จิตวิทยาความรัก คู่ผัว-เมียสายไฝว้ ทะเลาะไปรักไป ชาวบ้านงง หยุมหัวกันแทบตาย สุดท้ายก็ไม่เลิก

lead image

เรามักเห็นภาพคู่รักที่ทะเลาะกันเป็นระยะ พอวันรุ่งขึ้นกลับคืนดีหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งหมดนี้เป็น จิตวิทยาความรัก ที่วิทยาศาสตร์สามารถตอบได้

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

จิตวิทยาความรัก ในความสัมพันธ์ระยะยาว เรามักเห็นภาพคู่รักหรือคู่แต่งงานที่ทะเลาะกันเป็นระยะ บางครั้งถึงขั้นปะทะด้วยถ้อยคำรุนแรง บางคู่มีน้ำตา บางคู่เงียบใส่กันเป็นวัน ๆ แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ…พอวันรุ่งขึ้นกลับไปกินข้าวด้วยกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และบางครั้งยังรู้สึกรักกันมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ

นี่ไม่ใช่เรื่องของ “ความเคยชิน” หรือ “ทนเพราะมีลูก” อย่างเดียวเสมอไป แต่นี่คือภาพสะท้อนของกระบวนการทางจิตวิทยาและพฤติกรรมความผูกพันที่ลึกซึ้ง บางคู่ทะเลาะเพราะใกล้กันมาก บางคู่ทะเลาะเพื่อหาทางเข้าใจกัน บางคู่ทะเลาะแล้วกลายเป็นโอกาสซ่อมความรู้สึก และทั้งหมดนี้มีคำอธิบายที่วิทยาศาสตร์สามารถตอบได้

 

จิตวิทยาความรัก : เมื่อความรักแบบมีไฟ ไม่ได้แปลว่าไฟจะเผาจนพังเสมอไป

  1. ทะเลาะกันแล้วไม่เลิก เพราะความผูกพันนั้นลึกเกินกว่าจะตัดขาด

นักจิตวิทยาชื่อดังอย่าง Dr. Sue Johnson ผู้พัฒนาทฤษฎี Emotionally Focused Therapy (EFT) เคยอธิบายว่า การทะเลาะกันในคู่รักมักไม่ใช่การ “โกรธเพราะไม่รัก” แต่กลับเป็นสัญญาณของ “การกลัวสูญเสียความผูกพัน” มากกว่า งานวิจัยของ Dr. Johnson (2004) ชี้ให้เห็นว่า ความขัดแย้งบ่อยครั้งในความสัมพันธ์ไม่ได้นำไปสู่การเลิกรา หากความขัดแย้งนั้นเกิดขึ้นภายใต้เงื่อนไขของความใกล้ชิดและความรู้สึกปลอดภัย เช่น คู่รักที่สามารถแสดงความเปราะบางทางอารมณ์ได้โดยไม่กลัวว่าจะถูกปฏิเสธ มักจะกลับมาเชื่อมโยงกันได้เร็วหลังการทะเลาะ

สิ่งนี้สะท้อนแนวคิดของ Attachment Theory ที่เสนอโดย John Bowlby และต่อยอดโดย Mary Ainsworth ซึ่งอธิบายว่าผู้ใหญ่ที่มี “รูปแบบความผูกพันแบบปลอดภัย (secure attachment)” จะสามารถอยู่กับความขัดแย้งได้โดยไม่รู้สึกว่าต้องวิ่งหนี หรือหลีกเลี่ยงการปะทะ คู่รักที่ทะเลาะกันแต่ไม่เลิกกัน มักเป็นคนที่มีความสามารถในการยอมรับอารมณ์ตนเอง และสามารถ “กลับมาคุยกันใหม่” ได้แม้ผ่านช่วงเวลารุนแรง นี่คือจุดเริ่มต้นของสิ่งที่นักจิตวิทยาเรียกว่า “การทะเลาะอย่างมีคุณภาพ”  

 

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  1. ทะเลาะอย่างมีคุณภาพ: ไม่ใช่แค่เสียงดัง แต่คือกระบวนการแสดงความรู้สึกอย่างลึกซึ้ง

หลายคนคิดว่าการทะเลาะกันคือ “สัญญาณเตือน” ของความสัมพันธ์ที่กำลังสั่นคลอน แต่ Dr. John Gottman นักจิตวิทยาผู้ศึกษาชีวิตสมรสกว่า 40 ปี ให้มุมมองที่ต่างออกไป เขาบอกว่า “คู่ที่ไม่เคยทะเลาะกันเลย อาจน่ากังวลกว่าคู่ที่ทะเลาะกันเป็นประจำ” เพราะความเงียบอาจเป็นสัญญาณของการปิดกั้นหรือหลีกเลี่ยงความรู้สึก

ในหนังสือ The Seven Principles for Making Marriage Work (1999) Dr. Gottman กล่าวว่า “ความขัดแย้งไม่ใช่ศัตรูของรักแท้ แต่การหลีกเลี่ยงความขัดแย้งต่างหากที่เป็นภัย”

 

Key Concept ที่สำคัญคือ “Repair Attempt”

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

คือความพยายามของคู่รักในการ “เชื่อมความสัมพันธ์กลับมา” ระหว่างหรือหลังการทะเลาะ เช่น

หยอดมุกขำ ๆ ตอนอารมณ์ขึ้น

พูดว่า “ขอโทษนะเมื่อกี้เราแรงไปหน่อย”

หันมากอดกันตอนน้ำตาไหล

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

คู่ที่มี Repair Attempt ที่สำเร็จสูง จะสามารถฟื้นฟูสายใยความสัมพันธ์ได้แม้ผ่านการทะเลาะรุนแรง

 

  1. สมองและเคมีแห่งความรัก: ทำไมทะเลาะแล้วกลับรู้สึกรักกันมากขึ้น?

ในด้านชีววิทยา นักประสาทวิทยาอธิบายว่า ความสัมพันธ์ที่มีทั้งความตึงเครียดและการคืนดีนั้น กระตุ้นสารเคมีในสมองหลายชนิด

  • Adrenaline: หลั่งช่วงทะเลาะ ทำให้หัวใจเต้นแรง ร่างกายตื่นตัว (Fight or Flight)
  • Oxytocin: หลั่งเมื่อคืนดีกัน กอดกัน ปรับความเข้าใจ เป็นสาร “ฮอร์โมนแห่งความผูกพัน”
  • Dopamine: หลั่งเมื่อเกิด “ความโล่งใจ” หลังผ่านวิกฤติ เช่น พูดคุยจนเข้าใจกัน

สิ่งเหล่านี้ทำให้ กระบวนการทะเลาะ-คืนดี กลายเป็นวงจรที่ “เสริมพลังความรัก” ได้อย่างแปลกประหลาด หากทั้งสองฝ่ายมีความไว้วางใจพื้นฐานและไม่ใช้ความรุนแรงทางจิตใจหรือร่างกาย  นักจิตวิทยาบางคนเรียกสิ่งนี้ว่า “emotional rollercoaster effect” ซึ่งคล้ายกับการเล่นรถไฟเหาะอารมณ์ ยิ่งสูง ยิ่งเสียว แต่พอลงถึงพื้นก็ยิ่งรู้สึกผูกพันกับคนที่ร่วมขบวนกับเรา  

 

  1. รักกันไม่ใช่ไม่ทะเลาะ แต่ต้องทะเลาะให้เป็น

การทะเลาะในคู่รักมี 2 แบบใหญ่ ๆ ที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ งานวิจัยจากมหาวิทยาลัย Berkeley (Carrère & Gottman, 1999) พบว่า “น้ำเสียงตอนเริ่มทะเลาะ” สามารถทำนายความยืนยาวของความสัมพันธ์ได้ถึง 94% หากเริ่มด้วยความก้าวร้าว ประชด หรือดูแคลน โอกาสไปไม่รอดมีสูงมาก

 

  1. เพราะเรายังรักกัน เลยกล้าทะเลาะ: เสียงเงียบที่อันตรายกว่าคำตะโกน

สิ่งที่หลายคนเข้าใจผิดคือ ความสัมพันธ์ที่ดีต้อง “ราบรื่น” เสมอ แต่ความจริงคือ คู่ที่ทะเลาะกันบ้าง มักเป็นคนที่ “ยังพยายามพูดถึงสิ่งที่สำคัญ”

ตรงกันข้าม คู่ที่ไม่ทะเลาะกันเลยมักเก็บความรู้สึกไว้ข้างใน ปล่อยให้ระยะห่างเติบโตอย่างเงียบ ๆ จนกลายเป็น “รักจืดจาง” โดยไม่รู้ตัว งานวิจัยของ Dr. Terri Orbuch (University of Michigan) ที่ติดตามคู่รัก 373 คู่มานานกว่า 20 ปี พบว่า “คู่ที่กล้าพูดถึงความไม่พอใจเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างตรงไปตรงมา กลับอยู่กันได้นานกว่าคู่ที่เงียบเก็บไว้แล้วระเบิดในตอนหลัง พูดง่าย ๆ คือ ทะเลาะในวันนี้ อาจช่วยรักษาเราไว้ในวันหน้า ถ้ารู้วิธีพูด และกล้าที่จะฟัง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

  1. เปลี่ยนการทะเลาะให้เป็นโอกาสซ่อมรัก

ต่อไปนี้คือเครื่องมือเล็ก ๆ ที่นักจิตบำบัดแนะนำให้ใช้ เพื่อให้การทะเลาะในคู่รักไม่กลายเป็นกับดัก แต่กลายเป็น “การฟื้นฟูใจ”: พักก่อนเมื่อเริ่มร้อน: งานวิจัยจาก Gottman Lab แนะนำว่า เวลาหัวใจเต้นเกิน 100 ครั้ง/นาที (เพราะโกรธหรือกลัว) สมองจะไม่รับข้อมูลใหม่ การพักเงียบ 20 นาทีเพื่อสงบใจช่วยให้พูดอย่างสร้างสรรค์มากขึ้น

  • พูดจากความรู้สึก ไม่ใช่ข้อกล่าวหา: เช่น “เรารู้สึกไม่โอเค” แทน “เธอนี่ไม่เคยแคร์เราเลย”
  • ถามแทนการเดา: เช่น “เมื่อกี้ที่เธอพูดแบบนั้น เธอหมายความว่ายังไงเหรอ?” แทนการตีความเอง
  • ซ่อมด้วยสิ่งเล็ก ๆ: อาจเป็นมือแตะไหล่เบา ๆ หรือการชวนดูซีรีส์หลังทะเลาะจบ แม้ยังไม่พูดขอโทษเต็มปาก แต่นี่คือ “ภาษารัก” ที่สำคัญ

 

  1. รักที่ดีไม่ใช่รักที่ไม่เคยทะเลาะ แต่คือรักที่ “ทะเลาะแล้วหาทางกลับมาเจอกันได้”

ท้ายที่สุดแล้ว ความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ปราศจากปัญหา แต่คือความสัมพันธ์ที่ “มีพื้นที่ปลอดภัย” ให้กัน แม้ในเวลาที่ไม่สวยงามที่สุด คำว่า “รักมากขึ้นหลังทะเลาะ” จึงไม่ได้เป็นเรื่องแปลก หากมองจากมุมจิตวิทยา เพราะเมื่อคู่รักสามารถผ่านสถานการณ์ที่ไม่พอใจด้วยความกล้าหาญทางอารมณ์ และกลับมาเชื่อมโยงกันได้อีกครั้ง ความรักนั้นจะยิ่ง “เหนียวแน่น” กว่าเดิม

 

 

  1. คำแนะนำสำหรับคู่รักที่กำลัง “รักแต่ทะเลาะบ่อย”

ถ้าคุณเป็นหนึ่งในคนที่รักกันมากแต่ทะเลาะบ่อย นี่คือข้อคิดจากงานวิจัยและประสบการณ์ของนักบำบัดหลายคน

  1. ทะเลาะได้ แต่ต้องไม่ทำร้ายศักดิ์ศรีของกันและกัน
  2. ความเงียบไม่ใช่ทางออกเสมอ — การพูดแม้จะไม่สวยงาม ก็ยังดีกว่าการหลบหนี
  3. ฝึก “ฟังด้วยใจ” ไม่ใช่เพื่อโต้ แต่เพื่อเข้าใจ
  4. มีสัญญาณลับว่า เมื่อถึงจุดหนึ่งเราจะ “พัก” และ “กลับมาคุย” ไม่ยื้อกันในขณะใจร้อน
  5. เรียนรู้ที่จะให้อภัยตัวเอง และคู่ของคุณ เพราะเราทุกคนต่างกำลังเรียนรู้ความรักไปด้วยกัน

 

  1. จากมุมนักจิตวิทยา ความสัมพันธ์ที่เติบโต มักผ่านพายุหลายลูก

ความรักไม่ใช่แค่การหัวเราะด้วยกันในวันที่อากาศดี แต่มันคือการจับมือกันแน่น ๆ ในวันที่เราทั้งคู่ไม่เข้าใจกันเลยแม้แต่นิดเดียว คู่รักที่ทะเลาะกันแทบตายแต่ไม่เลิกกัน บางทีก็เพราะพวกเขามีสิ่งหนึ่งที่คู่ที่เลิกกันไม่มี  นั่นคือ “ความกล้าที่จะอยู่กับความไม่สมบูรณ์แบบ” และความหวังว่าเราจะดีขึ้นไปด้วยกัน

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

อยากหย่า แต่สงสารลูก ทำยังไงดี ทางแยกที่แสนเจ็บปวดของหัวใจพ่อแม่

ชีวิตคู่เปลี่ยนไปหลังมีลูก! 6 เคล็ดลับ กระชับสัมพันธ์ให้ราบรื่นด้วยความเข้าใจ

5 วิธีจัดการมือที่สาม แบบชาญฉลาด ไม่วีน สวยแพง มีเหตุผล

บทความโดย

Weerati