พ่อแม่รู้ไหม? แรงกระตุ้นทางบวก ช่วยให้ “ลูกเป็นเด็กดี มีความสุข”
การที่พ่อแม่แสดงให้ลูกรู้ว่า พอใจและภูมิใจในสิ่งที่ลูกทำ เป็นการกระตุ้นทางบวกให้ลูกรู้ว่า พฤติกรรมที่ลูกทำเป็นเรื่องดี ที่ลูกควรทำซ้ำแล้วซ้ำอีกจนติดเป็นนิสัย แรงกระตุ้นทางบวกที่พ่อแม่แสดงออก ต้องทำให้ลูกรู้สึกว่าเป็นการสร้างความภาคภูมิใจ และเพิ่มคุณค่าในตัวเอง ไม่ใช่เพราะจะได้รางวัลจากการมีพฤติกรรมทางบวก ความภูมิใจในตัวลูกคือ แรงกระตุ้นทางบวกของพ่อแม่ไม่ใช่ของรางวัล
คำชมจากพ่อแม่ เหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจ
อย่างที่รู้กันดีว่า ทุกคนต้องการได้รับคำชม ยิ่งถ้าเป็นคำชมที่จริงใจจากพ่อแม่ ยิ่งทำให้ลูกหน้าบานเป็นจานเชิงเลยทีเดียว
แรงกระตุ้นทางบวก ต่างจากการติดสินบน
พ่อแม่บางคนสับสนระหว่างการสร้างแรงกระตุ้นทางบวก และการติดสินบนหรือการสัญญาว่าจะให้รางวัล ถ้าพ่อแม่สร้างแรงกระตุ้นไม่ถูกต้องโดยการสัญญาว่ามีรางวัลตอบแทน จะทำให้เกิดผลเสียต่อพฤติกรรมของลูก
#1 กระตุ้นด้วยการติดสินบนว่ามีรางวัล ถ้าทำอะไรตามที่พ่อแม่ต้องการจะทำให้ติดเป็นนิสัยว่า ต้องมีของตอบแทนจึงจะทำให้มีพฤติกรรมทางบวก
#2 กระตุ้นด้วยการติดสินบนสร้างทัศนคติที่ผิด ๆ ติดตัวลูกว่า เขามีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องผลประโยชน์ตอบแทนในทุก ๆ อย่างที่เขาทำ ถ้าไม่มีอะไรตอบแทนเขาก็จะไม่ทำ
#3 กระตุ้นด้วยการติดสินบนทำให้ลูกไม่ภูมิใจ และไม่เห็นค่าในตัวเองเพราะหวังผลตอบแทนทุกอย่างในรูปของตัวเงินห รือสิ่งของที่ตีราคาเป็นเงินได้
บทความใกล้เคียง: คุณติดสินบนลูกเพื่อให้ลูกทำตัวดีหรือไม่
แรงกระตุ้นทางบวกที่ให้ต้องมีจำนวนครั้งและปริมาณที่เหมาะสมกับพฤติกรรมทางบวกที่ต้องการให้เกิดขึ้นเหมือนกับคำพังเพยโบราณที่ว่า “ลงโทษให้สาสมกับความผิดที่ทำ” เช่น ถ้าลูกคุณทำคะแนนวิชาคณิตศาสตร์ได้ดีหลังจากที่พยายามอย่างหนัก แรงกระตุ้นทางบวกที่คุณควรให้ลูกคือ คำชมที่แสดงให้ลูกรู้ว่าคุณภูมิใจในตัวเขาและพฤติกรรมทางบวกที่เขาทำ แทนที่จะตอบแทนด้วยรางวัลเป็นเงิน ให้ของที่มีราคาแพง หรือยกเว้นหน้าที่งานบางอย่างในบ้านที่เขาต้องรับผิดชอบ คุณควรพาลูกไปกินไอศกรีมร้านโปรดหรือให้อยู่ดึกได้อีกสักชั่วโมง
คนทั่วไปมักจะชมเฉพาะเวลาที่ลูกทำดีเท่านั้น แต่การสร้างแรงกระตุ้นทางบวกที่ได้ผลที่สุดควรทำทั้งในตอนที่ลูกทำสำเร็จหรือล้มเหลว โดยเฉพาะในเวลาที่ลูกล้มเหลวเป็นเวลาที่ลูกต้องการกำลังใจจากพ่อแม่อย่างยิ่ง พ่อแม่ต้องแสดงให้ลูกรู้ว่าพ่อแม่รักลูกอย่างไม่มีเงื่อนไข ไม่มีเสื่อมคลายไม่ว่าลูกจะทำอะไรสำเร็จหรือไม่ พ่อแม่จะอยู่เคียงข้างและเป็นกำลังใจเสมอให้ลูกเข้มแข็งและสามารถยืนบนขาของตัวเองได้ ความภาคภูมิใจของพ่อแม่ที่มีต่อลูกจะเป็นแรงกระตุ้นอย่างยอดเยี่ยมให้ลูกมีพฤติกรรมทางบวกจนติดเป็นนิสัย
#1 พ่อแม่ต้องแสดงออกอย่างจริงใจให้ลูกรู้ด้วยคำพูดอ่อนโยนให้กำลังใจ เช่น “พ่อแม่ภูมิใจในตัวลูกนะ” “ไม่เป็นไร ลูกทำดีที่สุดแล้ว คราวหน้าเอาใหม่”
#2 ฝึกให้ลูกเคยชินกับมารยาทสังคมจากคำพูด เช่น คำว่า “ ขอบคุณ” “ได้มั้ยค๊ะ/ครับ” เป็นต้น และแสดงให้ลูกรู้ว่าพ่อแม่เชื่อมั่นในความเป็นตัวของตัวเองของลูก อย่าพูดเป็นเชิงบังคับลูกให้ทำอะไรตามใจพ่อแม่ แต่ให้อิสระลูกในการตัดสินใจด้วยตัวเอง
#3 ให้สิทธิพิเศษเมื่อลูกมีพฤติกรรมทางบวก เช่น ไปออกรอบตีกอล์ฟกับพ่อ จะเป็นช่วงเวลาที่ลูกประทับใจว่าพ่อไว้ใจให้ทำอะไรด้วย เหมือนกับมีความสามารถใกล้เคียงกัน การให้สิทธิพิเศษที่สร้างความประทับใจมีผลแตกต่างจากการให้รางวัลที่จับต้องและตีค่าเป็นเงินได้
#4 ให้ลูกเป็นคนตัดสินใจว่าอยากทำอะไรที่ให้พ่อหรือแม่มีส่วนร่วมด้วยได้
#5 เพิ่มขวัญกำลังใจและสีสันในการเลี้ยงฉลองความสำเร็จด้วยป้ายทำเองที่เขียนชื่อลูกเป็นผู้ชนะให้เห็นชัดเจน
#6 ให้การ์ดทำเองที่เขียนชื่นชมความสามารถของลูก
#7 ยกเว้นงานบ้านให้ลูก 1 วัน
#8 ให้เข้านอนดึกได้
#9 ทำเหมือนไปเข้าแค้มป์ที่หลังบ้านหรือในสวน ทำให้ตื่นเต้นสนุกสนาน ที่ได้ทำอะไรต่างไปจากชีวิตประจำวัน ไม่ให้เกิดความเบื่อหน่าย
#10 สำหรับเด็กวัยรุ่นอนุญาตให้ออกเดทกับเพื่อนหญิงหรือชายและกลับดึกได้
บทความแนะนำ: สอนให้ลูกรู้จักขอบคุณ
ที่สำคัญที่สุดที่พ่อแม่ไม่ทำไม่ได้ คือ แสดงออกให้ลูกรู้ว่าคุณรักและภูมิใจในตัวเขา ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับพ่อแม่คนอื่นและครูที่โรงเรียนเมื่อมีโอกาส และถ้าปู่ย่าตายายยังมีชีวิตอยู่ หน้าที่ของพ่อแม่คือเล่าให้ปู่ย่าตายายรับรู้ว่าหลานมีกิจกรรมอะไรบ้าง ชอบทำอะไรและทำอะไรได้ดีบ้าง เรื่องอะไรดี ๆ ของลูกคุณที่เล่าให้คนอื่นฟัง เป็นการแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งว่าคุณรักและภูมิใจในตัวลูกและต้องการให้คนอื่นรับรู้ถึงพฤติกรรมทางบวกของลูกคุณด้วย
พฤติกรรมทางบวกที่คุณแสดงออกต่อลูก เป็นแรงกระตุ้นที่ได้ผลที่สุด ที่จะทำให้ลูกคุณมีพฤติกรรมทางบวกจนติดเป็นนิสัย ทำให้เขามองโลกในแง่ดี เป็นคนที่มีคุณภาพและมีทัศนคติที่ดี
The Asianparent Thailand เว็บไซต์ข้อมูลคุณภาพและสังคมคุณแม่ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และในเอเชีย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ แหล่งความรู้แม่และเด็ก รวมถึงแอพพลิเคชั่น The Asianparent ที่ติดตามการตั้งครรภ์ ให้คุณแม่ได้ลงทะเบียนใช้งานฟรี เพื่อติดตามพัฒนาการของทารก ตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงติดตามหลังคลอดที่ครอบคลุมที่สุด และผู้ใช้งานสูงสุดในประเทศไทย นอกจากความรู้ยังมีไลฟ์สไตล์ และสื่อมัลติมีเดียหลากหลาย ไม่ว่าสุขภาพแม่และเด็ก โภชนาการแม่และเด็ก กิจกรรมสำหรับครอบครัว การวางแผนครอบครัวไปจนถึง การดูแลลูก การศึกษา และจิตวิทยาเด็ก The Asianparent เราพร้อมสนับสนุนพ่อแม่ทุกท่าน ให้มีความรู้และมีสุขภาพกายใจเข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างครอบครัวอย่างแข็งแรง
เพราะเราเชื่อว่า “พ่อแม่เข้มแข็ง ครอบครัวแข็งแรง”
บทความที่เกี่ยวข้อง :
Positive Parenting Solution – 10 Tips for Better Behavior
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
บทความน่าสนใจ: เด็กบางคนมีความสุขมากกว่าคนอื่นหรือเปล่า
เลี้ยงลูกด้วย ความเข้าใจ และมีขอบเขต ประสบการณ์เลี้ยงลูก ฉบับแม่ออม ปริณดา
เลี้ยงลูกยุคใหม่ ต้องไม่ตี วิจัยเผย ยิ่งตีลูก ยิ่งทําให้ ลูกคิดไม่เป็น ลูกเป็นซึมเศร้า