เผยเคล็ดลับ วิธีรักษารอยแผลเป็น รักษาอย่างไรให้รอยแผลหาย เห็นผลจริง!

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

วิธีรักษารอยแผลเป็น จะมีวิธีไหนบ้าง ที่จะช่วยรักษาแผลเป็นให้ดูจางลง และเรียบเนียนขึ้น วันนี้เรามีคำตอบมาฝากกันค่ะ เชื่อว่าหลาย ๆ คนจะต้องเคยมีแผลเป็นที่คอยกวนใจจนบางครั้งก็อาจจะทำให้เสียความมั่นใจได้เลยค่ะ ดังนั้น วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับดี ๆ ที่จะช่วยลบรอยแผลให้แผลจางหายไป บอกเลยว่าวันนี้เรานำมาฝากหลากหลายวิธีเลยค่ะ จะมีวิธีอะไรบ้าง ไปดูพร้อมกันเลย

 

รอยแผลเป็น เกิดจากอะไร?

รอยแผลเป็น (Scar) นั้นเกิดจากการฉีกขาดของเนื้อเยื่อเมื่อร่างกายได้รับการบาดเจ็บ เช่น แผลเป็นจากอุบัติเหตุ, ถูกของมีคมบาด, รอยแผลจากการผ่าตัด, แผลไฟไหม้, แผลไหม้จากน้ำร้อนลวก และรอยแผลจากหลุดสิว เป็นต้น จากนั้นร่างกายก็จะทำการผลิตคอลลาเจนขึ้นมาแล้วก็สร้างเนื้อเยื่อใหม่ เมื่อแผลสมานกันหายดีแล้วก็จะมีการทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ค่ะ

 

 

แผลเป็นมีกี่แบบ ?

  • แผลเป็นนูน (Hypertrophic Scars)

แผลเป็นชนิดนี้จะมีลักษณะนูนแดง แต่จะนูนเฉพาะตรงบริเวณแผลเท่านั้น ไม่มีการขยายออกมานอกรอยแผล ซึ่งรอยแผลเป็นชนิดนี้นั้นเกิดจากการที่ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นมามากจนเกินไป ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณแผลมีลักษณะนูนแดงขึ้น

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  • แผลเป็นคีลอยด์ (Keloid Scars)

สำหรับรอยแผลเป็นคีลอยด์นั้นจะมีลักษณะนูน และหนา ซึ่งรอยแผลชนิดนี้จะสามารถขยายออกมานอกบริเวณแผล ส่งผลทำให้แผลมีขนาดใหญ่กว่ารอยแผลเดิม ซึ่งส่วนมากรอยแผลเป็นชนิดนี้จะเกิดขึ้นกับรอยแผลที่เนื้อเยื่อนั้นเกิดความเสียหายมากค่ะ

 

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  • แผลเป็นหดรั้ง (Scars Contractures)

สำหรับรอยแผลเป็นหดรั้ง นั้นจะมีลักษณะแผลเป็นที่ขรุขระ มีลักษณะเหมือนผิวหนังถูกดึงรั้ง ไม่สม่ำเสมอ มักจะเกิดหลังจากแผลไฟไหม้ หรือน้ำร้อนลวกค่ะ

 

  • แผลเป็นหลุม (Atrophic Scar)

เป็นรอยแผลเป็นที่มีลักษณะลึกลงไปในผิวหนัง ซึ่งมักจะเกิดขึ้นกับรอยแผลที่เกิดการอักเสบบนผิว ทำให้ร่างกายสร้างพังผืดมาเกาะยึดผิวหนังเอาไว้กับเนื้อเยื่อใต้ชั้นผิว โดยส่วนใหญ่จะเป็นรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว เช่น สิวหัวช้าง หรือโรคอีสุกอีใส เป็นต้น

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

วิธีรักษารอยแผลเป็น

  • ทาครีมลดรอยแผลเป็น

การเลือกทาครีมลดรอยแผลเป็น ก็ถือเป็นวิธีที่สามารถรักษารอยแผลเป็นได้ง่ายมาก ๆ นะคะ แต่อาจจะต้องใช้ระยะเวลากว่าแผลจะเรียบเนียนดังเดิม ซึ่งความพิเศษของการเลือกใช้ครีมทารอยเป็นคือจะสามารถซ่อมแซมแผลได้เองอย่างสมบูรณ์ เพราะโดยทั่วไปแล้วในครีมจะประกอบไปด้วยส่วนผสมที่จะช่วยให้รอยแผลเป็นหายเร็วขึ้น และดูจางลงได้ และลดการสร้างคอลลาเจนบริเวณรอยแผล ซึ่งในปัจจุบันครีมลดรอยแผลเป็นสามารถหาซื้อได้ง่าย ๆ ตามร้านขายยาทั่วไป และเพื่อผลลัพธ์ที่ดีก็คือจะต้องทาเป็นประจำทุกวัน อย่างน้อยวันละ 2-3 ครั้งค่ะ

บทความที่เกี่ยวข้อง : 10 ครีมรักษารอยแผลเป็น ไอเท็มเด็ด ช่วยให้ผิวกลับมาเนียนอีกครั้ง

 

  • การฉีดยารักษาแผลเป็น

สำหรับการฉีดยารักษาแผลเป็น ก็จะเป็นการฉีดสเตอรอยด์เข้าในก้อนแผลเป็น เพื่อให้ตัวยาทำปฏิกิริยาให้แผลเป็นลดขนาดนูนลง และทำให้รอยแผลเป็นนุ่มขึ้น ซึ่งการรักษาด้วยวิธีนี้จะต้องรักษาอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อที่แพทย์จะได้ฉีดยาสเตอรอยด์ได้อย่างตรงจุด และใช้ปริมาณยาที่เหมาะสมค่ะ

 

 

  • ใช้เลเซอร์ลบรอยแผลเป็น

การใช้เลเซอร์ลบรอยแผลเป็น ก็ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่นิยมนำมาใช้งาน โดยการใช้งานจะใช้พลังงานลำแสงจากเครื่องเลเซอร์ เพื่อส่งผ่านไปยังชั้นผิวหนังบริเวณรอยแผลเป็นที่เป็นรอยนูน เพื่อลดอาการแดง และเพื่อให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ซึ่งการใช้วิธีการรักษานี้จะช่วยซ่อมแซมในส่วนของเนื้อเยื่อที่ถูกทำลาย ให้มีความแข็งแรง และสามารถกลับมาทำงานได้อีกครั้ง

 

  • ผ่าตัดแผลเป็น

สำหรับการผ่าตัดจะเป็นการช่วยจัดตำแหน่งให้รอยแผลเป็นดูดีขึ้น ซึ่งวิธีนี้จะต้องรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นนะคะ ซึ่งแพทย์จะทำการผ่าตัด เพื่อเอาแผลเป็นเก่าออก จากนั้นก็เย็บแผลใหม่อีกครั้ง ซึ่งวิธีนี้จะใช้ได้ผลกับรอยแผลเป็นบางชนิดเท่านั้น อาจจะต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญพิจารณาขนาดของรอยแผลเป็นและชนิดของรอยแผลเป็นค่ะ

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

วิธีลบรอยแผลเป็นด้วยวิธีธรรมชาติ

  • น้ำผึ้ง

น้ำผึ้ง ถือเป็นสิ่งที่จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และช่วยป้องกันการผลิตคอลลาเจนที่เป็นจำนวนที่มากเกินไป และลดรอยแผลเป็นได้เป็นอย่างดี ซึ่งวิธีการใช้งานก็เพียงแค่นำน้ำผึ้งมาทาบริเวณรอยแผลเป็นจากนั้นก็ทำการนวดวนเป็นวงกลมเบา ๆ 10 นาที และปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีหรือ 1 ชั่วโมง แล้วก็ล้างออกด้วยน้ำอุ่น แนะนำให้ทำวันละ 2 ครั้ง เป็นประจำทุกวันนะคะ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้รอยแผลเป็นดูจางลงแล้วค่ะ

 

  • น้ำมันมะกอก

น้ำมันมะกอก ก็ถือเป็นตัวช่วยที่สามารถดูแลแผลเป็นได้เช่นกันนะคะ ซึ่งน้ำมันมะกอกนั้นจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และป้องกันการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งวิธีการใช้งานก็เพียงแค่นำน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์มานวดบริเวณแผลเป็น และปล่อยให้แห้งค่ะ

 

  • ว่านหางจระเข้

ว่านหางจระเข้ถือเป็นพืชอีกหนึ่งชนิดที่สามารถรักษารอยแผลเป็นได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังสามารถช่วยลดอาการแสบร้อน และอาการคันได้เป็นอย่างดี พร้อมกับให้ความชุ่มชื้นผิว โดยวิธีการใช้ก็ง่ายมาก ๆ เพียงแค่นำวุ้นจากว่านหางจระเข้มาทาบริเวณแผลเป็น จากนั้นก็ปล่อยทิ้งไว้ให้ซึมซาบลงสู่ผิวจนแห้ง เพียงเท่านี้แผลเป็นก็จะค่อย ๆ ยุบลง และจางหายไป แต่เพื่อผลลัพธ์ที่ดีจะต้องทาเป็นประจำทุกวันนะคะ

บทความที่เกี่ยวข้อง : แนะนำ ! 10 ยี่ห้อ เจลว่านหางจระเข้ สุดปัง ไอเทมผิวสวยที่ต้องมีติดบ้าน

 

 

  • ใบบัวบก

ใบบัวบก จะมีช่วยสร้างเนื้อเยื่อ และช่วยสมานแผลให้หายได้ไวมากยิ่งขึ้นค่ะ เพียงแค่นำใบบัวบก 1 กำมือ มาล้างให้สะอาด จากนั้นก็ทำการตำให้ละเอียด แล้วคั้นเอาแต่น้ำ จากนั้นก็นำมาทาบริเวณแผลเป็น เพียงเท่านี้แผลเป็นก็ยุบลง และค่อย ๆ จางหายไป และยังช่วยทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้นอีกด้วยค่ะ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีแนะนำให้ทำเป็นประจำอย่างต่อเนื่องนะคะ

  • หอมหัวใหญ่

หอมหัวใหญ่ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระในการช่วยสร้างเนื้อเยื่อ และทำให้รอยแผลเป็นจางลง ซึ่งการรักษาด้วยวิธีนี้ก็ง่ายเพียงนิดเดียวเองค่ะ เพียงแค่ฝานหัวหอมเป็นแผ่นบาง ๆ จากนั้นก็นำไปบดให้ละเอียด แล้วบีบเอาน้ำหอมหัวใหญ่มาแต้มที่แผลเป็น และทิ้งไว้จนแห้ง จากนั้นก็ล้างออกด้วยน้ำอุ่น แนะนำให้ทำต่อเนื่องเป็นประจำนะคะ แผลก็จะค่อย ๆ จางลงค่ะ

 

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับ วิธีรักษารอยแผลเป็น ที่เรานำมาฝากกันวันนี้ ซึ่งวิธีการรักษารอยแผลเป็นที่เรานำมาฝากก็อาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการรักษานะคะไม่สามารถทำให้หายได้ทันที 100% ซึ่งการรักษาแต่ละวิธีก็ขึ้นอยู่กับขนาดของแผล และชนิดของแผลเป็นด้วยนะคะ ถ้าหากรักษาเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ก็จะสามารถช่วยให้แผลเป็นจางลงได้ค่ะ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคนนะคะ

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

รอยแผลเป็น ที่เกิดจากร่องรอยความซุกซนของเด็ก พ่อแม่ห้ามชะล่าใจ

พริกช่วยรักษาแผลได้จริงหรือ ? สรรพคุณของพริก ที่แม่ท้องควรรู้

แผลฝีเย็บ หลังคลอด รู้สึกเจ็บจี๊ด คุณแม่ควรดูแลตัวเองอย่างไร ?

ที่มา : 1, 2

บทความโดย

Suttida Butdeewong