การเลี้ยงลูกสองภาษา ให้ลูกได้ภาษาที่ 2 จริง ๆ ทั้งฟัง พูด อ่าน เขียน
การเลี้ยงลูกสองภาษา สมัยนี้ภาษาที่สองเป็นสิ่งที่เด็กทุกคนสามารถเรียนรู้ได้อย่างงายดาย คุณพ่อคุณแม่ควรตระหนักและให้ความสำคัญกับสิ่งนี้กันด้วยนะคะ
ความหมายของการเป็นคน 2 ภาษา (Bilingual) คลอบคลุมรวมตั้งแต่การที่คน ๆ หนึ่งฟังเข้าใจและพูดได้ 2 ภาษา ไม่ว่าจะอ่านเขียนได้หรือไม่ จะอ่านและจับใจความได้ดีแค่ไหน หรือเขียนได้ดีแค่ไหน ขอเพียงสื่อสารเข้าใจ ไม่จำเป็นว่าจะเรียนรู้ภาษาแรกก่อนนานเท่าไหร่ หรือจะเรียนรู้ทั้ง 2 ภาษาไปพร้อมกัน ก็เรียกว่าเป็นคน 2 ภาษาได้แล้ว
ทีนี้เราก็ต้องมาดูว่าคุณต้องการให้ลูกเป็นเด็ก 2 ภาษาระดับไหน ซึ่งการเป็นคน 2 ภาษามีหลายแบบ ดังนี้
1. Co-ordinate Bilingual (Simultaneous) หรือสามารถพูดสื่อสารได้ดีแต่ไม่สมบูรณ์แบบเหมือนเจ้าของภาษาทั้งสองภาษา คำบางคำอาจยังใช้ผิดบ้างนิดหน่อย
2. Compound Bilingual (Sequential) คือมีภาษาหนึ่งที่สื่อสารได้ดีกว่าอีกภาษา เพราะว่าได้ใช้บ่อยกว่า มีสิ่งแวดล้อมที่ทำให้ต้องใช้ภาษานั้นมากกว่า
3. Balanced Bilingual คือสามารถสื่อสารได้ดีทั้ง 2 ภาษา ทั้งฟัง พูด อ่าน เขียน เหมือนเป็นเจ้าของภาษา
4. Ambi-bilingual คือมีภาษาแรกเป็นทั้ง 2 ภาษา พูดได้สำเนียงไม่ผิดเพี้ยน ฟัง พูด อ่าน เขียนได้ เขียนเรียงความได้ อ่านหนังสือเรียนยาก ๆ ได้ทั้ง 2 ภาษา
5. Semi-bilingual คือสามารถสื่อสารได้แต่ไม่ได้ดีทั้ง 2 ภาษา พูดได้ ฟังได้ แต่อ่านหนังสือเรียนที่ยาก ๆ ไม่ได้ จับใจความไม่ค่อยได้ ซึ่งนี่เป็นปัญหาของโรงเรียนนานาชาติหลายแห่งในโลก เนื่องจากเด็กไม่ได้รับการกระตุ้นว่าจะต้องฟัง พูด อ่าน เขียนให้ได้สมบูรณ์แบบแม้แต่ภาษาเดียว
6. Multi-lingual คือความสามารถในการสื่อสารได้มากกว่า 2 ภาษา มีทั้งภาษาที่เป็นภาษาหลักหรือเป็นเจ้าของภาษานั้น ภาษาที่ฟังพูดได้แต่เขียนไม่ดี และยังมีอีกที่พอรู้เรื่องบ้างแต่ไม่ใช่เจ้าของภาษา คนที่เป็น Multi-lingual มักจะมาจากครอบครัวที่พ่อและแม่มาจากคนละประเทศและได้เรียนโรงเรียนที่ใช้อีกภาษาที่ไม่ได้ใช้ที่บ้าน
พัฒนาการด้านภาษา
เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงที่คุณแม่ตั้งครรภ์ช่วงไตรมาสสุดท้าย ถ้าพ่อ แม่ และคนที่คุยด้วยบ่อย ๆ พูดภาษาอะไร ลูกก็จะสามารถจับสำเนียงภาษานั้น ๆ ได้ดีขึ้น จนลูกเกิดมาแล้ว ช่วงที่ยังเล็กอยู่ ถ้าเด็กได้มีโอกาสฟังคนพูดหลาย ๆ ภาษา ก็จะทำให้การฝึกเป็นไปได้ง่ายขึ้น
ความเชื่อที่ว่าเมื่อเด็กได้ฟังหลายภาษาจะทำให้พูดช้าลง เป็นความเชื่อที่ไม่ใช่ความจริง เด็กจะพูดช้าหรือไม่ขึ้นอยู่กับตัวเด็กเอง ไม่เกี่ยวกับว่าเขาได้ฟังหลายภาษา เพราะฉะนั้นพ่อแม่ที่ต่างคนต่างมากจากคนละประเทศไม่ต้องห่วง
เปิดหน้าถัดไปเพื่อหาวิธีพัฒนาภาษาลูก
สิ่งที่ต้องทำเพื่อให้ลูกได้เป็นเด็ก 2 ภาษา
1. ภาษาที่บ้านต้องเข้มแข็ง ภาษาที่คุยกันที่บ้านต้องดีก่อน ถึงจะสามารถพัฒนาภาษาที่ 2 ได้ เรื่องนี้สำคัญมาก จะเห็นได้จากตัวอย่างเด็กหลายคนที่พ่อแม่คุยกับลูกเป็นภาษาอังกฤษทั้งที่ตัวเองเป็นคนไทย ไม่ได้ให้ความสนใจสอนหรือพูดคุยภาษาไทยกับลูก ไม่ได้สนใจว่าเด็กจะอ่านเขียนไทยดีหรือไม่ เมื่อลูกเข้าโรงเรียน หากการสอนภาษาอังกฤษของโรงเรียนไม่เข้มพอ เด็กจะออกมาเป็นคนที่ไม่ได้แม้แต่ภาษาเดียว คือได้แค่พอสื่อสารได้ อย่าลืมนะค๊ะว่าเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน ถ้าเขาไม่ใช่คนที่มีความสามารถด้านภาษาดีเลิศ จะจบที่ไม่ได้ภาษาอะไรเลย เพราะฉะนั้นพ่อแม่ที่เป็นคนไทย ควรพูดภาษาไทยกับลูก ให้ภาษาไทยมีความเข้มแข็งก่อน จึงให้ลูกหัดภาษาอังกฤษ
2. หากพ่อและแม่มีภาษาหลักคนละภาษา ให้ต่างคนต่างพูดภาษาของตนเองเวลาพูดกับลูก เช่น แม่เป็นคนไทย พ่อเป็นฝรั่งเศส ก็ให้แม่พูดไทยกับลูกเสมอ และพ่อพูดฝรั่งเศสเสมอ ไม่เปลี่ยนแปลง หากคุณต้องคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ ก็คุยกันได้เมื่ออยู่ครบทั้งครอบครัว แต่คุณแม่จะไม่ข้ามไปพูดฝรั่งเศสกับลูก เพราะนอกจากเราจะไม่ใช่สำเนียงเจ้าของภาษาแล้ว เด็กก็จะสับสนด้วย
3. ถ้าทั้งคู่ไม่เก่งอังกฤษ อย่าพูดภาษาอังกฤษกับลูก ถ้าให้ลูกเข้าโรงเรียนนานาชาติแล้ว เด็กสามารถเรียนรู้ปรับตัวได้ ช่วงแรกอาจจะยากหน่อย แต่ไม่นานเขาจะทำได้เอง คุณอาจจะอ่านหนังสือให้ลูกเป็นภาษาอังกฤษได้ แต่ช่วงที่คุยกันให้คุยภาษาที่คุณถนัด
4. อย่าเอาแต่ให้ลูกเรียนในห้องเรียน วิธีพัฒนาภาษาที่ดีที่สุดคือการได้ใช้ ลองพาลูกไปเข้ากลุ่ม playgroup ที่มีเด็กจากต่างชาติร่วมด้วย หาเพื่อนเล่นที่พูดอีกภาษาให้ลูก ดูภาพยนตร์เป็นภาษาอังกฤษ หรือใช้ภาษาอังกฤษด้วยวิธีอื่น ๆ ยิ่งลูกเล็ก ๆ เราไม่แนะนำให้ไปเรียนพิเศษภาษาต่าง ๆ จริงอยู่ที่การหัดยิ่งเล็กยิ่งเป็นเร็ว แต่เด็กที่ได้ใช้เวลากับพ่อแม่ ได้วิ่งเล่น เรียนรู้จากสิ่งรอบตัวจะมีพัฒนาการที่ดีกว่าเด็กที่ต้องนั่งอยู่แต่ในห้องเรียน ซึ่งพัฒนาการโดยรวมของลูกย่อมสำคัญกว่าเสมอ
การพูดได้หลายภาษาเท่ากับเป็นการได้ออกกำลังสมอง ทำให้เป็นคนคิดวิเคราะห์เก่ง จัดการเวลาได้ดี ทำงานได้หลายอย่างในเวลาเดียวกัน และยังช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อม
การที่เด็กจะฟัง พูด อ่าน เขียนได้เหมือนเจ้าของภาษาได้มากกว่า 1 ภาษา ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่ว่าจัดที่เรียนภาษาให้แล้วเด็กจะสามารถพูดได้ทุกคน จำไว้เสมอว่า เด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะเก่งด้านภาษา ด้านดนตรี ด้านกีฬา ด้านการคิดคำนวณ ฯลฯ เพราะฉะนั้น อย่ากดดันลูกเมื่อเขาทำไม่ได้ และอย่าเปรียบเทียบลูกกับเด็กบ้านอื่น หาจุดแข็งของลูกและพัฒนาจุดนั้นจะดีกว่า
บทความนี้รวบรวมมาจากการบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ จัดโดย International Parenting Network (IPN) ภายใต้หัวข้อ “How To Raise Bilingual Children” โดย Ondine Ullman ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาและการพัฒนาภาษาอังกฤษของเด็กที่ไม่ได้พูดอังกฤษเป็นภาษาหลัก
คิดก่อนส่งลูกไปเรียนภาษาที่สาม