ปัจจุบันมีหญิงสาวในวัยเจริญพันธุ์ส่วนใหญ่ประสบกับปัญหาของการที่ประจำเดือนมาผิดปกติ ประจำเดือนไม่มา เป็นจำนวนมาก ซึ่งสาเหตุของการที่ประจำเดือนไม่มานั้นมีมากมายหลายสาเหตุ และอาจส่งผลทำให้เกิดการตั้งครรภ์ในที่สุด หากยังไม่พร้อมที่จะมีบุตรก็อาจกลายเป็นปัญหาหรืออุปสรรคในการใช้ชีวิต วันนี้เรามาลองเช็กอาการของตนเองกันดีกว่าค่ะว่า การที่ประจำเดือนมาผิดปกติ ประจำเดือนไม่มา นั้นมีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง เพราะบางครั้งอาจมีผลจากการเป็นโรคร้ายแรงได้ หรือ ประจำเดือนไม่มาทำไงดี กลัวท้อง ไปดูกันเลย
สาเหตุที่ประจำเดือนไม่มา ไม่มีประจำเดือน ท้องได้ไหม
-
เครียดเกินไปหรือเปล่า
ความเครียดนอกจากส่งผลต่อจิตใจแล้ว ยังส่งผลต่อร่างกายได้ด้วย และสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ประจำเดือนไม่มาคือ ความเครียด เมื่อเครียดมาก ๆ ร่างกายจะผลิตฮอร์โมน GnRH ลดลง ทำให้ไม่เกิดการตกไข่ตามรอบของประจำเดือน ถ้าคิดว่า เกิดจากความเครียด ก็ต้องหาวิธีผ่อนคลาย หากิจกรรมสนุก ๆ ทำ พยายามทำใจให้สบาย นั่งสมาธิ หรือหาอย่างอื่นทำเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ แต่ถ้ายังไม่หาย ควรปรึกษาคุณหมอเพื่อรับคำแนะนำ ซึ่งร่างกายก็ต้องใช้เวลา กว่าที่ประจำเดือนจะมาตรงตามรอบเดือนได้ดังเดิม แต่อาจต้องใช้เวลา 2-3 เดือนขึ้นไป
-
ประจำเดือนไม่มาเพราะเป็นโรคบางอย่าง
การเจ็บป่วยต่าง ๆ ที่กระทบต่อประจำเดือน ทำให้ประจำเดือนไม่มา เช่น
- ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ จะกระทบต่อการผลิตฮอร์โมน GnRH ซึ่งทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติ
- ภาวะ PCOS หรือถุงน้ำรังไข่ ทำให้ประจำเดือนจะมาไม่สม่ำเสมอ 2-3 เดือนเป็นประจำเดือน 1 ครั้ง มักจะทำให้น้ำหนักขึ้น ขนดก หรือมีหนวดเพิ่มขึ้นด้วย
- นาฬิกาชีวิตเปลี่ยนไปทำให้พักผ่อนไม่เป็นเวลา หากนาฬิกาชีวิตเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากทำงานเป็นกะ เปลี่ยนจากการทำงานกลางวันเป็นกลางคืน หรือกลางคืนเป็นกลางวันบ่อย ๆ อาจพบปัญหารอบเดือนเปลี่ยนแปลงได้
-
ผลจากยาบางชนิดทำให้ประจำเดือนไม่มา วิธีประจำเดือนไม่มา 1 เดือน
การได้รับยาบางอย่างอาจเป็นสาเหตุให้ประจำเดือนไม่มาหรือประจำเดือนมาช้ากว่าปกติ เช่น การฉายรังสีเพื่อรักษาโรคมะเร็งปากมดลูก หรือการให้ยาเคมีบำบัดในการรักษาโรคมะเร็งทุกชนิด จะไปทำลายรังไข่ ทำให้รังไข่ไม่สามารถสร้างฮอร์โมนได้ จึงไม่มีประจำเดือน รวมถึงการใช้ยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน เช่น ยาฉีดคุมกำเนิด หรือยาเม็ดคุมกำเนิด
บทความที่เกี่ยวข้อง : ประจำเดือนมาน้อย เรื่องอันตรายใกล้ตัวที่ห้ามปล่อยผ่าน
-
ประจำเดือนไม่มา เนื่องจากอ้วนเกินไป
น้ำหนักมากเกินไป หรือการเป็นโรคอ้วนส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ ประจำเดือนขาดไปครั้งละหลายเดือน เนื่องจากผิวหนังเปลี่ยนเซลล์ไขมันไปเป็นฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งมีผลต่อการหลั่งฮอร์โมน FSH และฮอร์โมน LH ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ สำหรับแม่หลังคลอดที่น้ำหนักตัวมาก ๆ หากลดน้ำหนักลงมาได้จะสามารถกลับมามีรอบเดือนปกติ และถ้าอยากมีลูกอีก ก็จะมีลูกได้
-
ไม่ใช่แค่อ้วนเกิน ถ้าผอมไปก็ทำให้ ประจำเดือนไม่มา
ถ้าร่างกายมีไขมันน้อยเกินไป อาจทำให้ประจำเดือนผิดปกติได้เช่นกัน การเพิ่มน้ำหนักตัวจะช่วยให้ประจำเดือนกลับมาเป็นปกติได้ นอกจากนี้ อาการประจำเดือนไม่มามักพบบ่อยในผู้หญิงที่ออกกำลังกายอย่างหนัก หรือเป็นนักกีฬา รวมถึงคนที่มีภาวะ anorexia ที่ไม่ยอมรับประทานอาหารเนื่องจากกลัวอ้วน ก็มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการหลั่งฮอร์โมน GnRH เช่นกัน
-
กำลังเข้าสู่วัยทองหรือเปล่า
สัญญาณหนึ่งที่บอกว่าอยู่ในวัยใกล้หมดประจำเดือน ก็คือ ความผันผวนของฮอร์โมน ที่ทำให้รังไข่ทำงานผิดปกติ ซึ่งเริ่มวัยทองนี้เริ่มได้ตั้งแต่อายุ 40 ปีเป็นต้นไป อาจพบว่าประจำเดือนมีสีจางลงหรือเข้มขึ้น ประจำเดือนมาบ่อยขึ้นหรือบางทีก็ทิ้งช่วงไปนาน หากไม่ต้องการมีลูกในช่วงนี้ต้องแน่ใจว่าคุมกำเนิดแล้ว เพราะแม้ไม่มีประจำเดือนแต่ก็ยังถือว่าอยู่ในวัยเจริญพันธุ์
บทความที่เกี่ยวข้อง : รวมความรู้ มีลูกตอนอายุ 45 ท้องตอนวัยทอง ควรรู้อะไรบ้าง? มีอะไรที่น่ากังวลบ้าง
วิธีสังเกตว่าท้องหรือไม่ เมื่อประจำเดือนไม่มา
- คลื่นไส้หรืออาเจียน หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่าอาการแพ้ท้อง มักเกิดขึ้นในช่วงเช้า แต่ก็อาจเกิดขึ้นได้ในเวลาอื่น ๆ
- อ่อนเพลีย เป็นอาการที่พบได้บ่อยในระยะแรกของการตั้งครรภ์ เหนื่อยหรือง่วงระหว่างวัน อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
- ปัสสาวะบ่อย มดลูกที่ขยายตัวขึ้นในช่วงสามเดือนแรกจะไปกดทับกระเพาะปัสสาวะ ทำให้คุณปวดปัสสาวะบ่อยขึ้น
- หน้าอกเปลี่ยน หน้าอกอาจจะนิ่ม รู้สึกหนักขึ้น และอาจใหญ่ขึ้น ส่วนที่เป็นสีชมพูหรือน้ำตาลบริเวณรอบหัวนมอาจมีสีเข้มขึ้น
เมื่อสังเกตเห็นอาการเหล่านี้ ให้ลองซื้อที่ตรวจครรภ์มาเช็กดูก่อน
ส่วนใครที่กังวลว่า ท้องหรือไม่ ลองเช็กดี ๆ ว่า คำนวณรอบเดือนผิดหรือเปล่า เพราะรอบประจำเดือนของผู้หญิงแต่ละคนแตกต่างกัน โดยเฉลี่ยมักจะอยู่ที่ 28 วัน แต่บางคนรอบเดือนอาจสั้นหรือยาวกว่านั้น และก็ไม่ได้คงที่ในทุกเดือน อาจเป็นไปได้ว่า คำนวณรอบเดือนคลาดเคลื่อน แต่หากรู้ว่าไข่ตกเมื่อไหร่ ก็จะสามารถคาดการณ์ได้ว่าประจำเดือนจะมาในอีก 2 สัปดาห์หลังไข่ตก อย่างไรก็ตาม ถ้าประจำเดือนไม่มาโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่เช็กแล้วว่าไม่ได้ตั้งครรภ์ ในขั้นแรกแนะนำให้รออีกสักหนึ่งสัปดาห์ ค่อยทำการทดสอบการตั้งครรภ์อีกครั้ง หากผลยังเหมือนเดิม ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาต้นเหตุที่ทำให้ประจำเดือนไม่มา
ประจำเดือนไม่มา อย่าพึ่งด่วนสรุปว่าตัวเองท้องนะคะ เพราะการที่ประจำเดือนไม่มาอาจเกิดจากหลายสาเหตุ หากตรวจพบว่าตัวเองไม่ได้ตั้งครรภ์ แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยหาสาเหตุของอาการ และทำการรักษาอย่างถูกวิธีต่อไป
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
อาการเหมือนคนท้อง แต่ไม่ท้อง คุณแม่เคยเป็นกันไหม
ประจําเดือนขาดกี่วันท้อง ประจำเดือนไม่มา ท้องหรือเปล่า
ที่ตรวจครรภ์ ใช้ยังไง ที่ตรวจครรภ์แบบไหนดี ตรวจการตั้งครรภ์ได้เมื่อไหร่
ที่มา : haamor