หลายคนคงประสบปัญหากับกลิ่นอับและกลิ่นเหม็นเหมือนราบนเสื้อผ้า แม้จะอาศัยอยู่ในบ้านที่รักษาความสะอาดเป็นอย่างดี วันนี้เรามาร่วมหาคำตอบเกี่ยวกับ ผ้าเหม็นอับ ซักไม่หาย ทำอย่างไรดี ซักผ้า ตากผ้า และหาวิธี แก้เสื้อเหม็นอับ เร่งด่วน ที่เป็นศัตรูตัวร้ายในหน้าฝนที่ทำให้เรารู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองกันเถอะค่ะ
กลิ่นเหม็นอับเกิดจากอะไร
ผู้เชี่ยวชาญด้านการซักผ้าอธิบายว่า สาเหตุของกลิ่นเหม็นบนเสื้อผ้าอาจมาจากหลายปัจจัย เช่น การลืมผ้าเปียกไว้ในเครื่องซักผ้า เครื่องซักผ้าสกปรก หรือเสื้อผ้ามีคราบเหงื่อไคลสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก และสาเหตุอื่น ๆ ดังต่อไปนี้
1. เชื้อราและแบคทีเรีย
เชื้อราและแบคทีเรียเป็นจุลินทรีย์ขนาดเล็กที่พบได้ทั่วไปตามธรรมชาติ โดยปกติแล้วจะไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ แต่เมื่ออยู่ในสภาวะที่เหมาะสม เชื้อเหล่านี้สามารถเจริญเติบโตและขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดกลิ่นเหม็นอับ โดยสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เชื้อราและแบคทีเรีย ได้แก่
- ความชื้น: เชื้อราและแบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่ชื้น
- อุณหภูมิ: อุณหภูมิที่อบอุ่น (ประมาณ 20-30 องศาเซลเซียส) เหมาะแก่การเจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรีย
- สารอาหาร: เชื้อราและแบคทีเรียต้องการสารอาหารเพื่อดำรงชีวิต แหล่งอาหารทั่วไป ได้แก่ เศษผิวหนัง เหงื่อ ฝุ่นละออง เศษอาหาร
2. คราบสกปรก
ฝุ่นละออง เศษอาหาร คราบเหงื่อไคล สัตว์เลี้ยง ฯลฯ ที่สะสมบนพื้นผิว เฟอร์นิเจอร์ ผ้าปูที่นอน หมอน หรือแม้แต่เสื้อผ้า เมื่อเวลาผ่านไป คราบสกปรกเหล่านี้จะหมักหมม ส่งกลิ่นเหม็นอับได้ เนื่องจากคราบเหล่านี้เป็นที่สะสมของเชื้อโรค แบคทีเรีย และเชื้อรา ซึ่งเมื่อมีการเจริญเติบโตจะปล่อยกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมา
3. ความชื้น
ความชื้นบนเสื้อผ้าสามารถทำให้เกิดกลิ่นอับได้ เนื่องจากความชื้นเป็นสภาพที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรีย เมื่อเชื้อราและแบคทีเรียเติบโตบนผ้า พวกมันจะปล่อยสารบางชนิดที่เป็นสาเหตุของกลิ่นอับออกมา โดยเชื้อราและแบคทีเรียที่เจริญเติบโตบนเสื้อผ้าจะปล่อยสารที่มีกลิ่นออกมา ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นอับ สารเหล่านี้อาจเป็นสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (volatile organic compounds – VOCs) ที่มีกลิ่นแรงและไม่พึงประสงค์ ซึ่งทำให้เสื้อผ้ามีกลิ่นอับที่ยากต่อการกำจัด
อย่างไรก็ตาม สาเหตุหลักที่มักทำให้เสื้อผ้ามีกลิ่นอับที่น่ารำคาญใจนั้น มาจาก “คราบเหงื่อไคลที่มองไม่เห็น” ซึ่งสะสมอยู่บนเสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว และผ้าชนิดอื่น ๆ โดยคราบเหงื่อไคล เหล่านี้เกิดขึ้นจากการสัมผัสของร่างกายกับผ้า ส่งผลให้คราบเหงื่อไคลค่อย ๆ ดูดซึมเข้าเนื้อผ้า สะสมตัวอยู่ใต้ใยผ้าเป็นจำนวนมาก และกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของแบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นอับนั่นเอง
บทความที่น่าสนใจ: วิธีซักผ้าห่ม แต่ละประเภท ให้สะอาด หอมฟุ้งทั้งวัน ไร้กลิ่นอับ!
แก้เสื้อเหม็นอับ เร่งด่วน ทำยังไง
เคล็ดลับกำจัดกลิ่นอับฉับไว ให้ผ้าหอมสะอาดทันใจ เสื้อผ้าเหม็นอับ เป็นปัญหาที่ใคร ๆ ก็ไม่อยากเจอ โดยเฉพาะหน้าฝนที่ความชื้นสูง ยิ่งทำให้ผ้าแห้งยาก เกิดกลิ่นอับชื้นสะสมง่าย วันนี้เรามีเคล็ดลับง่าย ๆ มาช่วยให้ผ้าของคุณหอมสะอาด ไร้กังวลเรื่องกลิ่นอับ
1. เลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช่
- น้ำยาซักผ้า/ปรับผ้านุ่มสูตรพิเศษ เลือกสูตรที่ช่วยป้องกันกลิ่นอับ เหมาะกับการซักผ้าตอนกลางคืนหรือวันที่ไม่มีแดด ช่วยให้ผ้าหอมยาวนาน ลดกลิ่นอับชื้น
- น้ำส้มสายชู ผสมน้ำส้มสายชู 1 ถ้วยตวง ลงในถังซักผ้าก่อนซัก หรือแช่ผ้าที่มีกลิ่นฝังลึก 1-2 ชั่วโมง ช่วยขจัดกลิ่นเหม็นอับได้ดี
2. แช่เสื้อผ้าในช่องแช่แข็ง
- นำผ้าหนา ๆ หรือผ้าที่เก็บไว้นานจนมีกลิ่นอับ ใส่ถุงผ้าแล้วแช่ช่องแช่แข็ง 2 ชั่วโมง และนำมาซักตามปกติ ช่วยลดกลิ่นอับได้อย่างดีเยี่ยม รวมถึงวิธีนี้จะช่วยกำจัดแบคทีเรียได้อีกด้วย
3. โรยเบกกิ้งโซดา ช่วยลดกลิ่นอับผ้าได้จริง
เบกกิ้งโซดา (Baking Soda) วัตถุดิบสารพัดประโยชน์ในครัวของเรา นอกจากจะใช้ทำขนม เบเกอรี่แล้ว ยังมีสรรพคุณช่วยดูดซับกลิ่นอับบนเสื้อผ้าได้อีกด้วย
- แช่ผ้าผสมเบกกิ้งโซดา 1/2 ถ้วยตวง กับน้ำเปล่า 1 ถัง แช่ผ้าทิ้งไว้ 30 นาที – 1 ชั่วโมง แล้วซักผ้าตามปกติ
- โรยเบกกิ้งโซดาลงบนเสื้อผ้าที่แห้งแล้ว บริเวณที่มีกลิ่นอับ ทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมง แล้วนำไปปัดหรือซักออก
- ใส่ในเครื่องซักผ้า ผสมเบกกิ้งโซดา 1/4 ถ้วยตวง กับน้ำยาซักผ้า เทลงในช่องใส่ผงซักผ้า ซักผ้าตามปกติ
4. แก้กลิ่นเหม็นอับด้วยมะนาวและเกลือ
มะนาวและเกลือมีคุณสมบัติช่วยขจัดกลิ่นอับและเชื้อราบนผ้าได้ เหมาะสำหรับเสื้อผ้าที่มีกลิ่นเหม็นอับสะสม หรือผ้าที่ตากไม่แห้งสนิท วิธีการมีดังนี้
- บีบน้ำมะนาวลงบนบริเวณที่มีกลิ่นเหม็นอับ มะนาวมีกรดซิตริกที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นเหม็นอับ
- โรยเกลือลงบนน้ำมะนาว เกลือช่วยดูดซับความชื้นและขจัดกลิ่นเหม็นอับ
- ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที เพื่อให้น้ำมะนาวและเกลือซึมเข้าสู่ผ้า นำผ้าไปซักตามปกติ
5. ใช้เครื่องอบผ้า
เครื่องอบผ้าสามารถช่วยลดกลิ่นอับบนผ้าได้ แต่ควรเลือกใช้เครื่องอบผ้าที่เหมาะสม ตั้งค่าการอบผ้าที่ถูกต้อง ใส่ผ้าในปริมาณที่เหมาะสม และทำความสะอาดเครื่องอบผ้าเป็นประจำ และไม่ควรอบผ้าจนแห้งสนิทเกินไป เพราะอาจทำให้ผ้าแข็งกระด้าง ผ้าบางชนิด เช่น ผ้าไหม ผ้าขนสัตว์ เป็นต้น รวมถึงไม่ควรอบผ้าด้วยความร้อนสูง และตรวจสอบให้แน่ใจว่าผ้าแห้งสนิทก่อนนำไปเก็บ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกลิ่นอับ
6. ทำความสะอาดเครื่องซักผ้า
การทำความสะอาดเครื่องซักผ้าช่วยลดกลิ่นอับของผ้าได้ เพราะกลิ่นอับมักเกิดจากคราบสกปรก เชื้อรา และแบคทีเรียที่สะสมอยู่ภายในเครื่องซักผ้า เมื่อเราทำความสะอาด ก็จะช่วยกำจัดสิ่งเหล่านี้ ทำให้เครื่องซักผ้าสะอาดขึ้น และผ้าที่ซักก็จะมีกลิ่นหอมสดชื่น ทั้งนี้ควรทำความสะอาดเครื่องซักผ้าอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง และไม่ควรใส่เสื้อผ้าที่เปื้อนคราบหนักลงในเครื่องซักผ้า รวมถึงควรตากผ้าให้แห้งสนิทก่อนเก็บ ไม่ควรเก็บผ้าเปียกไว้ในเครื่องซักผ้าเป็นเวลานาน
บทความที่น่าสนใจ: เคล็ดลับ วิธีการเลือกซื้อน้ำยาซักผ้าเด็ก ควรเลือกอย่างไร ให้ปลอดภัยกับผิวของลูก
ซักผ้าตอนกลางคืนยังไงไม่ให้เหม็นอับ
หากใครที่ซักผ้าตอนกลางคืนแล้วกลัวผ้าเหม็นอับ ไม่ต้องกังวลไปค่ะ มีหลายวิธีที่ช่วยให้ผ้าของคุณหอม สะอาด โดยไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นอับ ลองทำตามนี้ดูนะคะ
1. เตรียมตัวก่อนซัก
- แยกประเภทผ้า แยกผ้าขาว ผ้าสี ผ้าเนื้อหนา ผ้าเนื้อบาง ออกจากกัน เพื่อป้องกันสีตก และช่วยให้ผ้าแต่ละประเภทได้รับการซักอย่างเหมาะสม
- ตรวจสอบป้ายเสื้อผ้า ดูสัญลักษณ์บนป้ายเสื้อผ้าว่าควรซักด้วยน้ำร้อน น้ำเย็น หรือห้ามปั่นแห้ง
- ใส่ผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้าให้พอดี ไม่ควรใส่เยอะเกินไป เพราะอาจทำให้ผ้าฝืดและมีกลิ่นอับ
- เติมน้ำส้มสายชู ผสมน้ำส้มสายชู 1 ถ้วยตวง ลงในน้ำซักผ้า ช่วยขจัดกลิ่นอับ ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และลดคราบสกปรก
- ใส่เบกกิ้งโซดา ผสมเบกกิ้งโซดา 1/2 ถ้วยตวง ลงในน้ำซักผ้า ช่วยขจัดกลิ่นอับ ดูดซับความชื้น และปรับสภาพความเป็นกรด-ด่างของน้ำ
2. วิธีการซัก
- ปรับโหมดการซัก เลือกโหมดการซักที่เหมาะกับประเภทผ้า เช่น โหมดผ้าบาง โหมดผ้าหนา โหมดซักเร็ว เป็นต้น
- ปรับอุณหภูมิน้ำ การซักด้วยน้ำร้อน ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย แต่ผ้าบางชนิดอาจไม่เหมาะกับการซักด้วยน้ำร้อน ควรดูสัญลักษณ์บนป้ายเสื้อผ้าก่อน
- ปั่นผ้าหมาด ปั่นผ้าหมาดให้มากที่สุด เพื่อช่วยให้ผ้าแห้งไวขึ้น ลดโอกาสเกิดกลิ่นอับ
3. หลังซักผ้า
- ตากผ้าให้แห้งสนิท ตากผ้าในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก แสงแดดส่องถึง หลีกเลี่ยงการตากผ้าในที่อับชื้น
- ใช้พัดลมช่วยเป่าผ้า จะช่วยให้ผ้าแห้งเร็วขึ้น ลดโอกาสเกิดกลิ่นอับ
- อบผ้าในเครื่องอบผ้า ตั้งอุณหภูมิให้เหมาะกับประเภทผ้า ช่วยให้ผ้าแห้งเร็วและลดรอยยับ แต่ควรใช้อย่างประหยัด เพราะอาจทำให้ผ้าเสื่อมสภาพเร็ว
- รีดผ้าหลังจากแห้งสนิท ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดรอยยับ และทำให้ผ้าดูเรียบ
การดูแลเสื้อผ้าให้สะอาดและไม่มีกลิ่นอับไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องใช้วิธีการที่ถูกต้องและค่อนข้างละเอียดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ หากลองทำตามวิธีดังกล่าวแล้วยังคงมีกลิ่นอับ อาจจะต้องพิจารณาเช็กสภาพของเสื้อผ้าว่ามีปัญหาอื่น ๆ เช่น การเก็บเสื้อผ้าในที่ชื้นหรือไม่ หรือวิธีการเก็บรักษาเสื้อผ้าที่ไม่ถูกต้องแล้วแก้ไขให้เรียบร้อยก่อนนะคะ ลุยกันเถอะค่ะ!
ที่มา: www.lg.com, home.kapook.com
บทความอื่น ๆ ที่น่าใจ:
น้ำยาปรับผ้านุ่มทั่วไป ใช้ซักผ้าเด็กได้ไหม ใช้แล้วผิวลูกน้อยจะระคายเคืองหรือไม่ ?
วิธีซักผ้าเด็กอ่อน ทำอย่างไรดี? เคล็ดลับง่าย ๆ สำหรับซักผ้าให้ลูกน้อย
จริงหรือไม่ ซักผ้าด้วยน้ำร้อน อาจทำให้เสื้อผ้าเสียหายได้!?