ยาไตรเฟอร์ดีน คนท้อง กินตอนไหน ? กินแล้วอาเจียน ทำไมต้องกิน? หยุดกินได้ไหม? คำถามที่คุณแม่ตั้งครรภ์หลายคนสงสัย สำหรับยาไตรเฟอร์ดีนเป็นยาบำรุงครรภ์ ช่วยป้องกันภาวะขาดสารอาหารในคุณแม่ตั้งครรภ์ ซึ่งคนท้องหลายคนกังวลเรื่องอาการข้างเคียง เช่น อาเจียน หายใจไม่สะดวก ฯลฯ theAsianparent จะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับยาไตรเฟอร์ดีน ว่าควรกินเมื่อไหร่ มีประโยชน์อย่างไร และหากมีอาการไม่พึงประสงค์ควรทำอย่างไร
สารบัญ
ยาบำรุงครรภ์ คืออะไร?
การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาพิเศษที่ร่างกายของผู้หญิงต้องทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูลูกน้อยในครรภ์ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยาบำรุงครรภ์ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่มอบสารอาหารที่จำเป็นแก่ทั้งคุณแม่และลูกน้อย ยาบำรุงครรภ์ หรือ วิตามินสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ คือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ โดยที่สูตินรีแพทย์จะจัดให้คุณแม่รับประทานตามสัดส่วนที่เหมาะสมตลอดการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ เพื่อช่วยเสริมสร้างและทดแทนสารอาหารที่ร่างกายของคุณแม่ต้องการในปริมาณที่เพิ่มขึ้นในช่วงตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายต้องทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูทารกในครรภ์ ซึ่งในยาบำรุงครรภ์ส่วนใหญ่ประกอบด้วยสารอาหารสำคัญ นั่นคือ
- กรดโฟลิก (Folic Acid): โฟลิกเป็นวิตามินบีชนิดหนึ่ง มีบทบาทสำคัญในการแบ่งเซลล์และการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ช่วยลดความเสี่ยงของภาวะหลอดประสาทไม่ปิดของทารกในครรภ์ ซึ่งเป็นความผิดปกติของสมองและไขสันหลัง
- ธาตุเหล็ก: ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง ซึ่งนำพาออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกายและทารกในครรภ์ การขาดธาตุเหล็กอาจทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง
- แคลเซียม: แคลเซียมเป็นส่วนประกอบสำคัญของกระดูกและฟัน ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงทั้งของแม่และลูก
- ไอโอดีน: ไอโอดีนมีความสำคัญต่อการพัฒนาสมองและระบบประสาทของทารกในครรภ์
- วิตามินดี: ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างกระดูก
ทำไมคุณแม่ตั้งครรภ์จึงควรรับประทานยาบำรุงครรภ์?
- เพื่อสุขภาพที่ดีของทั้งแม่และลูก: ยาบำรุงครรภ์ช่วยให้คุณแม่ได้รับสารอาหารที่จำเป็นเพียงพอ เช่น กรดโฟลิก ธาตุเหล็ก แคลเซียม และวิตามินต่างๆ ซึ่งมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ ช่วยป้องกันภาวะขาดสารอาหาร และลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น ทารกเกิดมาตัวเล็กเกินไป หรือมีความผิดปกติแต่กำเนิด
- ช่วยป้องกันภาวะขาดเลือด: ธาตุเหล็กในยาบำรุงครรภ์ช่วยป้องกันภาวะโลหิตจาง ซึ่งเป็นภาวะที่พบบ่อยในหญิงตั้งครรภ์
- ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง: แคลเซียมในยาบำรุงครรภ์ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ทั้งของคุณแม่และทารกในครรภ์
- ช่วยพัฒนาสมองและระบบประสาทของทารก: กรดโฟลิกมีความสำคัญต่อการพัฒนาสมองและระบบประสาทของทารก ช่วยป้องกันภาวะหลอดประสาทไม่ปิด ซึ่งเป็นความพิการแต่กำเนิดที่รุนแรง
ข้อแนะนำในการรับประทานยาบำรุงครรภ์
- ไม่ควรรับประทานยาบำรุงครรภ์เองโดยไม่ปรึกษาแพทย์: เพราะยาบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงหรือไม่เหมาะสมกับคุณแม่ตั้งครรภ์บางราย
- รับประทานอาหารให้หลากหลาย: การรับประทานยาบำรุงครรภ์เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ คุณแม่ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์หลากหลายครบ 5 หมู่ เพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วน
ยาไตรเฟอร์ดีน คือยาอะไร
ยาไตรเฟอร์ดีน (Triferdine) มีลักษณะทรงรีสีแดง เป็นยาบำรุงที่สำคัญมากสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ เพราะมีส่วนผสมของสารอาหารสำคัญ 3 ชนิด ได้แก่ ไอโอดีน(Iodine) ธาตุเหล็ก(Iron) และกรดโฟลิก (Folic Acid) ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ และช่วยป้องกันภาวะขาดสารอาหารในคุณแม่
-
ไอโอดีน (Iodine)
เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ เพราะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสมองและระบบประสาทของทารกในครรภ์ หากคุณแม่ได้รับไอโอดีนไม่เพียงพอ อาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของลูกน้อยในระยะยาว
- พัฒนาการสมองของทารก: ไอโอดีนเป็นส่วนประกอบสำคัญของฮอร์โมนไทรอยด์ ซึ่งมีบทบาทในการพัฒนาสมองและระบบประสาทของทารกตั้งแต่อยู่ในครรภ์ หากขาดไอโอดีน ทารกอาจมีสมองขนาดเล็ก มีปัญหาด้านสติปัญญา และการเรียนรู้
- สุขภาพของแม่: ไอโอดีนยังช่วยให้ต่อมไทรอยด์ของแม่ทำงานได้เป็นปกติ ช่วยควบคุมอุณหภูมิร่างกาย และเผาผลาญพลังงาน
-
ธาตุเหล็ก (Iron)
เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ เพราะธาตุเหล็กมีบทบาทสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดง ซึ่งทำหน้าที่ลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายทั้งของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์
- ป้องกันภาวะโลหิตจาง ภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยในหญิงตั้งครรภ์ การได้รับธาตุเหล็กเพียงพอจะช่วยป้องกันภาวะนี้ได้
- พัฒนาการของทารก ธาตุเหล็กมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาสมองและระบบประสาท
- เพิ่มพลังงาน การมีระดับธาตุเหล็กเพียงพอจะช่วยให้คุณแม่รู้สึกมีพลังงานมากขึ้นและลดอาการอ่อนเพลีย
-
กรดโฟลิก (Folic Acid)
โฟลิก หรือ วิตามินบี 9 เป็นวิตามินที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ เพราะมีบทบาทสำคัญในการสร้างเซลล์ใหม่ โดยเฉพาะเซลล์สมองและไขสันหลังของทารกในครรภ์ การได้รับกรดโฟลิกในปริมาณที่เพียงพอจะช่วยลดความเสี่ยงของภาวะที่ทารกในครรภ์มีหลอดประสาทไม่ปิด ซึ่งเป็นความผิดปกติทางสมองและไขสันหลังที่รุนแรง
- การพัฒนาสมองและไขสันหลังของทารก: กรดโฟลิกมีส่วนช่วยในการสร้างและพัฒนาเซลล์สมองและไขสันหลังของทารกในครรภ์ ช่วยให้ระบบประสาทของทารกเจริญเติบโตได้สมบูรณ์
- ป้องกันภาวะหลอดประสาทไม่ปิด: การขาดกรดโฟลิกอาจทำให้เกิดภาวะหลอดประสาทไม่ปิด ซึ่งเป็นความผิดปกติทางสมองและไขสันหลังของทารกในครรภ์ได้
- สร้างเม็ดเลือดแดง: กรดโฟลิกมีส่วนช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง ซึ่งจำเป็นสำหรับการนำพาออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทั้งของแม่และทารกในครรภ์
ยาไตรเฟอร์ดีน คนท้อง กินตอนไหน
คุณแม่ตั้งครรภ์จะได้รับยาบำรุงครรภ์ไตรเฟอร์ดีนตั้งแต่ตอนที่ไปฝากครรภ์ โดยทั่วไปแล้วแพทย์มักจะแนะนำให้คุณแม่รับประทานยาไตรเฟอร์ดีนตั้งแต่ไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ รับประทานวันละ 1 เม็ดทุกวันตลอดการตั้งครรภ์ไปจนถึงช่วงในนมลูก 6 เดือนแรก
ข้อควรระวังในการทานยาไตรเฟอร์ดีน
- การใช้ยาไตรเฟอร์ดีน คุณแม่ตั้งครรภ์ควรใช้ยาไตรเฟอร์ดีนตามแพทย์สั่งเท่านั้น
- ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้สารไอโอดีน, ธาตุเหล็ก และกรดโฟลิก หรือส่วนประกอบของยานี้
- ยาไตรเฟอร์ดีน (Triferdine) อาจทำให้ท้องผูก ท้องเสีย อุจจาระสีดำ จุกแน่นได้ และเกิดอาการผื่นแดง ปวดท้อง อาเจียน หายใจไม่สะดวก หากคุณแม่มีอาการข้างเคียงเหล่านี้ให้แจ้งให้สูตินรีแพทย์ที่ดูแลครรภ์คุณแม่ทราบทันที
ยาไตรเฟอร์ดีน คนท้อง กินแล้วอาเจียน ไม่กินได้ไหม
สำหรับไตรเฟอร์ดีนเป็นยาบำรุงครรภ์ที่รับประทานแล้วอาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้ เช่น อาเจียน ปวดท้อง หรือหายใจไม่สะดวก เป็นต้น ซึ่งคุณแม่ไม่ควรหยุดยาเองโดยพลการ เพราะอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ ข้อแนะนำคือเมื่อรับประทานยาไตรเฟอร์ดีนแล้วอาเจียน หรือมีอาการข้างเคียงต่างๆ เกิดขึ้น แนะนำให้ปรึกษาสูตินรีแพทย์ที่ดูแลครรภ์คุณแม่ทันที
ถ้ารับประทานยาไตรเฟอร์ดีนแล้วอาเจียน ควรทำอย่างไร?
- ปรึกษาแพทย์: สิ่งสำคัญที่สุดคือปรึกษาสูตินรีแพทย์ที่สั่งยาให้กับคุณแม่ เพื่อขอคำแนะนำและหาทางแก้ไขที่เหมาะสม
- ปรับเปลี่ยนวิธีกินยา: สูตินรีแพทย์อาจแนะนำให้เปลี่ยนเวลาทานยา เช่น กินยาตอนท้องว่าง หรือกินพร้อมอาหาร เพื่อลดอาการไม่พึงประสงค์
- เปลี่ยนชนิดของยา: หากอาการไม่ดีขึ้น สูตินรีแพทย์อาจพิจารณาเปลี่ยนชนิดของยาที่มีส่วนผสมอื่นๆ แทนให้กับคุณแม่
ถ้าไม่รับประทานยาไตรเฟอร์ดีนจะมีผลเสียอะไรหรือไม่?
- ผลเสียต่อสุขภาพ: การไม่รับประทานยาบำรุงตามที่แพทย์สั่ง อาจส่งผลให้ภาวะโลหิตจางหรือปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมาได้
- ความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน: ยาไตรเฟอร์ดีนมาส่วนประกอบสำคัญคือธาตุเหล็ก การขาดธาตุเหล็กในระยะยาวอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของร่างกายทารกในครรภ์ได้
ยาไตรเฟอร์ดีนเป็นยาบำรุงที่สำคัญสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ควรรับประทานตามที่แพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดและเพื่อสุขภาพที่ดีของทั้งคุณแม่และลูกน้อย ทั้งนี้หากมีอาการข้างเคียงหรือมีข้อสงสัยในการรับประทานยาไตรเฟอร์ดีน ควรปรึกษาสูตินรีแพทย์ที่ดูแลครรภ์คุณแม่ทันทีค่ะ
อ้างอิง:
สำหรับหญิงตั้งครรภ์ต้องรับประทานยาเม็ดเสริมไอโอดีนทุกวัน, ศูนย์อนามัยที่ ขอนแก่น https://hpc7.anamai.moph.go.th/th/general-of-39/download/?did=190344&id=33488&reload=
ไตรเฟอร์ดีนยาเม็ดสำหรับแม่ตั้งครรภ์, 9 เพื่อสร้างลูก https://www.facebook.com/photo?fbid=2415173605473454&set=pcb.2415174565473358&locale=th_TH
ชื่อยาทั่วไป Triferdineชื่อการค้า/ผู้ผลิต, โรงพยาบาลป่าพะยอม https://www.paphayomhospital.go.th/medicine/file/Triferdine.pdf
ยาบำรุงครรภ์คืออะไร และมียาอะไรบ้างที่รับประทานได้, Hello คุณหมอ https://hellokhunmor.com/การตั้งครรภ์/ระหว่างตั้งครรภ์/การดูแลก่อนคลอด/ยาบํารุงครรภ์-คืออะไร-มียาอะไรบ้างที่รับประทานได้/