จิ๋มอักเสบ เพราะผ้าอนามัย เพราะใช้งานหนักไป
หรือไม่รักษาความสะอาดกันแน่
จิ๋มอักเสบ มีสาเหตุได้กี่อย่าง แล้วมันสามารถเกิดมาจากอะไรได้บ้าง
เกิดจากอะไร
เรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า ช่องคลอดอักเสบเกิดจากค่ากรดและด่างบริเวณจุดซ้อนเร้นที่ไม่สมดุลกันโดยปกติแล้วบริเวณช่องคลอดควรมีค่าประมาณ 3.8 หรือมีความเป็นกรดเล็กน้อย ช่วงที่มีประจำเดือนและตั้งครรภ์ ค่าความเป็นกรดและด่างจะเพิ่มขึ้นจนเสียความสมดุลของ Bacterial flora
ปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดช่องคลอดอักเสบได้ดังนี้
- ใช้ผ้าอนามัยแบบสอด (เลือดมีค่าPHสูง)
- ใช้น้ำยาทำความสะอาดจุดซ้อนเร้น (ใช้บ่อยเกินไปหรือใช้น้ำยามีสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง)
- มีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนหลายคน
- สูบบุหรี่
ข้อมูลเพิ่มเติมที่คุณอาจจะยังไม่ทราบเกี่ยวกับอาการช่องคลอดอักเสบ
ช่องคลอดอักเสบเป็นสาเหตุหนึ่งของการคลอดก่อนกำหนด ดังนั้นคุณควรแจ้งให้สูตินรีแพทย์ทราบหากมีการติดเชื้อหรือมีอาการที่อาจนำไปสู่อาการช่องคลอดอักเสบ คุณหมออาจทำการรักษาภายนอกเช่น ให้ยาทาฆ่าเชื้อ หรือ ให้น้ำยาทำความสะอาดจุดซ้อนเร้นที่เหมาะสมต่ออาการที่เกิดขึ้นปกติแล้วคุณหมอจะแนะนำให้ใช้ยาฆ่าเชื้อไม่เกิน 5-7 วัน แต่ก็สามารถกลับมาเป็นได้อีกจึงควรหมั่นสังเกตอาการ
โรคช่องคลอดอักเสบของผู้หญิงอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เป็นอุ้งเชิงกราน
ผู้หญิงที่มีผิวเข้มมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ได้มากกว่า อาจเนื่องมาจากระบบการดูดซึมวิตามินดีของร่างกายที่มากกว่าแตกต่างจากคนผิวขาว แต่เราก็ไม่แนะนำคุณซื้อวิตามินมาทานเองโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณกำลังตั้งครรภ์ แค่คุณออกมารับแสงแดดให้มากขึ้นก็เป็นการช่วยเพิ่มวิตามินดีให้แก่ร่างกายตามธรรมชาติโดยที่คุณก็ไม่ต้องเสี่ยงที่จะกินวิตามินมากจนเกินไป
วิธีป้องกันโรคช่องคลอดอักเสบ
- หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาทำความสะอาดช่องคลอดยกเว้นแพทย์แนะนำให้ใช้ มีผู้หญิงหลายคนใช้สมุนไพรสกัดหลายชนิดหรือผงฟูสำหรับทำความสะอาดบริเวณจุดซ้อนเร้น ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการใช้ส่วนผสมเหล่านี้หากไม่จำเป็น
- ใช้กางเกงในที่ทำมาจากผ้าฝ้ายขนาดพอดีไม่คับจนเกินไป
- หลีกเลี่ยงการใช้สบู่หรือน้ำยาทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น ใช้แค่น้ำเปล่าทำความสะอาดก็เพียงพอแล้ว
- หลังการมีเพศสัมพันธ์ควรทำความสะอาดบริเวณจุดซ้อนเร้นด้วยน้ำเปล่าเสมอ ที่สำคัญควรรีบทำทันทีไม่ควรรอให้เกิน 30 นาที
- รับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ และทานผลิตภัณฑ์ที่มีโปรไบโอติกส์ตามธรรมชาติอย่างนมเปรี้ยวและโยเกิร์ต ผลการวิจัยหลายชิ้นระบุว่าโปรไบโอติกส์ช่วยป้องกันการติดเชื้อจากแบคทีเรียได้หลายชนิด
แม้ว่าโรคช่องคลอดอักเสบจะไม่มีอันตรายร้ายแรงถึงชีวิตก็ตามแต่คุณก็ควรรีบรักษา ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ สำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์อาจจะมีความเสี่ยงสูงกว่าและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของครรภ์ โรคช่องคลอดอักเสบบางครั้งก็เป็นภัยเงียบที่ไม่แสดงอาการอะไรให้เห็น คุณควรตรวจให้มั่นใจโดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่เคยเป็นโรคนี้มาแล้ว
ช่องคลอดอักเสบ 2
เรามาดูรายละเอียดต่างๆที่เกี่ยวกับช่องคลอดอักเสบกันค่ะ
ช่องคลอดอักเสบ คืออาการอักเสบบริเวณช่องคลอด ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อหรือปัจจัยอื่น ๆ ผู้หญิงทุกวัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรีวัยที่มีบุตรได้และสตรีที่มีเพศสัมพันธ์จะมีความเสี่ยงต่อโรคนี้เป็นพิเศษ
ตกขาว
- ตกขาวปกติเป็นสารคัดหลั่งไร้กลิ่นสีใสหรือสีขาวที่มีลักษณะคล้ายแป้งเปียกหรือไข่ขาว
- ปริมาณอาจจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงตกไข่ ก่อนมีประจำเดือน เมื่อมีอารมณ์ทางเพศ ขณะตั้งครรภ์ ใช้ยาคุมกำเนิด หรือห่วงคุมกำเนิด
- ตกขาวผิดปกติมักมีสีเหลืองหรือสีเขียวและมีลักษณะคล้ายโยเกิร์ตหรือเป็นฟองที่มีกลิ่นเหม็นและอาจมีเลือดปน เกิดจากการติดเชื้อ การอักเสบ ติ่งเนื้อปากมดลูก หรือเนื้องอกที่อวัยวะเพศ ผู้ป่วยควรรีบพบแพทย์ทันที
ช่องคลอดอักเสบ 4
แบคทีเรียในช่องคลอด
|
สาเหตุ: |
พบได้ทั่วไปในสตรีวัยที่มีบุตรได้ โดยมีสาเหตุมาจากความไม่สมดุลของเชื้อประจำถิ่น (แบคทีเรีย) ในช่องคลอด การใช้ห่วงคุมกำเนิด การล้างช่องคลอด หรือการมีคู่ขาหลายคนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย |
สัญญาณและอาการ: |
ตกขาวมีปริมาณเพิ่มขึ้นหรือมีกลิ่นผิดปกติ ในบางรายอาจไม่มีสัญญาณหรืออาการก็เป็นได้ |
การรักษา: |
รับประทานยาปฏิชีวนะ หลีกเลี่ยงการล้างช่องคลอด มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย |
โรคราแคนดิดา (ราโมนิเลีย)
การติดเชื้อในช่องคลอดที่พบได้บ่อยที่สุดเกิดจากเชื้อราแคนดิดา ซึ่งเป็นยีสต์ (เชื้อรา) ชนิดหนึ่ง ผู้หญิงหลายคนเกิดการติดเชื้อซ้ำอีก ซึ่งอาจเกิดจากมียีสต์ปริมาณเล็กน้อยอยู่ภายในช่องคลอด
|
สาเหตุ: |
เมื่อค่า pH ของช่องคลอดเปลี่ยนไปหรือมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนภายในร่างกาย เช่น ขณะตั้งครรภ์ เป็นเบาหวาน หรือระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ การรับประทานยาปฏิชีวนะ ใช้สเตียรอยด์หรือยากดภูมิคุ้มกันติดต่อกันเป็นเวลานาน จะทำให้ช่องคลอดมีสภาวะที่เหมาะแก่การแพร่พันธุ์ของเชื้อราแคนดิดา ทำให้เกิดการติดเชื้อในช่องคลอด |
สัญญาณและอาการ: |
ตกขาวที่มีลักษณะคล้ายชีสหรือเต้าหู้ มีอาการคันมากบริเวณอวัยวะเพศ |
การรักษา: |
ใช้ยาเหน็บช่องคลอด ยาทาเฉพาะที่; ในกรณีที่กลับมาติดเชื้อซ้ำ อาจรับประทานยา; ควบคุมเบาหวาน |
ช่องคลอดอักเสบ 3
ช่องคลอดอักเสบจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์
|
สาเหตุ: |
การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน (ไม่ใช้ถุงยางอนามัย) หรือมีคู่ขาหลายคน การติดเชื้อทริโคโมแนส โรคหนองใน การติดเชื้อคลาไมเดีย เริมและหูดที่อวัยวะเพศคือสาเหตุที่พบได้ทั่วไป |
สัญญาณและอาการ: |
อาการคันบริเวณช่องคลอด ปริมาณตกขาวเพิ่มขึ้น ปวดท้องน้อยหรือเชิงกราน ปัสสาวะขัด หรือเลือดออกผิดปกติ ในบางรายอาจไม่มีสัญญาณหรืออาการก็เป็นได้ |
การรักษา: |
การรักษาด้วยยา คู่ขาต้องเข้ารับการประเมินและรักษาด้วยเช่นกัน รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล และมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย หากสงสัยว่ามีการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะมีอาการหรือไม่ก็ตาม ควรรีบพบแพทย์ทันที |
*ผู้ป่วยบางรายอาจไม่มีอาการ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจส่งผลต่ออวัยวะสืบพันธุ์ ทำให้เกิดท่อนำไข่อุดตัน ภาวะมีบุตรยากอย่างอ่อน การตั้งครรภ์นอกมดลูก ภาวะแท้งเป็นอาจิณ หรือกระทั่งการติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน
ช่องคลอดบางและอักเสบ (ฝ่อ)
|
สาเหตุ: |
ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ แต่มักเกิดหลังวัยหมดประจำเดือน เนื่องจากฮอร์โมนเพศหญิงหรือตกขาวลดลงส่งผลให้เยื่อบุช่องคลอดบางลง |
สัญญาณและอาการ: |
อาการคันและแสบร้อนข้างในช่องคลอด เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ หรือมีเลือดออกหลังร่วมเพศ (เลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์) |
การรักษา: |
ใช้สารหล่อลื่น ใช้ฮอร์โมนทดแทน |
ช่องคลอด อักเสบ 3
ข้อควรระวังเพื่อป้องกันช่องคลอดอักเสบ
- ใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดีและรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล
- สวมกางเกงชั้นในผ้าฝ้ายและหลีกเลี่ยงการสวมกางเกงรัด ๆ
- ใช้ฝักบัวแทนการแช่อ่างอาบน้ำ
- หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้หรือการใช้สบู่สำหรับจุดซ่อนเร้นหรือน้ำหอม
- เช็ดบริเวณอวัยวะเพศหรือทวารหนักจากด้านหน้าไปด้านหลัง หลีกเลี่ยงการล้างช่องคลอด
- ทำความสะอาดอวัยวะเพศก่อนมีเพศสัมพันธ์และปัสสาวะหลังจากมีเพศสัมพันธ์
- มีเพศสัมพันธ์กับคู่ขาเพียงคนเดียวและรู้จักป้องกันโดยใช้ถุงยางอนามัย
*การติดเชื้อในช่องคลอดไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์เสมอไป ควรรีบพบแพทย์ทันทีหากไม่แน่ใจ และให้คู่ขาเข้ารับการรักษาด้วย ถ้าจำเป็น
ที่มา : ช่องคลอดอักเสบ
บทความที่เกี่ยวข้อง
ตั้งครรภ์เป็นเชื้อรา มีตกขาว คนท้องใช้ยาเหน็บได้ไหม? อันตรายหรือเปล่า?
เชื้อราในช่องคลอด อันตรายกับลูกในท้องไหม ตกขาวมีแบบไหนบ้าง
จิ๋มเหม็น !!! ว๊ายยย แม่ท้องคนไหนเป็นมั่ง จิ๋มเหม็น แถมมีตกขาว แก้ไงดี
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!