น้องๆ ที่อยากเป็นหมอ หรือ เรียนต่อสายแพทย์ – ทันตะ เภสัช ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างแล้วแล้วมีเป้าหมายต้องการจะสอบให้ได้ตั้งแต่ TCAS รอบ 1 สิ่งสำคัญน้องๆ ที่ต้องการ เรียนต่อสายแพทย์ ต้องเตรียมไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ คือ Portfolio หรือแฟ้มสะสมผลงาน มาดูกันเลยว่า Portfolio เตรียมติดหมอรอบ 1 ที่ดีต้องมีข้อมูลอะไรบ้าง เผื่อเป็นแนวทางให้น้องได้นำไปปรับใช้จ้า
อยากเรียนต่อสายแพทย์เตรียมเก็บผลงานให้ดี
สิ่งสำคัญที่น้องๆ ที่ต้องการเรียนต่อสายแพทย์ ควรมีก็คือ ผลงานวิชาการ รางวัล และเกียรติบัตรต่างๆ น้องๆ ไปแข่งขันทักษะหรือรว่วมกิจกรรมอะไรที่เกี่ยวข้องที่ไหนบ้าง ใส่มาได้เลยนะคะและควรเเลือกผลงานที่เกี่ยวข้องมาแค่ในช่วง ม.4 – ม.6 เท่านั้น แต่ถ้ามีผลงาน ได้รับรางวัลระดับชาติหรือนานาชาติตั้งแต่ ม.ต้น ก็ควรใส่เข้ามาด้วยจ้า ที่สำคัญรีบเตรียมผลงานกันไว้ตั้งแต่เนิ่นๆจะดีมากเลยนะคะ เพราะถ้ามาเริ่มเตรียมตอน ม.6 ก็อาจจะช้าไปนิดนึงจ้า
ทำไมเราอยากเข้าเรียนในคณะ สาขา และมหาวิทยาลัยนี้
ตรงนี้จะคล้ายๆ การเขียน statement of purpose เลย โดยที่เราจะเขียนเป็นเรียงความแบบย่อ ความยาวไม่เกิน 1 หน้า ไม่เขียนให้แน่นหรือเยิ่นเย้อจนเกินไป ให้เขียนให้เห็นถึงความตั้งใจ เป้าหมายในการเรียน และทัศนคติที่ดีที่เรามีต่อคณะ สาขาวิชา และมหาวิทยาลัยนั้นๆ ถ้าเรารู้ว่าคณะที่เราจะเข้ากำหนดหัวข้อมา ก็ให้เขียนตามที่ระเบียบได้กำหนดเอาไว้ได้เลย
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ใครมีลูกวัยเรียนต้องอ่าน “สอนลูกให้รับมือกับการถูกแกล้ง” งานนี้ต้องรอด!
ผลคะแนนภาษาอังกฤษตัวช่วยที่แสดงให้เห็นถึงทักษะด้านภาษาอังกฤษที่ดี
นอกเหนือจากผลสอบ IELTS ซึ่งมหาวิทยาลัยที่มีชื่อมักจะกำหนดคะแนนอยู่ที่ประมาณ ≥ 6.5-7.0 หรือ TOEFL ที่ประมาณ ≥ 79-100 ที่เราต้องเตรียมตัวสอบเพื่อยื่นคะแนนตามที่คณะหรือมหาวิทยาลัยนั้นๆ กำหนดแล้ว อย่าลืมแสดงให้เห็นถึงทักษะในการใช้ภาษาอังกฤษทั้งพูด ฟัง อ่าน เขียนของเราผ่านพอร์ต วิทยาศาสตร์สายสุขภาพต้องค้นคว้าหาอ่านวิจัย หนังสือ ชีท และสไลด์เป็นภาษาอังกฤษเยอะมาก เราจึงควรที่จะแสดงให้เห็นว่าเราสามารถอ่าน Textbook เป็นภาษาอังกฤษได้สบายมากๆ อย่าคิดว่าจะสอบภาษาอังกฤษให้ผ่านๆ ไปเท่านั้น ให้ตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษเหมือนเราใฝ่รู้จริงๆ
กิจกรรมเพื่อสังคม กิจกรรมอาสาต่างๆ
กิจกรรมเพื่อสังคม ทักษะสำคัญที่น้องๆ #อยากเป็นหมอ ควรมีนะคะ เพราะการทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อสังคม จะเป็นการเพิ่มโอกาสและประสบการณ์ ถือว่าเป็นเรื่องพื้นฐานที่น้องๆ ต้องมีเลยค่ะสำหรับกิจกรรมเพื่อสังคมที่แสดงให้เห็นถึงจิตอาสา น้องๆ ไม่จำเป็นต้องทำที่โรงพยาบาลก็ได้นะคะ สามารถเลือกไปทำงานแนวอื่นๆ ก็ได้ เช่น สถานสงเคราะห์เด็ก บ้านพักคนชรา มูลนิธิฯ ต่างๆ เพียงขอแค่ให้กิจกรรมนั้นสะท้อนตัวตนของเราจริงๆ ทำแล้วมีความสุขพร้อมเสียสละเพื่อสังคมจริงๆ หรือถ้าไปทำงานที่ได้พูดคุยกับคนอื่นเยอะๆ ก็ดีไม่น้อย ถือว่าฝึกสื่อสารกับผู้คนก่อนไปสอบสัมภาษณ์ได้ด้วย
เก็บเกียรติบัตรให้ตรงจุด เรียนต่อสายแพทย์
ถ้าอยากเรียนต่อสายแพทย์ ไม่ว่าจะเป็น หมอ ทันตะ เภสัช พยายาลหรือแม้แต่นักเทคนิคการแพทย์ วิชาที่สำคัญที่ต้องเรียนเป็นหลักเลยคือวิชาชีววิทยา ดังนั้นการมีเกียรติบัติอะไรที่เกี่ยวข้องเก้บมาให้เยอะที่สุด
เพราะฉะนั้นการทำพอร์ต (Portfolio) เพื่อยื่นเข้าคณะแพทย์ หรือคณะสายวิทยาศาสตร์เพื่อสุขภาพอื่นๆ เช่น เทคนิคการแพทย์ นั้น ไม่ได้ยากแบบที่คิด เพียงแต่ต้องอาศัยการเตรียมตัวแต่เนิ่น รู้ว่าเราควรเข้าร่วมกิจกรรมแบบใดบ้าง ควรสะสมผลงานที่เกี่ยวข้องอย่างไร ยิ่งเราวางแผนได้เร็ว ก็จะยิ่งมีโอกาสที่เราจะได้เข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสาขาที่เราอยากเรียนมากขึ้นไปอีก
เรียนสายศิลป์ แต่อยากเป็นหมอต้องทำยังไง
ถ้าน้องเรียนสายศิลป์มาแล้วอยากจะเรียนหมอต้องทำยังไงบ้าง? หรือ พลาดเลือกสายการเรียนผิดมารู้ตัวอีกทีก็อยากจะเรียนหมอแล้ว วันนี้พี่มีวิธีมาแนะนำน้องๆ ที่ทำให้น้องสามารถได้เรียนหมอตามที่ตั้งใจได้
ถึงจะเป็นเด็กสายศิลป์ แต่อยากเรียนหมอก็สามารถเข้าคณะแพทยศาสตร์ได้ แต่ต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียดว่า มีเปิดรับสมัครรอบไหนบ้าง คะแนนที่ใช้มีอะไรบ้าง รู้เพื่อเตรียมตัวสมัครสอบให้ถูกต้อง ที่สำคัญคือ สายศิลป์ เป็นหลักสูตรที่ไม่ได้เน้นการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์เข้มข้นเท่าสายวิทย์ ดังนั้นถ้าอยากเข้าแพทย์ต้องมั่นใจว่า เรามีความรู้และความสามารถที่จะเรียนด้านนี้จริง ๆ ถึงจะเรียนและสอบได้ ถ้ามั่นใจว่ามีพื้นฐานตรงนี้ดี แม้จะเป็นเด็กศิลป์ก็สามารถล่าฝันอนาคตหมอได้เช่นกัน แต่อาจต้องใช้ความพยายามค่อนข้างสูงมากๆ แต่ถ้าน้องๆอยากจะเรียนหมอจริงๆ หรือ อยากทำตามความฝัน ก็ต้องขยันและทุ่มเทกันตั้งแต่วันนี้เลย
1.วิชาเฉพาะ กสพท หรือ วิชาความถนัดแพทย์
ใช้กับการรับของ กสพท หรือ กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย เป็นการรับหลักของกลุ่มคณะแพทยศาสตร์ อยู่ในรอบที่ 3 (มีการเปิดสอบทั้งวิชาเฉพาะแพทย์ และวิชาสามัญ) เพื่อใช้คะแนนยื่นสมัครเข้าคณะแพทยศาสตร์ ปัจจุบันเปิดให้เด็กสายวิทย์ สายศิลป์ สายศิลป์สังคม ฯลฯ (ไม่จำกัดแผนการเรียน) สามารถสมัครสอบได้ ใครรู้ตัวว่าอยากเป็นหมอแต่อยู่สายศิลป์ ก็สามารถเตรียมตัวมาสอบวิชาเฉพาะแพทย์ได้
ใช้เป็นสัดส่วนน้ำหนักคะแนน 30% ประกอบด้วย 3 PART
- ลักษณะข้อสอบจะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มอนุกรมและการทดสอบเชาว์ กลุ่มมิติสัมพันธ์ กลุ่ม MATH ม. ต้น + ม. ปลาย ทั่วไป
- จริยธรรมทางการแพทย์ (ไม่มีสอนในห้องเรียน)
- คล้าย ๆ กับ GAT เชื่อมโยง แต่จะมีความซับซ้อนกว่า
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ : 7 วิธีรับมือกับ ลูกเรียนออนไลน์ไม่ทันเพื่อน ปีการศึกษาใหม่ 2564
2.วิชาสามัญ
เด็กสายศิลป์ที่อยากเข้าแพทย์ ก็สามารถสมัครสอบวิชาสามัญได้เช่นกัน โดยเลือกสมัครสอบในวิชาที่กำหนดใช้ในเกณฑ์การเข้าคณะแพทยศาสตร์ มีวิชาอะไรบ้างที่ต้องใช้ ก็เลือกสอบในวิชานั้น ๆ
ใช้ 7 วิชา ในสัดส่วนน้ำหนักคะแนน 70% ได้แก่
- วิชาวิทยาศาสตร์ (ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ) 40%
- คณิตศาสตร์ 1 20%
- ภาษาไทย 10%
- ภาษาอังกฤษ 20%
- สังคมศึกษา 10%
แต่ละกลุ่มสาระวิชาจะต้องมีคะแนนมากกว่าหรือเท่ากับ ร้อยละ 30 ของคะแนนเต็ม
3. ต้องขยันอ่านหนังสือเพิ่มอีก 2-3 เท่า
เนื่องจากน้องๆที่เรียนสายศิลป์ไม่ได้เรียนวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีวะ อย่างจริงจัง เหมือนน้องๆ สายวิทย์ ในระยะเวลา 3 ปี ทำให้ต้องขยันและตั้งใจกว่าเพื่อนๆ สายวิทย์หลายเท่า
เข้าแพทย์รอบไหนได้บ้าง
TCAS รอบ 1 : Portfolio
- รอบนี้ยังคงรับสมัครเด็กที่มีความสามารถและมีผลงานดีเด่น เช่น โครงการโอลิมปิกวิชาการ, โครงการที่เน้นความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ เป็นต้น แต่บางมหาวิทยาลัยเปิดกว้างให้กับเด็กสายศิลป์เช่นกัน โดยเปิดรับเด็กที่ความสามารถในสาขาอื่น ๆ ซึ่งแต่ละที่จะเปิดรับด้านไหนบ้าง ควรศึกษาจากระเบียบการแต่ละโครงการของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ
- นอกจากนี้บางที่ยังเปิดรับคนที่มีความถนัดทางด้านภาษาอังกฤษ โดยพิจารณาคะแนน BMAT , TOEFL , IELTS , SAT เป็นต้น เด็กสายศิลป์ ที่มีคะแนนสอบในวิชาเหล่านี้ สามารถยื่นสมัครได้
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ : อังกฤษ เป้าหมายแรกของคนไทยที่เลือกจะไป เรียนต่อต่างประเทศ
TCAS รอบ 2 : รอบโควตา
ชเป็นรอบโควตาที่มหาวิทยาลัยในแต่ละภาค เปิดสอบแข่งขันเพื่อคัดนักศึกษา ตามเกณฑ์ที่ต่างกัน อยากเข้าที่ไหนต้องศึกษาระเบียบการให้ดี ที่สำคัญต้องมีคะแนนสอบตรงตามเกณฑ์ที่กำหนด หากมหาวิทยาลัยไหนกำหนดสอบเพิ่มเติม ก็ต้องเตรียมความพร้อมให้ดี เพื่อไปสู้กับผู้สมัครสายวิทย์ ที่เป็นตัวเก็งในคณะแพทยศาสตร์
TCAS รอบ 3 (ใช้คะแนน กสพท)
เป็นรอบสำคัญของแข่งขันสมัครเข้าแพทย์ จะมีโอกาสติดมากขึ้น แต่คู่แข่งก็เยอะเช่นกัน ฉะนั้นหากอยากติดในรอบนี้ ควรทำคะแนนสอบที่ใช้ในระบบของกสพท ให้ดี (วิชาเฉพาะแพทย์และวิชาสามัญ) เพื่อเพิ่มโอกาสติด
TCAS รอบ 4 : รับตรงอิสระ
รอบนี้เป็นรอบที่คาดเดาได้ยากว่า จะมีมหาวิทยาลัยไหนเปิดรับสมัครบ้าง เพื่อป้องกันความผิดพลาด ควรเตรียมตัวเองให้ติดในรอบที่ 1 – 3 จะแน่นอนที่สุด
แม้ว่าเด็กสายศิลป์จะสามารถสมัครสอบเข้าคณะแพทย์ได้ในหลายรอบ เช่นเดียวกับเด็กสายวิทย์ แต่โดยส่วนมากแล้ว TCAS รอบที่ 1 – 2 ถึงจะมีเปิดพื้นที่ให้เด็กสายศิลป์ แต่ก็ยังมีจำกัดแค่บางโครงการเท่านั้น ใครอยากเข้าในรอบนี้ คงต้องศึกษาระเบียบการกันอย่างละเอียดมากๆ
ที่มา : (tcasportfolio)
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ :
การวางแผนการศึกษา : 100 เรื่องพ่อแม่ต้องรู้ก่อนลูก 1 ขวบ
วางแผนการศึกษาลูก ตั้งแต่เกิดจนจบ ปริญญาโท ต้องใช้เงินประมาณเท่าไหร่