9 วิธี WFH ยังไงไม่ให้ค่าไฟพุ่ง

ทำไมค่าไฟถึงพุ่งพรวดแบบไม่เคยมีในประวัติการณ์ เป็นเพราะเราเปิดแอร์ทั้งวันหรือเปล่านะ หรือมิเตอร์วิ่งผิดปกติ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เวลาทำงานอยู่กับบ้าน มันก็ดีไปอีกแบบ เพราะเรารู้สึกว่ามันก็ประหยัดค่าเดินทางดีนะ ไม่ต้องผจญกับรถติดบ้างล่ะ ไม่ต้องรีบแต่งตัว ไปเผชิญกับฝุ่น มลภาวะ แถมได้ใช้เวลาอยู่กับบ้านได้อย่างหน่ำใจ แต่พอสิ้นเดือนมานี่ซิ เหมือนชีวิตจะสิ้นใจ ทำไมค่าไฟถึงพุ่งพรวดแบบไม่เคยมีในประวัติการณ์ เป็นเพราะเราเปิดแอร์ทั้งวันหรือเปล่านะ หรือมิเตอร์วิ่งผิดปกติ คือเค้าจดมิเตอร์ผิดหรือเปล่า สารพัดจะนึก งั้นเรามาดู 9 วิธี WFH ยังไงไม่ให้ค่าไฟพุ่ง กันดีกว่าเผื่อจะช่วยลดภาระค่าไฟช่วงนี้ไปได้บ้าง

 

9 วิธี WFH ยังไงไม่ให้ค่าไฟพุ่ง

อยู่บ้านมันก็ดี แต่ถ้าค่าไฟพุ่งแบบนี้ ขอกลับไปทำงานที่บริษัทแทนได้มั้ย แต่ถ้าเลือกไม่ได้ เพราะสถานการณ์โควิด 19 ยังไม่ดีขึ้น เราก็ต้องก้มหน้าก้มตาทำงานที่บ้านกันต่อไป แล้วจะเอายังไงกับค่าไฟดีล่ะทีนี้ มีวิธีไหนบ้าง ที่จะช่วยทำให้ประหยัดค่าไฟในช่วง WFH ได้บ้างนะ

 

1. เลือกหาผ้าม่านที่กรองแสงUV ได้

ม่านกรองแสงช่วยคุณได้

ที่ค่าไฟเยอะ เป็นเพราะเราอาจจะเปิดแอร์ทั้งวันทั้งคืน ไม่เปิดจะอยู่ได้ยังไงล่ะ ก็อากาศมันร้อนซะขนาดนี้ ถ้าร้อนมาก ก็ไม่มีสมาธิในการทำงาน แต่ถ้าเปิดแอร์เย็นสบายเวอร์ สายตาก็พาลจะปิด และร่างอันไร้วิญญาณ ก็จะไปสยบอยู่บนที่นอนนุ่ม ๆ แต่ถ้าเปิดแอร์ทั้งวันทั้งคืน สิ้นเดือนมา ก็จะเหงื่อตกทั้งน้ำตา เพราะค่าไฟก็แพงซะเหลือเกิน ดังนั้น การที่เราจะเลือกใช้ผ้าม่าน กรองแสง UV เข้ามาช่วย ก็จะทำให้อุณหภูมิในห้องเราลดลง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

และเมื่ออุณหภูมิในห้องของเราลดลง การใช้พลังงานของเครื่องปรับอากาศ ก็จะเบาลงอีกด้วย เพราะเครื่องปรับอากาศก็จะไม่ต้องทำงานหนัก เพื่อเร่งให้อุณหภูมิในห้องของคุณ อยู่ในระดับที่คุณตั้งเอาไว้ ซึ่งอุณหภูมิที่พอเหมาะจะอยู่ที่ 24 - 26 องศา ก็จะทำให้ค่าการใช้ไฟของคุณ จะไม่แพงจนเกินเหตุนั่นเอง

 

2. ทำความสะอาดแผ่นกรองเครื่องปรับอากาศ

เครื่องปรับอากาศ เป็นตัวช่วยสำคัญที่เรามักจะต้องพึ่งพิงอยู่เสมอ หากจะเลี่ยงที่จะไม่ใช้งาน ก็ดูจะทรมานร่างกายของเราจนเกินไป แต่ถ้ากลัวว่าค่าไฟจะเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงแล้วล่ะก็ ให้ขยัน ทำความสะอาดแผ่นกรอง ให้ไม่มีฝุ่นเข้าไปเกาะ ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่องปรับอากาศ ทำงานได้ง่ายขึ้น ก็จะช่วยให้ประหยัดไฟได้มากขึ้นนั่นเอง อีกทั้งอากาศที่เราจะได้รับจากเครื่องปรับอากาศนั้น ก็ยังสะอาดขึ้นอีกด้วย

 

3. จัดห้องให้โล่ง และสะอาดอยู่เสมอ

คุณเชื่อหรือไม่ว่า การที่ห้องของคุณโล่ง ก็จะช่วยให้อากาศภายในห้อง ถ่ายเทได้สะดวกยิ่งขึ้น ทำให้อากาศที่ดูเหมือนจะน่าอึดอัด ร้อน และไม่สบายตัว กลับโปร่งโล่งสบาย แถมยังสะอาดอีกด้วย และฝุ่นที่เกาะอยู่ภายในห้อง ยังเป็นตัวที่สร้างอุณหภูมิให้สูงขึ้น แถมยังอาจจะไปเกาะอยู่ตาม พัดลม หรือเครื่องปรับอากาศ และข้าวของเครื่องใช้ ทำให้นอกจากอากาศจะไม่บริสุทธิ์ แล้ว ยังไปเพิ่มภาระในการทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศ ส่งผลให้การใช้ไฟก็จะเยอะขึ้นอีกด้วย

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

4. ตู้เย็น เพื่อนคู่ใจ

จัดระเบียบตู้เย็นให้เข้าที่

หลายคนพูดติดตลกว่า ที่ค่าไฟขึ้นเยอะ เป็นเพราะเราเปิดตู้เย็นบ่อยนั่นเอง เพราะการ WFH นั้น ทำให้เรามักจะเดินวน กับตู้เย็น เพื่อหาของขบเคี้ยว หยิบน้ำบ้าง อาหารบ้าง แล้วแต่จะมีให้หยิบ ยิ่งถ้าหากเราเป็นคนหนึ่ง ที่ชอบเปิดตู้เย็นค้างเอาไว้ และยืนดื่ม ยืนกิน แล้วค่อยปิดตู้เย็น ก็จะทำให้การทำงานของตู้เย็นนั้น หนักขึ้น เพราะอากาศความร้อนจากภายนอกจะเข้าไปในตู้เย็น และเครื่องก็จะทำการปรับอุณหภูมิเพื่อรักษาอาหารที่อยู่ภายใน ให้คงที่ ก็เป็นเหตุให้มีการใช้ไฟมากกว่าที่ควรจะเป็น

และการที่ข้าวของในตู้เย็น ถูกจัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่อัดแน่นจนเกินไป และคอยทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยให้ ระบบทำความเย็นของตู้เย็น ทำงานได้ง่ายขึ้น และส่งผลให้ประหยัดไฟมากขึ้นด้วยเช่นกัน

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

5. ทีวีเพื่อนคู่ใจ

อยู่เหงา ๆ ไม่รู้จะทำอะไร ก็จำเป็นจะต้องเปิดทีวีไว้เป็นเพื่อนคู่ใจ คลายเหงากันบ้าง แต่การเปิดทิ้งเอาไว้ บางครั้งก็ทำให้เปลืองไฟโดยไม่จำเป็น บางคนเลือกที่จะเปิดทั้งวันทั้งคืน ซึ่งก็ไม่รู้ว่า เราเป็นคนดูทีวี หรือให้ทีวีดูเรากันแน่ ทั้งตอนตื่นนอน ตอนทำงาน ตอนกินข้าว จนกระทั่งกลับนอนอีกรอบ ทีวีก็ยังคงเปิดวนเวียนอยู่อย่างนั้นทั้งวันทั้งคืน เลือกที่จะพักบ้างอะไรบ้าง แล้วดึงปลั๊กทีวีออกเมื่อไม่ได้ใช้งาน ก็จะทำให้ประหยัดไฟได้อีกเยอะค่ะ

 

6. ไม่รีดผ้าในห้องแอร์

รีดผ้า ภารกิจอันยิ่งใหญ่ และก็ร้อนมาก หลายคนเบื่อกับการรีดผ้า จนต้องเลี่ยงไปใส่เสื้อผ้า แบบที่ไม่จำเป็นต้องรีดก็มีเยอะ แต่สุดท้าย มันก็จะต้องมีชุดให้ต้องรีดไม่มากก็น้อยแหละ ดังนั้นหากคุณต้องการรีดผ้า ให้เลี่ยงที่จะต้องรีดผ้าในห้องแอร์ เพราะการรีดผ้า จะเป็นการเพิ่มอุณหภูมิในห้องให้สูงขึ้น ในขณะที่แอร์ ก็ต้องพยายามปรับอุณหภูมิภายในห้องให้อยู่ในองศาที่คุณได้กำหนดเอาไว้ ทำให้ทั้งการทำงานของเตารีด และการทำงานของเครื่องปรับอากาศ ต่างก็ทำงานหนักไม่แพ้กัน

ทางออกที่ดีที่สุดให้คุณปิดเครื่องปรับอากาศ พยายามเปิดหน้าต่าง เปิดประตูระเบียง ให้มีการถ่ายเทอากาศเข้าออกได้สบาย หากรู้สึกยังร้อนอยู่ ก็สามารถเปิดพัดลมพัดไปมา เพื่อให้เกิดการถ่ายเทของอากาศ แต่ไม่ใช่เปิดพัดลม จ่อกับตัวเตารีด เพราะจะทำให้ เตารีดเองก็ต้องเพิ่มอุณหภูมิให้ร้อนขึ้นเพื่อแข่งกับลมจากพัดลมที่เป่ามานั่นเอง

 

7. ถอดปลั๊กคอมพิวเตอร์ เมื่อชาร์ตเต็ม

ถอดปลั๊กคอมพิวเตอร์เมื่อชาร์ตเต็ม

เมื่อทำงานที่บ้าน การใช้คอมพิวเตอร์จึงเป็นอุปกรณ์หลักสำหรับใครหลาย ๆ คน บางคนก็มักจะเสียบปลั๊กทิ้งเอาไว้ ตลอดการใช้งาน ซึ่งนอกจากจะทำให้เปลืองค่าไฟแล้ว ยังไม่เป็นผลดี กับสภาพแบตเตอรี่ของเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณด้วย ดังนั้น หากเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณชาร์ตเต็มแล้ว ให้ถอดปลั๊กออกบ้าง ให้คอมพิวเตอร์ ได้ใช้ไฟ จากแบตเตอรี่ที่อยู่ติดในเครื่องบ้าง นอกจากจะช่วยเรื่องการประหยัดไฟในบ้านแล้ว ยังช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ของคอมพิวเตอร์คุณอีกด้วย

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

8. ใช้เตาแก๊สบ้างในบางครั้ง

หลายบ้านก็ยังรู้สึกสบายกับการอุ่นอาหารด้วยไมโครเวฟ บางคนถึงขั้นทำกับข้าวด้วยเครื่องไมโครเวฟเช่นกัน แต่ถ้าหากคุณลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หันมาใช้เตาแก๊สบ้างในบางครั้ง คุณก็จะรู้สึกได้ว่า มันก็สะดวกสบายไม่แพ้กันนะ บางคนบอกว่าพักอาศัยในคอนโด ไม่สามารถใช้แก๊สได้ ซึ่งการใช้เตาแก๊สกระป๋อง ก็ดูจะไม่เลวร้ายอะไรไม่ใช่เหรอ? และที่สำคัญ ช่วงทำอาหารนั้น ให้เปิดหน้าต่าง เพื่อระบายอากาศให้ถ่ายเท ดีกว่าการปิดประตูหน้าต่าง แล้วเปิดแอร์ แถมเลือกจะระบายกลิ่นด้วยการเปิดเครื่องดูดควัน มันก็ดูขัด ๆ พิกลไม่ใช่เหรอ?

 

9. ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ถูกใช้งาน

ถอดปลั๊กไฟทุกครั้งเมื่อไม่ใช้งาน

เครื่องใช้ไฟฟ้าไหน ที่เราไม่ได้ใช้งาน ก็ควรจะถอดปลั๊กออก นอกจากจะช่วยให้คุณประหยัดไฟแล้ว ยังช่วยให้คุณปลอดภัยจากการรั่วไหลของไฟฟ้าอีกด้วย การเสียบปลั๊กไฟค้างเอาไว้ จะทำให้กระแสไฟฟ้าวิ่งวนในเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่ถูกใช้งานก็ตาม และหากเกิดการชำรุดเสียหายจากระบบการทำงาน หรือสายไฟ ก็จะทำให้เกิดไฟรั่ว และเกิดอุบัติภัยได้เช่นกัน

 

9 วิธีต่าง ๆ ที่เรานำมาเสนอในวันนี้ เป็นเพียงวิธีพื้นฐานที่จะช่วยให้คุณสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นในช่วง WFH ดังนั้น นอกจากที่คุณจะอยู่บ้านให้ปลอดภัยจากภาวะระบาดของเชื้อโควิด 19 แล้ว คุณก็ควรที่จะอยู่บ้านด้วยความสุขสบาย ไม่เครียดเพราะบิลค่าไฟกันนะคะ

 

ที่มา : quickelectricianservicephoenix

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

กิจกรรมฮา ๆ ที่บ้าน คลายเครียด ให้เหมือนได้เที่ยวช่วงโควิด

กินไม่หยุด เมื่อกักตัวอยู่บ้าน 13 วิธีในการป้องกันความเครียด ยิ่งเครียดยิ่งกิน

อย่าประมาท! ชาร์จแบตเครื่องเล่นจีนแดง จนไฟฟ้าลัดวงจรทำไฟไหม้บ้าน

บทความโดย

Arunsri Karnmana