การเปลี่ยนแปลงของขนาดหน้าท้องเป็นหนึ่งในสัญญาณที่บ่งบอกถึงการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ คุณแม่มือใหม่หลายท่านคงตื่นเต้นที่จะได้สัมผัสและสังเกตการขยายตัวของพุงน้อย ๆ บ่งบอกถึงชีวิตน้อย ๆ กำลังเติบโตอยู่ในตัว บทความนี้จะพาคุณดูพัฒนาการลูกน้อยผ่านการเปลี่ยนแปลงของขนาดหน้าท้องคุณแม่ พุงคนท้องแต่ละเดือน ใหญ่แค่ไหน และบ่งบอกอะไร
ท้องกี่เดือนถึงจะมีพุง?
ท้องกี่เดือนถึงจะมีพุง แท้จริงแล้ว มดลูกเริ่มขยายตัวตั้งแต่การตั้งครรภ์ แต่ในช่วงแรก ๆ นั้น การเปลี่ยนแปลงของขนาดหน้าท้องอาจยังไม่ชัดเจนนัก โดยทั่วไปแล้ว คุณแม่ส่วนใหญ่จะเริ่มสังเกตเห็นพุงได้ ประมาณเดือนที่ 4-5 ของการตั้งครรภ์
อย่างไรก็ตาม ร่างกายของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน พุงคนท้องแต่ละเดือน อาจออกมากน้อยต่างกัน บางคนอาจเริ่มเห็นพุงชัดเจนตั้งแต่เดือนที่ 3 หรือบางคนอาจไม่สังเกตเห็นจนถึงเดือนที่ 6 ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น
- รูปร่างก่อนตั้งครรภ์: คุณแม่ที่มีรูปร่างผอมมักจะสังเกตเห็นพุงได้ชัดเจนเร็วกว่าคุณแม่ที่มีรูปร่างท้วม
- จำนวนการตั้งครรภ์: คุณแม่ที่ตั้งครรภ์เป็นครั้งแรก มักจะสังเกตเห็นพุงได้ช้ากว่าคุณแม่ที่เคยตั้งครรภ์มาแล้ว
- ท่าทาง: การยืนหรือนั่งตัวตรงจะทำให้เห็นพุงได้ชัดเจนกว่าการนั่งงอหรือก้มตัว
- น้ำหนักตัว: การเพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัว
- ตำแหน่งของทารก: ทารกที่อยู่ในท่าขวาง มักจะทำให้เห็นพุงได้ชัดเจนกว่าทารกที่อยู่ในท่าศีรษะลง
พุงคนท้องแต่ละเดือน ท้องคุณแม่แต่ละเดือนใหญ่แค่ไหน?
-
พุงคนท้อง 1-3 เดือน
มดลูกยังอยู่ในอุ้งเชิงกราน การเปลี่ยนแปลงของขนาดหน้าท้องอาจยังไม่ชัดเจน บางคนอาจรู้สึกเหมือนท้องอืด น้ำหนักคุณแม่ในช่วงนี้จะเพิ่มขึ้นประมาณ 3-4 กิโลกรัม
-
พุงคนท้อง 4 เดือน
มดลูกเริ่มขยายใหญ่ขึ้นเหนืออุ้งเชิงกราน คุณแม่บางคนอาจเริ่มสังเกตเห็นพุงเล็กน้อย น้ำหนักคุณแม่ในช่วงนี้จะเพิ่มขึ้นประมาณ 4-5 กิโลกรัม
-
พุงคนท้อง 5 เดือน
มดลูกขยายใหญ่ขึ้นจนถึงระดับสะดือ คุณแม่ส่วนใหญ่จะเริ่มเห็นพุงชัดเจน น้ำหนักคุณแม่ในช่วงนี้จะเพิ่มขึ้นประมาณ 5-6 กิโลกรัม
-
พุงคนท้อง 6 เดือน
มดลูกขยายใหญ่ขึ้นจนถึงระดับกึ่งกลางระหว่างสะดือและกระดูกเชิงกราน น้ำหนักคุณแม่ในช่วงนี้จะเพิ่มขึ้นประมาณ 6-7 กิโลกรัม
-
พุงคนท้อง 7 เดือน
มดลูกขยายใหญ่ขึ้นจนถึงระดับกระดูกเชิงกราน น้ำหนักคุณแม่เพิ่มขึ้นประมาณ 7-8 กิโลกรัม
-
พุงคนท้อง 8 เดือน
มดลูกขยายใหญ่ขึ้นจนถึงซี่โครง น้ำหนักคุณแม่เพิ่มขึ้นประมาณ 8-9 กิโลกรัม
-
พุงคนท้อง 9 เดือน
มดลูกขยายใหญ่ที่สุด คุณแม่จะรู้สึกอึดอัด หายใจลำบาก ทารกเริ่มเคลื่อนตัวลงสู่เชิงกราน เตรียมพร้อมสำหรับการคลอด น้ำหนักคุณแม่เพิ่มขึ้นประมาณ 9-13 กิโลกรัม
ขนาดทารกในครรภ์แต่ละเดือน ลูกน้อยในท้องแม่โตแค่ไหน?
ขนาดท้องคุณแม่เพิ่มตามขนาดของมดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับทารกน้อยที่ค่อยๆ เติบโตในครรภ์คุณแม่แต่ละเดือน โดยเปรียบเทียบขนาดท้องในแต่ละเดือนกับผลไม้ ช่วยให้คุณแม่จินตนาการถึงขนาดลูกน้อยได้
-
ทารกในครรภ์ 1 เดือน : เริ่มต้นชีวิตน้อย ๆ
พัฒนาการทารกในครรภ์ 1 เดือน ขนาดประมาณเมล็ดข้าว (ประมาณ 0.5 เซนติเมตร) เล็กเท่าปลายเข็มหมุด หัวใจเริ่มเต้นเป็นสัญญาณแรกของชีวิต ท่อประสาทเริ่มก่อตัวเพื่อพัฒนาเป็นสมองและไขสันหลัง อวัยวะสำคัญเริ่มก่อตัว หัวใจ สมอง กระดูกสันหลัง ไต ลำไส้ ในระยะนี้ทารกยังไม่สามารถเคลื่อนไหวหรือรู้สึกอะไรได้
-
ทารกในครรภ์ 2 เดือน : เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง
พัฒนาการทารกในครรภ์ 2 เดือน ขนาดประมาณถั่วเหลือง (ประมาณ 2.5 เซนติเมตร) เริ่มมีรูปร่างคล้ายมนุษย์ แขน ขา ตา หู จมูก เริ่มก่อตัว เริ่มเห็นเค้าโครงของอวัยวะ หัวใจเต้นเร็วขึ้น เต้นแรงประมาณ 150-180 ครั้งต่อนาที เริ่มมีระบบประสาท เริ่มตอบสนองต่อสิ่งเร้า
-
ทารกในครรภ์ 3 เดือน : เริ่มมีชีพจร
พัฒนาการทารกในครรภ์ 3 เดือน ขนาดประมาณผลสตรอเบอร์รี่ (ประมาณ 9 เซนติเมตร) เริ่มมีนิ้วมือ นิ้วเท้า เริ่มมีระบบย่อยอาหาร เริ่มดูดซึมสารอาหารจากสายสะดือ เริ่มมีการเคลื่อนไหว หัวใจสมบูรณ์
-
ทารกในครรภ์ 4 เดือน : เริ่มขยับตัว
พัฒนาการทารกในครรภ์ 4 เดือน ขนาดประมาณผลมะนาว (ประมาณ 16 เซนติเมตร) เริ่มได้ยินเสียง ตอบสนองต่อเสียงภายนอก เช่น เสียงแม่ เสียงเพลง เริ่มฝึกการดูดกลืน อวัยวะเพศสมบูรณ์
-
ทารกในครรภ์ 5 เดือน : เริ่มเห็นใบหน้า
พัฒนาการทารกในครรภ์ 5 เดือน ขนาดประมาณกล้วยหอม (ประมาณ 23-30 เซนติเมตร) เริ่มมีผม เริ่มมีหนังตา เริ่มมีปอด เริ่มมีการเคลื่อนไหวแขนขา เตะต่อย คุณแม่เริ่มรู้สึกว่าลูกดิ้น
-
ทารกในครรภ์ 6 เดือน : เริ่มมีผม
พัฒนาการทารกในครรภ์ 6 เดือน ขนาดประมาณแตงโม (ประมาณ 30-35 เซนติเมตร) ปอดเริ่มทำงาน เปลือกตาเริ่มเปิดได้ เริ่มมีการจดจำเสียง จดจำเสียงแม่ เสียงเพลง
-
ทารกในครรภ์ 7 เดือน : เริ่มมีระบบภูมิคุ้มกัน
พัฒนาการทารกในครรภ์ 7 เดือน ขนาดประมาณแตงโม (ประมาณ 35-40 เซนติเมตร) เริ่มมีระบบภูมิคุ้มกัน เริ่มมีการตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอก ตอบสนองต่อแสง เสียง สัมผัส เริ่มมีไขมันสะสม เริ่มมีการฝึกหายใจ เตรียมพร้อมสำหรับการหายใจหลังคลอด
-
ทารกในครรภ์ 8 เดือน: เริ่มมองเห็น
พัฒนาการทารกในครรภ์ 8 เดือน ขนาดประมาณแตงโม (ประมาณ 40-45 เซนติเมตร) เริ่มมีการเตรียมพร้อมสำหรับการคลอด ศีรษะเริ่มหมุนลงสู่เชิงกราน ปอดทำงานได้ดีขึ้น ผิวหนังเหี่ยวย่น เพราะยังมีไขมันน้อย
-
ทารกในครรภ์ 9 เดือน: เตรียมพร้อมสู่เส้นชัย
พัฒนาการทารกในครรภ์ 8 เดือน ขนาดประมาณแตงโมใหญ่ (ประมาณ 45-50 เซนติเมตร) ทารกเติบโตเต็มที่ ขยับตัวน้อยลง เริ่มมีพื้นที่ในท้องน้อยลง ปอดสมบูรณ์ เตรียมพร้อมสำหรับการหายใจหลังคลอด ระบบย่อยอาหารพร้อมทำงาน เตรียมพร้อมสำหรับการดูดกลืนนม
ตารางเปรียบเทียบขนาด พุงคนท้องแต่ละเดือน ขนาดทารกในครรภ์ และพัฒนาการลูกในท้อง
เดือน | ขนาดพุงคุณแม่
(โดยประมาณ) |
น้ำหนักตัวคุณแม่เพิ่มขึ้น
(โดยเฉลี่ย) |
ขนาดลูกน้อย
(โดยประมาณ) |
พัฒนาการของทารก |
1 | ยังไม่เปลี่ยนแปลง | 1-2 กก. | เมล็ดข้าว (0.5 ซม.) |
หัวใจเริ่มเต้น ท่อประสาทเริ่มก่อตัว |
2 | 1-2 ซม. เริ่มเห็นพุง | 2-3 กก. | ถั่วเหลือง (2.5 ซม.) |
แขน ขา ตา หู จมูก เริ่มก่อตัว หัวใจเต้นเร็วขึ้น |
3 | 3-4 ซม. เริ่มนูน | 3-4 กก. | สตรอเบอร์รี่ (7.5 ซม.) |
นิ้วมือ นิ้วเท้า เริ่มก่อตัว เริ่มมีระบบย่อยอาหาร เริ่มมีระบบประสาท |
4 | 5-6 ซม. เริ่มชัดเจน | 4-5 กก. | มะนาว (12 ซม.) |
เริ่มได้ยินเสียง เริ่มดูดกลืนน้ำคร่ำ เริ่มมีการเคลื่อนไหว |
5 | 7-10 ซม. โตขึ้น | 5-6 กก. | กล้วยหอม (15 ซม.) |
เริ่มเห็นใบหน้า เริ่มมีลายนิ้วมือ เริ่มมีเพศ |
6 | 12-15 ซม. ใหญ่ขึ้น | 6-7 กก. | แตงโม (25 ซม.) |
เริ่มมีผม เริ่มมีหนังตา เริ่มมีปอด |
7 | 17-20 ซม. ใหญ่ขึ้นอีก | 7-8 กก. | แตงโม (35 ซม.) |
เริ่มได้ยินเสียง เริ่มมีระบบภูมิคุ้มกัน เริ่มมีไขมันสะสม |
8 | 25-30 ซม. ใหญ่จนตึง | 8-9 กก. | แตงโมใหญ่ (40 ซม.) |
เริ่มมองเห็น เริ่มมีพัฒนาการด้านสมอง เริ่มมีชั้นไขมันใต้ผิวหนัง |
9 | 35-40 ซม. ใหญ่ที่สุด | 9-13 กก. | แตงโมใหญ่ (50 ซม.) |
ปอดพัฒนาเต็มที่ ระบบย่อยอาหารพร้อมทำงาน เตรียมพร้อมสำหรับการคลอด |
หมายเหตุ:
- ข้อมูลขนาดท้อง น้ำหนักตัว และขนาดลูกน้อยที่ดิฉันบอกเป็นเพียงค่าเฉลี่ย การเปลี่ยนแปลงของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น สุขภาพของแม่ น้ำหนักตัวก่อนตั้งครรภ์ การได้รับสารอาหาร
- ขนาดทารกในครรภ์แต่ละเดือนเป็นเพียงค่าประมาณ การเจริญเติบโตของทารกแต่ละคนอาจแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น สุขภาพของแม่ น้ำหนักตัวก่อนตั้งครรภ์ การได้รับสารอาหาร
- ตารางนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นคุณแม่ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพื่อติดตามการเจริญเติบโตของทารกและน้ำหนักตัวที่แท้จริง
ที่มา : s-mom club , โรงพยาบาลพญาไท
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
รวมแพ็กเกจคลอด ปี 2567 ค่าคลอดเหมาจ่าย รพ.เอกชน ในกรุงเทพฯ
ลูกไม่กลับหัว ผ่าคลอดแบบไหน แม่ใกล้คลอดควรรู้!
5 เหตุผลหลักที่คุณแม่ไทยนิยมผ่าคลอด : ผลสำรวจจาก theAsianparent insights