เรื่องราวสุดรันทดของ แม่ลูก 4 อาศัยตึกร้าง ที่ถูกเปิดเผยเมื่อช่วงกลางวันที่ผ่านมา โดยมีการแจ้งเบาะแสว่า มีครอบครัวหนึ่งใช้ชีวิตอาศัยอยู่ภายในตึกร้าง บริเวณริมถนนสายบายพาส-ปราณบุรี ฝั่งขาล่องใต้ ม.4 ต.สามพระยา อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เป็นที่ซุกหัวนอนท่ามกลางกองขยะ น้ำและไฟไม่มี ต้องอาศัยน้ำขังในบ่อข้างถนนใช้ต้มดื่มกิน หุงข้าว และอาบน้ำ ใช้ป่ารกข้างหลังอาคารเป็นที่ขับถ่าย รวมทั้งหาผักและปลามาทำกับข้าวกินเพื่อประทังชีวิต
หลังทราบเรื่อง แม่ลูก 4 อาศัยตึกร้าง จึงมีการเดินทางไปตรวจสอบ พบโครงสร้างเป็นแบบอาคารพาณิชย์ 5 คูหา ที่ยังสร้างไม่เสร็จและถูกปล่อยทิ้งร้าง น้ำและไฟไม่มี ภายในตัวอาคารพบ น.ส.ชนนิกานต์ คำพิม อายุ 28 ปี อาศัยอยู่กับลูกสาว 4 คน อายุ 2 ปี, 5 ปี, 8 ปี และอายุ 1 เดือนที่กำลังนอนอยู่ในเปลผ้า ท่ามกลางกองผ้าและเศษขยะที่กองกระจัดกระจายเป็นจำนวนมาก
น.ส.ชนนิกานต์ เปิดเผยว่า เมื่อปีที่แล้วได้หอบลูกน้อย 3 คน ติดตามสามีจาก จ.อุดรธานี เพื่อมารับจ้างตัดอ้อยในพื้นที่ อ.ชะอำ โดยพักอยู่ในแคมป์คนงาน แต่ต่อมานายจ้างได้ไล่ตนและสามีออกจากงาน โดยอ้างว่าตนมีลูกเยอะและขี้เกียจทำงาน ขณะที่เดินเร่ร่อนอยู่ริมถนนสายบายพาส ได้พบเห็นอาคารดังกล่าวจึงเข้าไปอาศัยหลับนอน โดยไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปาใช้ ต้องใช้น้ำขังในบ่อข้างถนนมาต้ม เพื่อใช้ดื่มกิน หุงข้าว อาบน้ำ และใช้ป่ารกชัฏเป็นที่ขับถ่าย
ส่วนสามีก็ทำงานรับจ้างรีดน้ำนมวัวในหมู่บ้าน ไม่ไกลจากอาคารร้าง แต่รายได้ก็ไม่พอใช้จ่าย ทำให้ตนต้องออกไปหาผัก ปลา และหอยเชอรี่ในคูคลองมาทำกับข้าวรับประทาน ขนมของลูกก็ต้องหาลูกพุทรา มะขามเทศ และผลไม้อื่น ๆ ที่อยู่ในป่ามาให้กิน กระทั่งเมื่อ 1 เดือนที่ผ่านมา ตนคลอดลูกสาวเอง โดยมีสามีคอยนำกรรไกรตัดรก ไม่ได้หาหมอแต่อย่างใด เนื่องจากไม่มีเงินและไม่มีรถไปโรงพยาบาล
บทความที่เกี่ยวข้อง : คลอดลูกสาว 4 คน สะใภ้จีนถึงกับน้ำตาตก เมื่อสามีขอหย่าตอนท้องคนที่ 5!
ชาวบ้านละแวกใกล้เคียง เล่าว่า เคยนำอาหารและของใช้ไปให้ รวมถึงเก็บขวดให้อีกฝ่ายไปขายเพื่อนำเงินมาใช้จ่ายครอบครัว แต่เขาก็ไม่เคยสนใจเลย และมีหน่วยงานเข้าไปช่วยเหลือนำบุตรสาว 2 คน เข้าไปเรียนชั้นอนุบาลและชั้นประถมที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง อ.ชะอำ ด้วย
อันตรายจากน้ำดื่ม
น้ำเป็นสิ่งจำเป็น เพราะมนุษย์ต้องนำน้ำไปใช้ในการดำรงชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะน้ำดื่มต้องเป็นน้ำที่สะอาดมีคุณภาพ มิฉะนั้นจะก่อให้เกิดโทษต่อร่างกาย น้ำดื่มที่ใช้ในครัวเรือนจะมีการดูแลกันเองอยู่แล้ว แต่น้ำดื่มที่ใช้บริโภคในชุมชน เช่น โรงเรียน การดูแลอาจจะน้อยกว่า เพราะขาดคน หรืองบประมาณ จึงมีโอกาสสูงที่เด็กนักเรียนจะบริโภคน้ำที่ไม่มีคุณภาพ แล้วเกิดการสะสมของโรคต่าง ๆ ตามมา นอกจากนี้น้ำดื่มในประเทศไทย ก็พบว่ายังมีปัญหาเรื่องของน้ำขุ่น น้ำกระด้าง รวมไปถึงน้ำที่มีสารคลอรีนตกค้าง ที่พบได้อยู่เป็นประจำ
คนไทยจำนวนไม่น้อยกลับก็ต้องป่วย และประสบปัญหาสุขภาพ จากน้ำดื่มที่ไม่สะอาด น้ำดื่มที่มีการปนเปื้อนเชื้อโรค รวมถึงสารเคมี ซึ่งข้อมูลทางสถิติได้โชว์ตัวเลขอันน่าตกใจเกี่ยวกับข้อมูลเรื่องน้ำดื่มไว้ว่า “ประชากรโลกป่วยจากการดื่มน้ำปนเปื้อนอุจจาระ ปีละประมาณ 1,800 ล้านคน เช่น โรคอุจจาระร่วง บิด อหิวาตกโรค ไทฟอยด์ เป็นต้น และเสียชีวิตปีละประมาณ 5 แสนคน เฉลี่ยนาทีละ 1 คน”
เชื้อโรคที่สร้างอันตรายจากน้ำดื่ม
เชื้อโรคที่ปนเปื้อนมากับน้ำไม่สะอาด นอกเหนือไปจากโลหะหนักแล้ว ทุกคนทราบกันดีว่า น้ำไม่สะอาด หรือน้ำที่ไม่ได้รับการกรองและกักเก็บอย่างดี ย่อมมีเชื้อโรคปนเปื้อนที่พร้อมสร้างผลกระทบต่อสุขภาพได้ทั้งในแบบฉับพลัน หรือในระยะยาว ซึ่งเชื้อโรคที่มักมากับน้ำดื่มมักเป็นต้นเหตุของบรรดาโรคร้าย อาทิ ท้องร่วง ท้องเสีย อาการไข้ อักเสบ ทั้งนี้ จากข้อมูลทางสถิติ
เชื้อโรคที่พบบ่อย
1. เชื้อโคลิฟอร์ม
เป็นเชื้อโรคที่แท้จริงแล้วมีอยู่แล้วในบริเวณลำไส้ของมนุษย์ หากมีเชื้อชนิดนี้ในปริมาณที่มากเกินไป ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจะได้รับมาจากน้ำดื่มและอาหารที่ไม่สะอาด จะส่งผลให้ผู้ติดเชื้อมีอาการป่วย ซึ่งมักมีอาการคล้ายกับโรคไข้หวัดใหญ่ มีไข้ ปวดท้อง ท้องเสีย สามารถเกิดขึ้นในกับผู้คนทุกเพศทุกวัย ซึ่งเชื้อโรคนี้สามารถกำจัดได้ หากมีการต้มน้ำที่ดื่ม หรือน้ำได้ผ่านกระบวนการพาสเจอไรซ์ หรือผ่านระบบกรองน้ำที่มีประสิทธิภาพค่ะ
2. เชื้ออีโคไล
เชื้ออีโคไล คือเชื้อโรคอีกหนึ่งประเภท ที่มักทำให้ผู้ได้รับเชื้อเกิดอาการป่วย โดยส่วนใหญ่มักมีอาการปวดท้อง ท้องเสีย อาหารเป็นพิษ คลื่นไส้อาเจียน รวมไปถึงมีภาวะอ่อนเพลีย ซึ่งต้องใช้เวลาพักฟื้นกว่า 5-10 วันถึงจะดีขึ้นเลยทีเดียวค่ะ
โดยสรุปแล้ว น้ำใส ๆ ที่ดูสะอาด อาจนำมาซึ่งโลหะหนักและเชื้อโรคปนเปื้อน หากเข้าสู่ร่างกายผ่านการบริโภคที่มิได้ระมัดระวัง การดื่มน้ำแก้วเล็ก ๆ ที่คุณทำอยู่ทุกวี่วันเป็นกิจวัตรประจำวัน ก็อาจเป็นต้นเหตุของโรคร้ายแรงที่แก้ไขยากก็เป็นได้
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
เด็ก 10 ขวบ สภาพโดนมัดมือมัดเท้า กุเรื่องถูกลักพาตัว เหตุเพราะกลัวถูกตี!
“บุ๋ม ปนัดดา” คุณแม่วัย 46 คลอดลูกชายแล้ว พร้อมเปิดภาพ “น้องอเล็กซ์” เป็นครั้งแรก!
พลเมืองดีสุดทน! ร้องมูลนิธิปวีณาฯ แม่พาลูก 7 เดือนไม่มีรูทวาร หนีจาก รพ.
ที่มา : one31, wisecdt
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!