้อำนวย การ โรงเรียน
โดยในตอนแรกนัดคุยกันในวันศุกร์ที่ผ่านมา และทาง โรงเรียน นัดคุยกันในวันพุธซึ่งเป็นวันนี้อีกที แต่ตกลงกันไม่ได้เพราะทางผู้ปกครองจะเอา 4 แสน ซึ่งทางโรงเรียนบอกว่าขอ 2 แสนแทนได้ไหม และเมื่อตกลงกันไม่ได้ต่างฝ่ายต่างกลับไปพิจารณากัน ทางโรงเรียน จะไปคุยกับคณะกรรมการโรงเรียนเพื่อพิจารณาดูและวันนี้จะมาพูดคุยกันอีกครั้ง แต่ยังไม่ได้คุยกัน ทางคุณแม่ของน้องก็ไปแจ้งความเสียแล้ว ทางโรงเรียน ก็รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ล่าสุดทางโรงเรียนได้มีลงโทษทางวินัยกับครูที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว โดยให้ไป ปฎิบัติหน้าที่งานด้านอื่น เช่น งานกิจกรรมหรือด้านงานถ่ายภาพของโรงเรียน แทนการเป็นครูพี่เลี้ยงเด็กแล้ว
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!