กินคีโตตอนท้อง กินคีโต มีผลดีหรือผลเสียต่อคุณแม่และลูกอย่างไร

กินคีโต ตอนท้อง กินได้ไหม

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

การกินคีโตเจนิค (Ketogenic Diet) คือ เทรนด์โภชนาการสำหรับคนลดน้ำหนักสุดฮิตของผู้หญิงหลายๆ คน ที่เชื่อว่ากินคีโตสามารถลดน้ำหนักได้ ทั้งนี้คุณแม่ที่กำลังตั้งท้องมักตั้งคำถามว่า สามารถกินคีโตตอนท้องได้หรือไม่ หากคุณแม่อยากลดไขมันส่วนเกินไปด้วย การกินคีโตตอนท้อง กินคีโต แล้วจะส่งผลอันตรายต่อร่างกายคุณแม่และลูกอย่างไรบ้าง เพราะก่อนหน้านี้มีคุณแม่ที่เตรียมตัวตั้งครรภ์เปิดเผยว่า เธอกินคีโตจึงสามารถตั้งครรภ์ได้จนเป็นที่เชื่อถือกันในต่างประเทศ อะไรทำให้เป็นเช่นนั้น มาดูเรื่องการกินคีโตก่อนท้องและข้อควรระวังการกินคีโตตอนท้องกันดีกว่าค่ะ

กินคีโตตอนท้องมีผลดีหรือเสียอย่างไร 

การกินคีโตเจนิค ไดเอต คือ การกินอาหารที่เน้นไขมันสูง รองมาคือโปรตีน เพราะการกินคีโตคือการลดคาร์โบไฮเดรตให้เหลือในปริมาณที่น้อยมาก รวมถึงลดน้ำตาลน้อยลง กินคีโตคือการแทนที่อาหารที่เราลดด้วยไขมันทั้งจากพืชและสัตว์แทน กระบวนการกินคีโตแบบนี้อาจส่งผลดีต่อคุณแม่ก่อนตั้งครรภ์และข้อควรระวังระหว่างตั้งครรภ์คือ … (ในการกินคีโต 2,000 แคลอรี่ต่อวันแต่ละมื้ออาจมี ไขมัน 165 กรัม คาร์โบไฮเดรต 40 กรัม โปรตีน 75 กรัม)

กินคีโต

กินคีโตเพื่อเตรียมตัวตั้งครรภ์

มีการอ้างว่ากินคีโต สามารถช่วยให้ผู้ที่กำลังวางแผนมีบุตร เตรียมตัวตั้งครรภ์ได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้อาจไม่ใช่วิธีที่ควรทดลองในตคุณแม่ทุกคน แต่อาจเพราะการกินคีโตสามารถช่วยให้บางคนมีความสมดุลของน้ำหนักตัวได้ หากแพทย์เตือนว่าคุณต้องลดน้ำหนัก ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น การทำเช่นนั้นอาจช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ได้ อย่างไรก็ตามยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่แสดงให้เห็นว่ากินคีโตสามารถเพิ่มภาวะเจริญพันธุ์ได้ซึ่งมีข้อดีคือ ก่อนตั้งครรภ์เมื่อร่างกายจะเข้าสู่ Keto adapted (ใช้ไขมันเป็นพลังงานได้อย่างสมบูรณ์)

  1. ลดภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ (Gestational hypertension)
  2. ลดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงหรือเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestational Diabetes Mellitus)
  3. ลดภาวะทารกตัวโต (Macrosomia)
  4. ลดภาวะทารกน้ำตาลในเลือดต่ำภายหลังการคลอด (Neonatal hypoglycemia)
  5. ลดสาเหตุการแท้งของทารกจากสภาวะทารกขาดออกซิเจน (Fetal hypoxia)

บทความที่เกี่ยวข้อง: อยากมีลูก – ควรและไม่ควรกินอาหารอะไรบ้าง?

ข้อควรระวังกินคีโตระหว่างตั้งครรภ์

และหากคุณกำลังพยายามตั้งครรภ์ การกินคีโตอาจทำให้วิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดหยุดชะงัก นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยทางการแพทย์ชิ้นหนึ่งพบว่า การกินคีโตอาจทำให้ระดับสารอาหารที่สำคัญต่อการเจริญพันธุ์ลดลง ได้แก่ วิตามินบี 6 วิตามินซี วิตามินดี วิตามินอี โฟเลต ไอโอดีน ซีลีเนียม เหล็ก DHA และ

  1. กินคีโตระวังไขมันอิ่มตัวในโปรตีน เพราะอาหารคีโตส่วนใหญ่ไม่ได้แยกว่าโปรตีนที่ดีต่อสุขภาพและโปรตีนที่มีไขมันอิ่มตัว เช่น เนื้อวัวและ เนื้อหมู ดังนั้นคนกินคีโตจึงกินเนื้อสัตว์ที่ไม่ดีต่อสุขภาพได้มากขึ้น เช่นเดียวกับเนยและไขมันสัตว์
  2. กินคีโตแล้วอาจลืมใส่ใจต่อไขมันดีที่ดีสำหรับทารกในครรภ์ เช่นไขมันจากพืชที่ดี เช่น ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ อะโวคาโด้ หรือพวกธัญพืชต่างๆ รวมถึง คาร์โบไฮเดรตจากพืชอย่าง มันฝรั่ง มันญี่ปุ่น หัวเผือก ฟักทองเป็นต้น
  3. คุณแม่อาจติดกินคีโตอร่อยๆ อย่างอาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก เบคอน เป็นต้น

หากผู้ชายอยากกินคีโตเพื่อเตรียมตัวเป็นคุณพ่อ

เมื่อมีความเชื่อว่าการกินคีโตของผู้หญิงที่เตรียมตัวตั้งครรภ์ส่งผลอย่างไรไปแล้ว มาดูฝั่งผู้ชายกันบ้างว่าผู้ชายกินคีโตมีผลดีคือ ทำให้สเปิร์มเคลื่อนไหวได้ดี รูปร่างของสเปิร์มเป็นแบบว่ายน้ำได้ดี จำนวนสเปิร์มเพิ่มขึ้น จึงทำให้การคีโตได้รับความนิยมมากในการช่วยผู้มีบุตรยาก ถึงขนาดที่มีคลินิกที่เน้นกินคีโตเพื่อเพิ่มโอกาสการมีบุตรร่วมกับกรรมวิธีทางวิทยาศาสตร์เในต่างประเทศ ถือเป็นอีกปัจจัยที่อาจช่วยให้มีบุตรง่ายขึ้น

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  1. ลดภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ (Gestational hypertension)
  2. ลดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงหรือเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestational Diabetes Mellitus)
  3. ลดภาวะทารกตัวโต (Macrosomia)
  4. ลดภาวะทารกน้ำตาลในเลือดต่ำภายหลังการคลอด (Neonatal hypoglycemia)
  5. ลดสาเหตุการแท้งของทารกจากสภาวะทารกขาดออกซิเจน (Fetal hypoxia)

กินคีโต

 

แล้วการกินคีโตตอนท้องปลอดภัยหรือไม่

แน่นอนว่าคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ที่ยังติดการกินคีโตหรือสนใจที่จะลดไขมันไปด้วย อาจมีความกังวลมากมายเกี่ยวกับอาหารคีโตเจนิกกับการตั้งครรภ์ อย่าลืมว่าการรับประทานอาหารแบบคีโต คือการเข้าสู่ภาวะคีโตซิส (Ketosis) ซึ่งก็คือเมื่อร่างกายไม่มีน้ำตาลกลูโคส (คาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่ง) เพียงพอสำหรับพลังงาน ดังนั้นจึงเผาผลาญไขมันแทน แต่ในช่วง3 เดือนแรกร่างกายของคนเราพยายามกักเก็บไขมันไว้เพื่อเป็นพลังงานที่จะใช้ในการตั้งครรภ์ในภายหลัง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

การกินคีโตยังส่งผลให้เกิดการสะสมของคีโตน  ซึ่งสามารถข้ามผ่านไปยังรกได้อย่างอิสระ เป็นเรื่องปกติที่ร่างกายจะสร้างคีโตนในระหว่างตั้งครรภ์ แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าคีโตนจำนวนมากจะมีผลอย่างไรต่อทารกในครรภ์ที่กำลังพัฒนาการเจริญเติบโต ซึ่ง “นายโฮวาร์ด เบอร์เกอร์” (Howard Berger) หัวหน้าแผนกเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์และรองหัวหน้าสูติศาสตร์ของโรงพยาบาลเซนต์ไมเคิลในโตรอนโต สหรัฐอเมริกากล่าว  “สมองของทารกในครรภ์ต้องการน้ำตาลกลูโคสเพื่อการทำงานและการบังคับให้สมองที่กำลังพัฒนาเปลี่ยนเป็นแหล่งพลังงาน ซึ่งคีโตนอาจส่งผลเสียได้”

แม้ว่าจะยังไม่มีการศึกษาเกี่ยวกับการกินคีโตในสตรีมีครรภ์ ด้วยเหตุผลทางจริยธรรม จึงมีการทดลองการกินคีโตในหนูทดลอง ซึ่งผลลัพธ์ก็ออกมาไม่ดีนัก “การศึกษาในหนูที่ท้อง พบว่าการกินคีโตมีผลต่อการทำงานของตัวอ่อนและการพัฒนาอวัยวะโดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวใจและสมองซึ่งอาจส่งผลเสียเมื่อเติบโตขึ้น นอกจากนี้อวัยวะภายในไม่มีพัฒนาการอย่างสมบูรณ์ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดในอนาคต รวมถึงปัญหาสุขภาพอื่นๆ ร่วมด้วย”

กินคีโตตอนท้องเสี่ยงอะไรบ้าง

1. กินคีโตเสี่ยงขาดสารอาหาร

การกินคีโต คือ การเข้าถึงสภาวะการเผาผลาญไขมัน (คีโตซีส) ซึ่งต้องอาศัยการคำนวณที่ค่อนข้างแม่นยำ แม้แต่คนสุขภาพดี ไม่ต้องกินเผื่อลูกยังเป็นเรื่องยากที่จะปฏิบัติตามหลักของการกินอาหารแบบคีโตอย่างถูกต้อง เช่น

  •  คาร์โบไฮเดรตเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำสำหรับการกินแบบคีโต รวมถึงผลไม้และผักส่วนใหญ่ซึ่งมีน้ำตาลตามธรรมชาติ
  • การกินคีโตอาจทำให้คุณได้รับคาร์โบไฮเดรตมากกว่าที่คีโตคำนวณไว้ เช่น บรอกโคลีเพียง 1 ถ้วยก็มีคาร์โบไฮเดรตประมาณถึง 6 กรัม
  • คนท้องต้องหารผักและผลไม้ที่มีสีสันสดใสซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินธาตุเหล็กและโฟเลตเพื่อบำรุงทารกที่กำลังเติบโต
  • การกินคีโตมักถูกจำกัดสำหรับการกินผักที่อุดมไปด้วยเส้นใยช่วยแก้อาการท้องผูกระหว่างการตั้งครรภ์ได้

2. กินคีโตเสี่ยงได้รับไขมันอิ่มตัวมากเกินไป

โปรตีนเป็นส่วนหนึ่งของการกินคีโต แต่อาหารคีโตส่วนใหญ่มีไขมันอิ่มตัวจำนวนมาก เช่น เนื้อวัว และเนื้อหมู ในความเป็นจริงเนื่องจากการเน้นการกินไขมันปริมาณมาก จึงสามารถทำให้คนกินเนื้อสัตว์ที่ไม่ดีต่อสุขภาพได้มากขึ้น ซึ่งอย่างที่กล่าวข้างต้น ไขมันที่ดีต่อสุขภาพเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับลูกน้อยที่กำลังเติบโตอยู่ในครรภ์  และไขมันอิ่มตัวที่มากเกินไปอาจทำให้คนท้องเกิดปัญหาสุขภาพ เช่น คอเลสเตอรอลที่สูงขึ้นซึ่งทำให้หัวใจของคุณเครียดและอาจส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

3. กินคีโตเสี่ยงต่อการบำรุงที่ไม่ถูกต้อง

คนส่วนใหญ่กินคีโตเพื่อลดน้ำหนัก  ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ กล่าวว่าโดยทั่วไปไม่แนะนำให้มีการลดน้ำหนักในระหว่างการตั้งครรภ์ แต่ควรเน้นไปที่การบำรุงร่างกายเพื่อความสมบูรณ์ของลูกน้อยให้มีพัฒนาการในครรภ์มารดา ทั้งนี้การจำกัดการบริโภคเมล็ดธัญพืช ถั่ว ผลไม้ และผักบางชนิดที่อุดมด้วยคาร์โบไฮเดรตจะทำให้คุณขาดไฟเบอร์ วิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระได้อย่างง่ายดาย

 

กินคีโตช่วยรักษาเบาหวานขณะตั้งครรภ์ได้หรือไม่

หากคุณแม่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นเบาหวานชนิดหนึ่งที่ผู้หญิงสามารถเป็นได้ ซึ่งโดยปกติมักจะหายไปหลังจากการคลอดลูก แต่อย่างไรก็ตามยังสามารถเพิ่มโอกาสในการเป็นโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ได้ในภายหลัง เนื่องจากมีการศึกษาบางกรณีเช่นในปี 2014 เปิดเผยให้เห็นว่าการกินคีโตสามารถช่วยจัดการระบบในร่างกายหรือป้องกันโรคเบาหวานบางชนิดได้ อย่างไรก็ตามคุณแม่ไม่จำเป็นต้องกินคีโตเต็มรูปแบบเพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ การกินอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตต่ำ และเพิ่มอาหารที่มีไขมัน โปรตีน ไฟเบอร์ ผลไม้สด และผักจำนวนมากเป็นทางออกที่ปลอดภัยกว่าในขณะที่คุณกำลังตั้งครรภ์

ทั้งนี้การกินคีโตบวกกับเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์นั้นยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่ลูกน้อยของคุณจะเป็นโรคเบาหวานเมื่อโตขึ้นได้อีกด้วย แพทย์ประจำตัวที่คุณแม่ฝากครรภ์จะทำการตรวจน้ำตาลในเลือดเป็นประจำเพื่อเช็คสุขภาพว่าคุณแม่จะไม่มีโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์เด็ดขาด

บทความที่เกี่ยวข้อง : แม่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ลูกในท้องจะเป็นอันตรายไหม ?

กินคีโต

 

มาดูแลสุขภาพง่ายๆ แบบไม่ต้องกินคีโต

วิธีที่ดีที่สุดคือ ไม่จำเป็นต้องกินคีโตแต่การรับประทานอาหารที่สมดุลด้วยผลไม้ ผัก เมล็ดธัญพืช ไขมัน และโปรตีนที่ดี ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากในระหว่างตั้งครรภ์ ดังนั้น การกินคีโตจึงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีในขณะที่คุณแม่ตั้งครรภ์ เนื่องจากจะทำให้คุณแม่ไม่ได้รับประทานอาหารที่มีสารอาหารมากพอ จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมและการศึกษาใหม่อาจเปลี่ยนความคิดเห็นของชุมชนแพทย์เกี่ยวกับการกินคีโตขณะตั้งครรภ์ ไม่ว่าเราจะแนะนำให้ตรวจสอบกับแพทย์หรือนักโภชนาการของคุณก่อนที่จะเริ่มรับประทานอาหารประเภทใดก็ตามว่าคุณกำลังวางแผนหรือคาดหวังว่าจะมีลูกหรือไม่ แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณกำลังตั้งครรภ์

การเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพระหว่างการตั้งครรภ์ย่อมส่งผลดีต่อความสมบูรณ์ของทารกในครรภ์ และตัวคุณแม่เองมากกว่าการไปกินคีโต ทั้งนี้หากคุณให้ความสำคัญกับโภชนาการที่ดีในครอบครัวอย่างสม่ำเสมอ เมื่อลูกคุณเติบโตขึ้น คุณสามารถปลูกฝังให้ลูกได้ซึมซับแนวคิดสำคัญนี้ของครอบครัวได้ตั้งแต่ลูกๆ ยังแบเบาะ เพื่อให้พวกเขาเกิดทักษะ ความฉลาดต่อการมีสุขภาพที่ดี (HQ) จะทำให้ลูกเป็นเด็กที่มีความฉลาดในการดูแลรักษาสุขภาพ เช่น รู้จักเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และงดเว้นอาหารที่ให้โทษต่อร่างกาย สามารถดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย ถ้าคุณพ่อคุณแม่เริ่มปลูกฝังให้ลูกรู้จักดูแลตัวเองเป็นตั้งแต่เล็ก ๆ เด็กก็จะมีภูมิคุ้มกันที่ดีเยี่ยม ที่สำคัญคือช่วยลดอัตราการเจ็บป่วยลงไปได้ เห็นไหมว่าคุณแม่ไม่จำเป็นต้องกินคีโตเลย

ข้อแนะนำสำหรับผู้หญิงที่กำลังอยากกินคีโตเจนิค แต่ยังไม่ตั้งครรภ์

การกินคีโตไปสักระยะร่างกายปรับตัวแบบนี้เราจะเรียกกันว่า คีโตสิส (Ketosis) หรือก็คือการที่ร่างกายใช้พลังงานจากไขมันแทนการใช้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาล ซึ่งการกินคีโตแล้วเข้าสู่กระบวนการคีโตสิสได้แล้วนั้นจะมีสัญญาณดังนี้

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

1. กินคีโตแล้วมีกลิ่นปาก กินคีโตไปสักระยะจะการมีกลิ่นปากจากนั่นคือการเข้าสู่กระบวนการคีโตสิสนี้จะเป็นกลิ่นปากที่มีกลิ่นเฉพาะ บางคนที่กินอาหารคีโตไปได้สักระยะก็จะบอกว่ามีกลิ่นเหมือนโลหะ หรือมีกลิ่นหวานๆ รวมถึงรู้สึกน้ำลายหวานก็มี ซึ่งอาการนี้มาจากการที่ร่างกายขับอซิโตนออกมาทางลมหายใจและปัสสาวะ

2. น้ำหนักลดไม่ใช่เรื่องแปลก สาวๆ กินคีโตก็เพื่อลดน้ำหนัก จึงไม่ต้องแปลกใจหากน้ำหนักลดลงจนน่าแปลกใจ แต่ก่อนที่จะน้ำหนักลดได้นั้น เราก็ต้องเคร่งครัดในการเลือกกินอาหาร ซึ่งในช่วงสัปดาห์แรกของการกินคีโตนั้น น้ำหนักจะลงเร็วมาก แต่เมื่อผ่านช่วงแรกไปน้ำหนักของเราก็จะนิ่งต้องกินคีโตต่อไปอีกหน่อยเดี๋ยวน้ำหนักก็จะลดลงต่อไปได้อีก

3. เหนื่อยง่ายเกินไป กินคีโตและเหนื่อยง่าย อ่อนเพลียไม่มีแรง มาจากการที่ร่างกายเริ่มปรับตัวไปใช้พลังงานจากไขมัน ซึ่งอาการอ่อนเพลียแบบนี้อาจจะใช้ระยะเวลา 7 – 30 วันเลยทีเดียวกว่าจะหาย และทำให้หลายๆ คนล้มเลิกกลางทางไปบางคนก็เกิดปฏิกิริยาทางร่างกายคือ ผมร่วง

4. กินคีโตแล้วไข้ขึ้น ว่ากันว่าบางคนกินคีโตแล้วมีอาการเป็นไข้ ไม่สบาย เวียนหัว คลื่นไส้ นอนไม่หลับ หากเราเกิดอาการแบบนี้แสดงว่าร่างกายเข้าสู่อาการไข้คีโต  ซึ่งหากผู้หญิงหลายคนทนอาการไข้คีโตนี้ได้ ไข้จะค่อยๆ หายและเราจะกลับมารู้สึกปกติในไม่ช้า

5. ท้องอืดหลังกินคีโตไปสักพัก ท้องเสีย ในช่วงแรกของการกินคีโตนั้นมักจะกระทบกับระบบการย่อยอาหารในร่างกาย และอาจจะทำให้บางคนเกิดอาการท้องอืด หรือบางคนก็เกิดอาการท้องเสียได้ ถ้าทนไม่ไหวก็ควรหยุดกินคีโตทันที

 

บทความที่น่าสนใจ:

ลดน้ำหนักด้วยการกินอาหารคีโตเจนิก ดีหรือไม่ วิธีลดน้ำหนักแบบนี้เหมาะกับใคร?

เคล็ดลับลดน้ำหนักแม่หลังคลอด ระหว่างให้นมลูก

ที่มา Rama Channel , amarinbabyandkids,th.drderamus.

บทความโดย

Chatchadaporn Chuichan