ติดคุก! พ่อ ทิ้งลูก สาว 9 เดือนในรถ
ทิ้งลูก ไว้ในรถ โดยทารกมีอายุเพียงเก้าเดือน !
เออวิน ดาร์จิน คุณพ่อลูกอ่อนวัย 24 ปี ต้องถูกจำคุกเนื่องจากทิ้งลูกสาววัยเพียง 9 เดือนไว้ในรถเพียงลำพัง
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในลอสแองเจอลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อมีพลเมืองดี โทรแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า พบเด็กถูกทิ้งให้อยู่ในรถท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุ เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบรุดไปยังที่เกิดเหตุเพื่อให้การช่วยเหลือ เพื่อนำทารกน้อยรายนี้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลโดยทันที
พลเมืองดีเล่าว่า ตนเดินผ่านไปมาในบริเวณนั้น ได้ยินเสียงเด็กทารกร้อง จึงรีบหาต้นตอของเสียง จนมาพบกับหนูน้อยผู้น่าสงสารร้ายนี้ถูกทิ้งอยู่ในรถโดยปราศจากผู้ใหญ่คอยดูแล
นายชาร์ลส์ ชาคอน เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่เล่าว่า “พ่อของเด็กรีบออกมาจากสถานที่โชว์ระบำเปลื้องผ้า หลังจากที่พลเมืองดีโทรแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งพลเมืองดีรายนี้ ได้ช่วยเด็กออกมาก่อนหน้าที่ตนจะมาถึง และเมื่อพ่อของเด็กรู้เข้า จึงพยายามจะเอาตัวเด็กไป แต่พลเมืองดีรายนี้ไม่ยอม และบอกว่า รอให้ตำรวจมาก่อนค่อยว่ากัน”
“ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพ่อของเด็กจะบอกว่า เขาไม่ทันคิดว่าเหตุการณ์มันจะร้ายแรงมากขนาดนี้ มันเป็นเรื่องที่อันตรายและผมก็รับไม่ได้” ชาร์ลส์กล่าวเพิ่มเติม
อย่างไรก็แล้วแต่ ทารกน้อยผู้นี้ก็อยู่ในความดูแลของแม่เป็นที่เรียบร้อย ส่วนพ่อก็ถูกจำคุกไปตามระเบียบ โดยมีวงเงินประกันตัวที่มากถึง 3.4 ล้านบาทเลยทีเดียว
โชคดีของทารกน้อยรายนี้ ที่มีคนเห็นเสียก่อน ไม่อย่างนั้น ไม่กล้าที่จะคิดเลยจริง ๆ ถึงอย่างไรก็แล้วแต่ เรามีข้อควรรู้มาฝากค่ะ คลิกเพื่ออ่านได้ที่หน้าถัดไปเลยนะคะ
ข้อควรรู้ หากเด็กติดอยู่ในรถ
1. แม้เด็กจะติดอยู่ในรถ ก็ยังสามารถอยู่ได้นาน แต่สาเหตุที่เด็กเสียชีวิตก็เพราะความร้อนภายในรถที่สูงขึ้น (เพียง 5 นาทีอุณหภูมิในรถจะเพิ่มสูงขึ้นจนไม่สามารถอยู่ในรถได้) หากอยู่ในรถผ่านไป 10 นาที ร่างกายจะย่ำแย่ และภายใน 30 นาทีก็จะถึงขั้นเสียชีวิต
2. ปกติแล้วร่างกายคนเราจะรักษาอุณหภูมิร่างกายไว้ที่ 37 องศาเซลเซียส เมื่อต้องติดอยู่ในรถที่ความร้อนสูงขึ้น ช่วงใหม่ ๆ ร่างกายจะขับความร้อนออกมาในรูปแบบของเหงื่อ แต่เมื่อถึงจุด ๆ หนึ่งร่างกายจะเริ่มทนไม่ไหว และจะหยุดทำงาน เกิดภาวะเลือดเป็นกรด หยุดหายใจ หากพบเจอเด็กที่ติดในรถได้เร็วจะเจอในสภาพที่เด็กตัวแดง แต่หากนานเด็กจะตัวซีดและเสียชีวิตได้
คุณอาจจะคิดว่า เปิดหน้าต่างให้เด็กได้หายใจไว้แล้ว คงไม่เป็นไร … หรือจอดรถในที่ร่มไม่ได้กลางแดด นิดหน่อยจะเป็นอะไรไป … บอกได้เลยค่ะว่า การกระทำเช่นนี้ก็สามารถทำให้เด็กขาดอากาศหายใจได้เช่นกัน!! เพราะการเปิดแง้มหน้าต่างไว้ในรถ หรือจอดในที่ร่ม ไม่ได้เป็นเครื่องรับประกันว่า ความร้อนภายในรถจะไม่สูงขึ้น เพียงแต่ความร้อนอาจจะไม่ได้สูงขึ้นเร็วเท่ากับจอดกลางแจ้งต่างหากละ
ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของคนที่เรารัก อย่าปล่อยทิ้งให้ลูกอยู่ในรถเพียงลำพัง แม้ว่าคุณอาจจะหวังดี และไม่อยากปลุกลูกให้ตื่นก็ตาม
อย่าทิ้งเด็กไว้ในรถ…แค่ 30 นาทีก็ช็อกเสียชีวิตได้
แม้จะมีข่าวให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ แต่เหตุการณ์ที่พ่อแม่ผู้ปกครองลืมลูกหลานทิ้งไว้ในรถยนต์ก็ยังคง เกิดขึ้น ซึ่งหลายๆ กรณี เด็กอาจจะโชคดีรอดชีวิต เพราะได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที แต่ก็ยังมีอีกหลาย กรณีที่เด็กโชคร้ายติดอยู่ภายในรถยนต์เป็นเวลานานจนหมดสติ ช็อก บางรายถึงขั้นเสียชีวิต
หลายคนที่ได้ยินข่าวเด็กติดอยู่ในรถ อาจจะคิดว่าที่เด็กมีอาการโคม่า เป็นเพราะขาดอากาศหายใจ เนื่องจากประตูหน้าต่างปิดสนิท แต่ความเป็นจริงแล้ว เด็กส่วนใหญ่ที่ติดอยู่ในรถไม่ได้เสียชีวิตเพราะขาด อากาศหายใจ แต่เป็นเพราะความร้อนภายในรถที่สูงขึ้นต่างหาก ศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและ ป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก โรงพยาบาลรามาธิบดี อธิบายว่า หากเด็กเข้าไป อยู่ในรถที่จอดอยู่กลางแดดเพียง แค่ 5 นาที อุณหภูมิภายในรถก็จะสูงขึ้นจนไม่สามารถทนอยู่ได้แล้ว หากติดนานเกิน 10 นาที ร่างกายก็จะยิ่ง แย่ และถ้าอยู่นานถึง 30 นาที ก็อาจเสียชีวิตได้ เพราะปกติร่างกายของคนเราจะรักษาอุณหภูมิไว้ที่ 37 องศา เซลเซียส แต่เมื่อติดอยู่ในรถที่มีความร้อน ร่างกายก็จะขับความร้อนออกมาในรูปของเหงื่อ หากอุณหภูมิ ภายในรถยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ก็จะถึงจุดที่ ร่างกายทนไม่ไหว ทาให้กระบวนการขับความร้อนของร่างกายที่มาในรูป ของเหงื่อหยุดทางาน เมื่อกระบวนการขับความร้อนหยุดทางาน เด็กจะเกิดภาวะเลือดเป็นกรด ช็อก หมดสติ สมองบวมตามมา จากนั้นอาจหยุดหายใจ และอวัยวะทุกอย่างก็จะหยุดทางาน การจะตรวจสอบว่าเด็กติดอยู่ ในรถนานแล้วหรือไม่นั้น ให้ดูจากลักษณะร่างกาย หากเด็กติดอยู่ในรถยังไม่นาน เด็กจะมีสภาพตัวแดงๆ อยู่ แต่ถ้าเด็กติดในรถเป็นเวลานานแล้วจะมีลักษณะตัวซีด เพราะเลือดเป็นกรด และอวัยวะหยุดทางานแล้วนั่นเอง
เมื่อเป็นเช่นนี้ พ่อแม่ผู้ปกครอง รวมทั้งคุณครูโรงเรียนที่ดูแลเด็กเล็กๆ ต้องระมัดระวังบุตรหลานให้ มากขึ้น สิ่งสาคัญที่สุดก็คือ “อย่าทิ้งเด็กไว้ในรถ” ไม่ว่าพ่อแม่ผู้ปกครองจะลงจากรถไปทาธุระเพียงแค่ช่วงเวลา สั้นๆ ก็ไม่ควรปล่อยเด็กให้อยู่ในรถตามลาพังเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจอดรถอยู่กลางแจ้ง อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจเข้าใจว่า ถ้าเปิดกระจกแง้มๆ ไว้เล็กน้อยก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่จริงๆ แล้ว อย่าลืมว่า เด็ก เสียชีวิตเพราะความร้อน ไม่ได้เสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจ ดังนั้น แม้จะเปิดกระจกแง้มๆ ไว้ ก็ไม่ได้ช่วย อะไรมากนัก หรือแม้แต่จอดรถในที่ร่มก็ถือว่ามีความเสี่ยงที่เด็กจะเสียชีวิตได้เช่นกัน แต่อาจใช้เวลานานกว่า จอดรถกลางแจ้ง
นอกจากนี้ แม้แต่การเปิดแอร์ทิ้งไว้แล้วในรถก็อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ อย่างที่ปรากฏข่าวผู้ใหญ่ เปิดแอร์นอนอยู่ในรถแล้วเสียชีวิตอยู่บ่อยครั้ง นั่นเพราะเมื่อจอดรถติดเครื่องยนต์ไว้ คนในรถจะสูดดมก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์จากท่อไอเสียเข้าไปโดยไม่รู้ตัว ทาให้เกิดอาการปวดศีรษะ เซื่องซึม สั่น กระตุก หากสูดดม ก๊าซเข้าไปมากๆ อาจมีอาการหายใจติดขัด หมดสติโดยไม่รู้ตัว เพราะฮีโมลโกลบินจะน้อยกว่าปกติ ทาให้หัว ใจเต้นผิดปกติ และกระทบต่อระบบประสาทส่วนกลางจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ทันที
ที่มา: CSIP และ Mirro
ทิ้งลูก ไว้ในรถ
The Asianparent Thailand เว็บไซต์ข้อมูลคุณภาพและสังคมคุณแม่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและเอเชีย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ แหล่งความรู้แม่และเด็ก รวมถึงแอพพลิเคชั่น The Asianparent ที่ติดตามการตั้งครรภ์ให้คุณแม่ได้ลงทะเบียนใช้งานฟรี เพื่อติดตามพัฒนาการทารกตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงติดตามหลังคลอดที่ครอบคลุมที่สุดและผู้ใช้งานสูงสุดในประเทศไทย นอกจากความรู้ยังมีไลฟ์สไตล์และสื่อมัลติมีเดียหลากหลาย ไม่ว่าสุขภาพแม่และเด็ก โภชนาการแม่และเด็ก กิจกรรมสำหรับครอบครัว
การวางแผนครอบครัวไปจนถึง การดูแลลูก การศึกษา และจิตวิทยาเด็ก The Asianparent เราพร้อมสนับสนุนพ่อแม่ทุกท่าน ให้มีความรู้และมีสุขภาพกายใจเข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างครอบครัวอย่างแข็งแรง
เพราะเราเชื่อว่า “พ่อแม่เข้มแข็ง ครอบครัวแข็งแรง”
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
อุทาหรณ์พ่อแม่ทิ้งลูกไว้ในรถ ปลุกเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น
วันนี้เข้าไม่ได้มาเพื่อทำอาหาร แต่เขามาเพื่อเตือนสติทุกคน ว่าทำไม เราถึงไม่ควรทิ้งเด็กไว้ในรถ
เด็กดาวน์ 2 ขวบถูกทิ้งในท่อปูน อึเปื้อนเต็มตัวส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!