การอ่านนิทานหรือหนังสือทั่วไปร่วมกับลูกน้อยนั้น นิทานอิสป นิทานเรื่องสั้น นิทานร้อยแก้ว เป็นกิจกรรมที่กระชับความสัมพันธ์ภายในครอบครัวได้ดีทั้งยังเป็นกิจกรรมที่คุณพ่อคุณแม่จะเรียนรู้และเข้าใจความคิดของเด็ก ๆ มากยิ่งขึ้นอีกด้วย วันนี้ TheAsianparent ขอนำ 15 นิทานสั้น ๆ นิทานยาว ๆมีข้อคิด นิทาน สอน ใจ รวมนิทานอีสป นิทานสอนเด็ก มีคติสอนใจ อ่านสนุก นิทานสอนใจ เพลิดเพลินมาแบ่งปันคุณพ่อคุณแม่กัน จะมี นิทานสั้น นิทานเรื่องสั้น นิทานหน้าเดียวหรือนิทานยาว ๆ นิทานสอนใจยาว ๆ มีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
รวมนิทานสั้น นิทานเรื่องสั้น นิทานหน้าเดียวสั้น ๆ
สารบัญ
1. กระต่ายกับเต่า
เนื้อเรื่อง นิทานยาว ๆ นิทานเรื่องกระต่ายตื่นตูม
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ป่าใหญ่แห่งหนึ่ง มีกระต่ายตัวหนึ่งที่มักโอ้อวดใครต่อใครว่าตัวเองนั้นวิ่งเร็วกว่าใคร ๆ ในผืนป่านี้ วันหนึ่งมันเดินร้องเพลงมาด้วยความสุข ระหว่างทางเจ้ากระต่ายได้เห็นเต่าตัวหนึ่งที่กำลังคลายต้วมเตี้ยมอย่างช้า ๆ มันหัวเราะเยาะเจ้าเต่าและพูดกับเต่าว่า “นี่เจ้าเต่าถ้าเจ้าเดินช้าถึงขนาดนี้ แล้วเมื่อไหร่จะได้กลับถึงบ้านกัน" เจ้าเต่าตอบกลับไปอย่างไม่พอใจว่า “แม้ข้าจะเดินช้า แต่ข้าก็กลับถึงบ้านทุกวัน เจ้าคิดว่าเจ้าเดินไวมากหรืออย่างไร เจ้ากระต่ายขี้โม้" เมื่อได้ยินคำพูดของเต่าเช่นนั้นทำให้กระต่ายโกรธและพูดออกไปว่า “ถ้าเจ้าแน่จริง พรุ่งนี้เรามาวิ่งแข่งกัน มาดูกันว่าใครจะแพ้ใครจะชนะกัน" เจ้าเต่าตอบรับอย่างรวดเร็วว่าตกลงหากใครถึงเส้นชัยก่อนจะเป็นผู้ชนะ
เช้าวันแข่งขัน บรรดาสัตว์เล็กสัตว์น้อยในป่าใหญ่ทุก ๆ ตัว มาร่วมเข้าเป็นสักขีพยานในการแข่งขันในครั้งนี้ เมื่อเริ่มแข่ง เจ้ากระต่ายรีบวิ่งสุดความสามารถอย่างรวดเร็วจนเกือบถึงเส้นชัย แต่มันก็คิดว่าอีกนานกว่าเต่าจะมาถึงเส้นชัย จึงได้นั่งพักอยู่ใต้ต้นไม้และเผลอหลับไป ในส่วนของเจ้าเต่าก็คลายต้วมเตี้ยมมาเรื่อย ๆ จนใกล้เข้าเส้นชัย กระต่ายตื่นขึ้นก็พบว่าเต่ากำลังจะเข้าเส้นชัยจึงรีบวิ่งไป แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว เพราะเจ้าเต่าได้เข้าเส้นชัยเป็นที่เรียบร้อย
หากผู้ปกครองยังมองหานิทานเด็ก เอาไว้ให้ลูกอ่าน หรือฟังแบบฟรี ๆ สามารถเข้าไปเลือกจากบทความอื่น ๆ ได้ คลิก
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น
บทความที่เกี่ยวข้อง : 19 นิทานพื้นบ้านไทย การ์ตูนไทยพื้นบ้าน พร้อมคติสอนใจ อ่านให้ลูกฟัง
2. เด็กเลี้ยงแกะ
เนื้อเรื่อง นิทานยาว ๆ
ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีเด็กชายเลี้ยงแกะอยู่คนหนึ่ง เขามักจะชอบกุเรื่องโกหก วันหนึ่งในขณะที่เขากำลังนั่งเฝ้าแกะที่กำลังกินหญ้าอยู่ เขาก็เกิดนึกสนุกขึ้นมา จึงแกล้งตะโกนให้ชาวบ้านแถวนั้นได้ยินว่า “ช่วยด้วย ๆ ช่วยที หมาป่ากำลังจะกินแกะของข้าแล้ว" เมื่อชาวบ้านได้ยินเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือ พวกเขาจึงรีบมาพร้อมกับอาวุธหวังจะนำมาไล่หมาป่าตามที่ได้ยินเสียงตะโกนของเด็ก แต่เมื่อมาถึงพวกเขากลับไปเห็นหมาป่าเลย เห็นเพียงแต่เด็กเลี้ยงแกะยืนหัวเราะชอบใจที่สามารถหลอกชาวบ้านได้ เด็กเลี้ยงแกะคิดว่าการโกหกเป็นเรื่องสนุกจึงหลอกชาวบ้านอีกครั้งแล้วครั้งเล่า จนชาวบ้านเอือมระอากันหมด จนกระทั่งวันหนึ่งเด็กเลี้ยงแกะก็ทำการเฝ้าแกะอย่างเช่นทุก ๆ วัน แต่แล้วก็มีหมาป่าเข้ามากัด กิน และนำแกะของเขาออกไปทีละตัว เด็กเลี้ยงแกะตะโกนขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านอีกครั้ง แต่ชาวบ้านก็คิดว่านี่คือการแกล้งหลอกของเด็กเลี้ยงแกะ พวกเขาจึงไม่คิดจะมาช่วยอย่างที่เคยเป็นมา ทำให้เด็กเลี้ยงแกะเสียแกะไปทุกตัว
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : หากโกหกไปแล้วหนึ่งครั้ง จะไม่มีใครเชื่อคำพูดของคนโกหก แม้ว่าครั้งนั้นเขาจะพูดความจริงก็ตาม
3. ห่านกับไข่ทองคำ
เนื้อเรื่อง นิทานยาว ๆ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ชายผู้หนึ่งมีห่านที่สามารถออกไข่เป็นทองคำให้เขาได้ วันละฟองทุก ๆ วัน เขานำไข่ทองคำนั้นไปขายจนมีฐานะดีขึ้นเป็นเศรษฐี แต่เขานั้นอยากมีทรัพย์สินเงินทองมากกว่าที่มีอยู่เพิ่มขึ้นไปอีก จึงทำให้เขาเกิดความโลภ เขาจึงกล่าวกับตนเองว่า “ในท้องของห่านนั้นจะต้องมีทองคำมากมายแน่นอน" เมื่อเขาคิดเช่นนั้นแล้ว เค้าจึงผ่าท้องของห่านเพราะหวังว่าจะมีทองคำมากมายอยู่ในนั้น แต่แล้วเขาก็พบกับความผิดหวังเพราะในท้องห่านนั้นไม่มีทองคำแม้แต่นิดเดียว ตอนนี้เจ้าห่านที่สามารถออกไข่ให้เขาได้ก็ตายลงไปเสียแล้ว จึงทำให้เขาไม่มีห่านที่ออกไข่ทองคำให้เขาได้อีก
นิทานคุณธรรม เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : โลภมากลาภหาย
4. ราชสีห์กับหนู
เนื้อเรื่องนิทานสั้น นิทานสอนใจสั้น ๆ
ราชสีห์ตัวหนึ่งกำลังนอนพักผ่อนอยู่ใต้ต้นไม้ ขณะที่กำลังจะเคลิ้มหลับนั้นมันต้องสะดุ้งตื่นขึ้น เพราะมีหนูน้อยตัวหนึ่งปีนขึ้นมาเล่นบนหลังของมัน ราชสีห์ร้องคำรามด้วยความตกใจและความโกรธ จากนั้นมันก็กับเจ้าหนูว่า “เจ้าหนูน้อย เจ้าบังอาจมาก ตัวเล็กนิดเดียวแต่กล้ามารบกวนเราได้อย่างไร แล้วราชสีห์ก็ยกอุ้งเท้าขึ้นมาตะปบเจ้าหนูเอาไว้หวังจะเอาชีวิต เจ้าหนูร้องขอชีวิตว่า “ท่านเจ้า ป่าอย่าฆ่าข้าเลยข้าผิดไปแล้ว ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด" เมื่อราชสีห์ได้ยินเช่นนั้นก็เกิดความสงสาร จึงยกอุ้งเท้าตัวเองออก เจ้าหนูจึงกล่าวกับราชสีห์ว่า “บุญคุณที่ท่านทำให้ข้านั้น ข้าจะไม่มีวันลืม หากมีโอกาสข้าจะช่วยเหลือท่านเพื่อเป็นการตอบแทน" ราชสีห์หัวเราะเสียงดังพร้อมกับพูดว่า “หนูตัวเล็กอย่างเจ้านั้นจะไปช่วยอะไรข้าได้ ไปให้พ้นเถอะข้าจะพักผ่อน" เจ้าหนูจึงเดินจากไป วันรุ่งขึ้นราชสีห์ออกล่าเหยื่อตามปกติ แต่ดันก้าวพลาดไปติดกับดักของนายผ่านเข้า และไม่สามารถดิ้นหลุดได้ มันจึงส่งเสียงดังลั่นป่า เจ้าหนูได้ยินว่าเป็นเสียงของราชสีห์จึงรีบมาดูแล้วกระซิบบอกกับราชสีห์ว่า “อย่ากลัวไปเลยท่าน ข้ามาช่วยแล้ว" ทันใดนั้นเจ้าหนูก็ลงมือเอาฟันเล็ก ๆ ที่แหลมคมของมันกัดเชือกจนขาด ทำให้ราชสีห์รอดชีวิตออกมาได้ หลังจากนั้นราชสีห์กับหนูได้ตกลงกันว่าจะคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันไปตลอด
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : คนตัวเล็ก ๆ ก็สามารถทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่ได้ ทุกคนมีคุณค่าในตัวเอง
บทความที่เกี่ยวข้อง : ข้อดีของการอ่านนิทานก่อนนอน ให้ลูกฟัง ว่ากันว่ามันคือกิจกรรมที่ทรงพลังที่สุด
5. กากับเหยือกน้ำ
เนื้อเรื่อง นิทานสั้น นิทานสอนใจสั้น ๆ
วันหนึ่งในฤดูแล้ง น้ำในป่าเขาก็แห้งเหือดไปหมดทุกแห่งหน กาตัวหนึ่งมันไม่ได้กินน้ำมาทั้งวัน จึงทำให้มันกระหายน้ำมัน จนไม่มีเรี่ยวแรงทำการใด ๆ แต่โชคดีที่มันบังเอิญเห็นเหยือกน้ำใบหนึ่งตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ จึงรีบโผบินลงไปดูทันที และพบว่าเหยือกใบนั้นทั้งสูงทั้งยังมีปากที่แคบ น้ำผ่านในเหยือกก็เหลือเต็มที เจ้ากาจึงคิดหาวิธีที่จะกินน้ำในเหยือกให้ได้ ทั้งพยายามเอาปากลงไปในขวด และพยายามผลักเหยือกน้ำให้ล้ม แต่มันไม่มีเรี่ยวแรงพอ จนแล้วจนเล่า มันก็ยังไม่ได้กินน้ำ ในที่สุดมันจึงไปคาบก้อนกรวดทีละก้อน ๆ จนระดับนั้นค่อย ๆ สูงขึ้นถึงคอเหยือก เจ้าหาจึงได้กินน้ำอย่างชื่นใจ
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : การใช้สติปัญญาย่อมพบหนทางสู่ความสำเร็จ
6. ชาวนากับงู
เนื้อเรื่อง นิทานสั้น นิทานสอนใจสั้น ๆ
ชาวนาคนหนึ่งกำลังเดินทางกลับบ้าน ท่ามกลางหิมะที่กำลังตก ระหว่างทางเขาเห็นงูตัวหนึ่ง นอนขดตัวอยู่ใต้ต้นไม้ ตัวมันทั้งเย็นและแข็งจนใกล้ตาย ด้วยความสงสารชาวนาจึงอุ้มมันมาซุกไว้ที่อก และใช้เสื้อคลุมร่างของมันไว้ เมื่องูได้รับความอบอุ่นจากเสื้อของชาวนามันจึงฟื้นขึ้นมา และฉกเขาทันที ก่อนที่ชาวนาจะสิ้นใจจึงได้พูดกับงูว่า “ข้าอุตส่าห์ช่วยชีวิตเจ้า แต่เจ้ากลับมาทำร้ายข้า" เมื่อพูดจบชาวนาก็สิ้นใจตายลงตรงนั้นทันที
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : อย่าไว้ใจใครง่าย ๆ เพราะบางครั้งเราก็อาจจะเป็นคนที่เดือดร้อนแทน
7. ปลาน้อยผู้แสนดี
เนื้อเรื่อง นิทานสั้น นิทานอีสป
นานมาแล้วมีเจ้าปลาน้อยตัวหนึ่งว่ายน้ำอยู่ในทะเลมันมองเห็นคนหาปลานั่งมาในเรือ แล้วชายคนนั้นก็หย่อนเบ็ดลงในน้ำ เจ้าปลาน้อยเมื่อเห็นดังนั้นมันจึงรีบว่ายน้ำหนีเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในโขดหิน ในขณะนั้นเองก็มีปลาอีกตัวหนึ่งว่ายน้ำผ่านหน้ามันตรงไปที่เบ็ดของชายคนนั้นทันที เจ้าปลาน้อยจึงรีบว่ายน้ำตามไปห้ามแล้วบอกปลาตัวนั้นว่า “อย่าเข้าไปกินนะมันอันตราย มันไม่ใช่อาหารหรอก"
แต่เจ้าปลานั้นมันไม่เชื่อคำพูดของเจ้าปลาน้อย มันพูดว่า “เจ้าอย่ามาหลอกเราเลย เจ้าจะมาแย่งอาหารของเราใช่ไหม" ว่าแล้วมันก็ว่ายน้ำชนเจ้าปลาน้อยกระเด็นไป แล้วมันก็ตรงไปกินเหยื่อนั้นทันที เจ้าปลานั้นจึงติดเบ็ดของคนหาปลา มันดิ้นรนไปมาแล้วร้องให้เจ้าปลาน้อยช่วย “ช่วยด้วย ๆ ช่วยฉันด้วย" เจ้าปลาน้อยพยายามช่วยเหลือเจ้าปลาตัวนั้นจนสุดความสามารถแต่ก็ไม่สามารถช่วยได้ มันจึงว่ายน้ำจากไปด้วยความเสียใจ
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : จงฟังสิ่งที่ผู้อื่นพูดเพื่อตนเองจะได้ไม่เดือดร้อน
8. ลูกไก่ดื้อ
เนื้อเรื่อง นิทานยาว ๆ
แม่ไก่ตัวหนึ่ง มีลูก 2 ตัว ชื่อ เจี๊ยบ และ จิ๊บ แม่ไก่มักบอกลูกทั้งสองเสมอว่า “ลูกเอ๋ย อย่าออกไปไกลจากแม่นัก เพราะจะถูกเหยี่ยวโฉบเอาไปกินนะ" ลูกไก่ทั้งสองก็รับฟัง วันหนึ่ง ลูกไก่ทั้งสองลืมคำสอนของแม่ พอแม่ไก่นอนหลับ เจี๊ยบกับจิ๊บก็แอบหนีไปเที่ยวไกล ขณะที่กำลังเดินเล่นอยู่ ก็มีเหยี่ยวตัวหนึ่ง บินโฉบเอาเจี๊ยบไป ทำให้ลูกไก่ตกใจ จิ๊บวิ่งไปบอกแม่ แม่ไก่เสียใจมาก และพูดว่า “นี่แหละ เพราะพวกเจ้าไม่เชื่อแม่"
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : ควรเชื่อฟังผู้ที่มีประสบการณ์มาก่อนแล้ว
9. กระต่ายตื่นตูม
เนื้อเรื่อง นิทาน
กาลครั้งหนึ่ง กระต่ายตัวหนึ่งนอนหลับอยู่ใต้ต้นตาล ขณะที่นอนหลับอยู่นั้น เกิดพายุใหญ่ ทำให้ลูกตาลหล่นลงที่พื้นดิน เกือบถูกกระต่าย กระต่ายตกใจตื่นขึ้น คิดว่าฟ้าถล่ม ลุกขึ้นวิ่งไปอย่างรวดเร็ว สัตว์อื่น ๆ เห็นกระต่ายวิ่งมา จึงถามกระต่ายว่า “ท่านวิ่งหนีอะไรมา" กระต่ายบอกว่า “ฟ้าถล่ม" สัตว์เหล่านั้นได้ฟัง ก็วิ่งตามกระต่ายไป
จนพบราชสีห์ตัวหนึ่ง เป็นสัตว์เจ้าปัญญาเห็นสัตว์วิ่งมาดังนั้น จึงถามว่า…พวกท่านวิ่งหนีอะไรมา สัตว์เหล่านั้นบอกว่า “ฟ้าถล่ม"
ราชสีห์จึงบอกให้สัตว์เหล่านั้น พาไปดู เมื่อได้ดูที่ต้นตาล ก็เห็นลูกตาลหล่นอยู่ที่โคนต้น ราชสีห์จึงว่า “คนที่โง่เขลา ไม่คิดอะไรให้รอบคอบจึงได้รับผลตอบแทน เช่นนี้แหละ…"
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : คนเราควรมีสติ รอบคอบ ไม่ตื่นตูมไปกับสิ่งที่ยังไม่ได้เห็น
10. กบเลือกนาย
เนื้อเรื่อง นิทานยาว ๆ
ณ ทะเลสาบแห่งหนึ่งอันอุดมสมบูรณ์ มีกบฝูงหนึ่งอาศัยอยู่อย่างมีความสุข วันหนึ่งพวกมันปรึกษากันว่าน่าจะมีกษัตริย์มาปกครอง พวกมันจึงไปร้องขอต่อเทพจูปิเตอร์ เทพจูปิเตอร์จึงได้โยนขอนไม้ก้อนหนึ่งลงมาในทะเลสาบแห่งนี้ พวกกบต่างตื่นเต้นดีใจพากันขึ้นไปร้องเพลงเต้นระบำกันอยู่บนท่อนไม้นั้น หลายวันต่อมาพวกกบต่างเบื่อราชาขอนไม้ที่ได้แต่ลอยน้ำไปมา จึงไปวิงวอนขอให้เทพจูปิเตอร์ส่งกษัตริย์มาให้ใหม่อีกครั้ง เทพจูปิเตอร์จึงได้ส่งปลาไหลลงมา แต่ปลาไหลก็เอาแต่มุดอยู่ในรูพวกมันจึงได้ไปร้องขอต่อเทพจูปิเตอร์อีกครั้ง คราวนี้เทพจูปิเตอร์ได้ส่งนกกระสาลงมา นกกระสาได้ไล่จิกกินกบไปทีละตัว ๆ ทุกวันจนกบแทบไม่เหลือ ส่วนกบที่เหลือก็ไปร้องขอต่อเทพจูปิเตอร์อีกครั้ง เทพจูปิเตอร์นั้นด้วยความรำคาญพวกกบจึงกล่าวว่า “หากพวกเจ้าไม่พอใจในความเป็นอยู่แบบเดิม พวกเจ้าก็จงทนเผชิญกับหายนะที่ร้องขอกันต่อไปเถอะ"
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : การไม่รู้จักพอในสิ่งที่มีอยู่ย่อมเกิดผลร้ายตามมา
บทความที่เกี่ยวข้อง : 10 เพลงเด็ก น่าฟัง ได้ประโยชน์และได้ความรู้ ฟังเพลงออนไลน์ปี 2020
11. เทพารักษ์กับคนตัดไม้
เนื้อเรื่อง นิทานยาว ๆ
ชายตัดไม้คนหนึ่งทำขวานหลุดมือตกลงไปในบึง เขานั่งโศกเศร้าอยู่ริมฝั่งด้วยความเสียดาย เทพารักษ์สงสารจึงปรากฏกายขึ้นและช่วยงมขวานคืนให้ ครั้งแรก เทพารักษ์งมเอาขวานทองคำขึ้นมา แต่ชายตัดไม้ปฏิเสธว่า “ขวานเล่มนี้ไม่ใช่ของข้าพเจ้าหรอก" ครั้งที่สอง เทพารักษ์งมขวานเงินขึ้นมาให้ ชายตัดไม้ก็ปฏิเสธอีก ครั้งสุดท้าย เทพารักษ์นำขวานเหล็กเก่าคร่ำคร่ามาให้ ชายตัดไม้ก็ดีใจมาก ที่ได้ขวานของตนคืน เทพารักษ์ชื่นชมความซื่อสัตย์ของเขา จึงมอบขวานทองคำและขวานเงินให้ด้วย เพื่อนของชายตัดไม้ รู้เรื่องนี้ก็นึกอิจฉาอยากได้บ้าง จึงไปยังริมบึงและแกล้งทำขวานหลุดมือตกน้ำ เมื่อเทพารักษ์ปรากฏกายขึ้นและงมขวานทองคำขึ้นมาให้ ชายผู้นี้ก็รีบตอบว่าเป็นขวานของตน เทพารักษ์เห็นว่าเขาเป็นคนโป้ปดโลภมาก จึงหายตัวไปทันที เพื่อนของชายตัดไม้จึงไม่ได้แม้แต่ขวานของตนคืน
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : ผู้มีความสัตย์ ย่อมได้รับผลดีตอบแทน
12. คนโลภกับคนขี้อิจฉา
เนื้อเรื่อง
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว… มีชายสองคนซึ่งเป็นเพื่อนบ้านกัน คนหนึ่งเป็นคนที่มีแต่ความโลภ ส่วนอีกคนนั้นในใจของเขามีแต่ความอิจฉาริษยา วันหนึ่งทั้งสองได้ชวนกันไปเข้าเฝ้าเทพจูปีเตอร์หรือซีอุสผู้เป็นราชาแห่งเทพเจ้าทั้งปวง เทพจูปีเตอร์รู้ว่าชายทั้งสองมีนิสัยเป็นเช่นไร เพื่อเป็นการสั่งสอนและลงโทษคนทั้งคู่ เทพจูปีเตอร์ จึงอนุญาตให้ทั้งชายสองนึกขอพรในใจได้ตามปรารถนา แต่มีข้อแม้ว่าท่านจะบันดาลให้อีกคนหนึ่งได้รับพรเป็นสองเท่าของผู้ที่ขอ นึกได้ว่า เพื่อนของตนจะต้องได้เพชรนิลจินดาถึงสองห้อง แม้จะสมปรารถนาแต่ชายผู้มีความโลภก็หาความสุขใจมิได้แม้แต่น้อย ส่วนชายอีกคนหนึ่งเขาไม่รู้ว่าบัดนี้ตนเองกลายเป็นมหาเศรษฐีไปโดยบังเอิญเพราะความโลภของเพื่อนบ้าน เขาคิดแต่ว่าไม่อยากให้เพื่อนของตนได้เสวยสุขกับพรที่ได้รับจากเทพเจ้า จึงขอพรให้ตัวเองตาบอดข้างหนึ่ง เพื่อให้ชายผู้มีความโลภตาบอดสองข้าง
เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า : ความโลภและความริษยา เป็นหนทางไปสู่ความวิบัติ
13. แม่ตุ่นกับลูกตุ่น
เนื้อเรื่อง
แม่ตุ่นตัวหนึ่งเพิ่งคลอดลูกตุ่นตัวน้อย ๆ น่ารัก แต่ลูกตุ่นนั้นยังไม่ทันจะลืมตาได้ก็เริ่มโอ้อวดว่า “แม่จ๊ะ แม่จ๋า ลูกมองเห็นแล้วล่ะ เห็นชัดเลยจ้ะ" แม่ตุ่นประหลาดใจนักจึงทดสอบด้วยการเอากำยานก้อนหนึ่ง ก้อนหนึ่งมาวางต่อหน้าแล้วถามว่า “แล้วนี่ล่ะจ๊ะ ลูกมองเห็นไหม บอกแม่ซิว่าคืออะไร" ลูกตุ่นมองไม่เห็นก็ตอบมั่ว ๆ ว่า “ก้อนหินไงล่ะจ๊ะแม่" แม่ตุ่นมองไม่เห็นพลางตำหนิลูกว่า “ลูกจ๋า ตาของลูกยังมองไม่เห็น จมูกก็ยังไม่ได้กลิ่นอีกด้วย"
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : การชอบโอ้อวดเกินจริง จะทำให้ผู้อื่นเห็นข้อบกพร่องในด้านอื่น ๆ ของเราเพิ่มขึ้น
14. นิทานวัวกับแพะ
เนื้อเรื่อง
วัวป่าตัวหนึ่งหนีสิงโตเข้าไปในถ้ำที่ซึ่งคนเลี้ยงแพะใช้เป็นที่พำนักของฝูงแพะยามที่มีพายุร้ายและยามค่ำคืน บังเอิญมีแพะหลงฝูงตัวหนึ่งถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ยังไม่ทันที่เจ้าวัวป่าจะเดินเข้าไปข้างใน แพะก็โน้มหัวของมัน และตรงเข้าขวิดเจ้าวัวป่าด้วยเขา หากแต่สิงโตยังคงวนเวียนอยู่ตรงนอกปากทางเข้าถ้ำ วัวป่าจึงต้องทำใจยอมรับการเหยียดหยามนั้น
“จงอย่าคิดว่า" มันกล่าว “ข้ายอมรับการกระทำอันแสนขี้ขลาดของเจ้าเพราะข้ากลัวเจ้าล่ะ เมื่อไรที่สิงโตจากไป ข้าจะสอนบทเรียนให้เจ้าอย่างที่เจ้าจะไม่มีวันลืมเลยทีเดียว"
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : การเอาเปรียบขณะที่ผู้อื่นมีความทุกข์นับเป็นเรื่องเลวร้ายอย่างยิ่ง
15. นิทานแม่ปูสอนลูก นิทาน สอน ใจ
แม่ปูสอนลูก แม่ปูพาลูก ๆ ออกไปหากินที่ชายหาด เมื่อเห็นลูก ๆ เดินคดเคี้ยวเซไปมาจึงกล่าวว่า “ทำไมลูกไม่เดินให้ตรง ๆ ทางล่ะจ๊ะ" ลูกปูจึงตอบ “ถ้าเช่นนั้นแม่ลองเดินตรง ๆ ให้ลูกดูหน่อยซิจ๊ะ ลูกจะได้ทำตาม"
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : การพูดอย่างเดียว ไม่อาจสอนใครได้ดี เท่าการทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
นิทานดาวลูกไก่ เล่าให้ลูกฟัง สอนลูกเรื่องความกตัญญู
นิทานอีสป รวมนิทานอีสปที่มีคติสอนใจ เหมาะกับเด็ก อ่านสนุก เพลิดเพลิน
3 นิทานพื้นบ้านภาคใต้ หลากหลาย สอนลูกได้ด้วยนิทานสั้น ๆ
ที่มา : americanliterature, kalyanamitra